ประกาศเพื่อยืนยันว่า การขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลก "ไม่ผูกพันประเทศไทย" (ปรีชา"ทัศน์)
โดย น.ส.พ.แนวหน้า 17 มกราคม 2552
ข้อเสนอแนะในการร่างประกาศเพื่อยืนยันว่าการขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลกว่าไม่ผูกพันประเทศไทย (โดยการเทียบเคียงประกาศสันติภาพ ตามประกาศประธานสภาผู้แทนราษฎร ลงวันที่ ๑ สิงหาคม ๒๔๘๗ ที่ประกาศ ณ วันที่ ๑๖ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๔๘๘ อันเป็นผลให้ประเทศไทยไม่ตกเป็นผู้แพ้สงครามโลกครั้งที่ ๒)
โดยที่ประเทศไทยได้ยืนยันอันแน่วแน่ตลอดมาในการคัดค้านไม่เห็นด้วยกับ คำพิพากษาศาลยุติธรรมระหว่างประเทศที่ได้วินิจฉัยว่าอำนาจอธิปไตยเหนือปราสาทพระวิหารเป็นของประเทศกัมพูชา เมื่อวันที่ ๑๕ มิถุนายน ๒๕๐๕ ค.ศ. ๑๙๖๒ ดังที่ได้แสดงให้เห็นประจักษ์แล้วจากข้อสงวนสิทธิ์ ที่ได้ยื่นยืนยันไว้ต่อเลขาธิการสหประชาชาติ และตามมติของคณะรัฐมนตรี เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๐๕ ความประจักษ์แจ้งชัด ต่อปวงชนชาวไทยและนานาประเทศแล้วนั้น
ด้วยเหตุนี้การที่คณะกรรมการมรดกโลก ขององค์การยูเนสโก (UNESCO) ได้ประกาศขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลกเมื่อวันที่ ๗ กรกฎาคม ๒๕๕๑ โดยยึดถือคำแถลงการณ์ร่วมระหว่างประเทศไทยกับกัมพูชา หรือ Joint Communique ฉบับลงวันที่ ๑๘ มิถุนายน ๒๕๕๑ และมติคณะรัฐมนตรีที่เห็นชอบด้วย กับคำแถลงการณ์ร่วมดังกล่าว ซึ่งต่อมาศาลรัฐธรรมนูญได้วินิจฉัยว่าคำแถลงการณ์ร่วมดังกล่าวมีลักษณะครบองค์ประกอบ ของความเป็นสนธิสัญญา ตามอนุสัญญากรุงเวียนนา ว่าด้วยสนธิสัญญา ๑๙๖๙ จึงเป็นหนังสือสัญญา ตามมาตรา ๑๙๐ วรรค ๒ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ที่จะต้องได้รับความเห็นชอบจากรัฐสภาก่อน ความปรากฏตามคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ เมื่อวันที่ ๘ กรกฎาคม ๒๕๕๑ จึงเป็นผลทำให้ข้อตกลงร่วมดังกล่าวไม่มีผลใช้บังคับได้ ไม่อาจนำไปอ้างอิงต่อคณะกรรมการมรดกโลก เพราะข้อตกลงร่วมดังกล่าวขัดต่อบทบัญญัติ ของรัฐธรรมนูญที่เป็นกฎหมายสูงสุดของประเทศ
ข้อตกลงดังกล่าวจึงไม่มีผลผูกพันประเทศไทย ไม่ว่าด้วยประการใด ๆ ทั้งสิ้น
จึงขอประกาศโดยเปิดเผย แทนประชาชนชาวไทย และต่อนานาประเทศว่า การประกาศขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลก ตลอดทั้งการกระทำทั้งหลาย เป็นการกระทำที่ผิดจากเจตจำนงของประชาชนชาวไทย เพราะฝ่าฝืนต่อบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ ที่เป็นกฎหมายสูงสุด และกฎหมายของบ้านเมือง ที่ห้ามมิให้กระทำการใด ๆ เพื่อให้ราชอาณาจักร หรือส่วนหนึ่งส่วนใดของราชอาณาจักรตกไปอยู่ภายใต้ของรัฐต่างประเทศ หรือเพื่อให้เอกราชของรัฐเสื่อมเสียไป ที่มีโทษทางอาญาถึงประหารชีวิต หรือจำคุกตลอดชีวิต
ประเทศไทยโดยประชาชนชาวไทยที่ไม่เห็นด้วย กับการขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลก จึงขอยืนยันที่จะให้สถานะของปราสาทพระวิหารได้กลับคืนมาสู่สถานะเดิม เมื่อวันที่ ๑๕ มิถุนายน ๒๕๐๕ ค.ศ. ๑๙๖๒ ดังที่ได้สงวนสิทธิ์ของประเทศไทยไว้อย่างสมบูรณ์ต่อเลขาธิการสหประชาชาติ ซึ่งยังคงมีผลอยู่ ณ วันนี้ และต่อไปภายหน้า
ปรีชา สุวรรณทัต
- - - - - - - - - - - - - - - - - -
พันตรีศิริชัย ทรัพย์ศิริ
นายกสมาคมคนพิการทางการเคลื่อนไหวสากล
โทร. 02-990-0331
http://www.apdi2002.com
http://www.youtube.com พิมพ์ apdi. หรือ สมาคมคนพิการ
1701520949
|