รำลึกวันจักรี กับวัดในรัชกาลที่ 1
โดย ASTVผู้จัดการ*** 5 เมษายน 2553
"ตั้งใจจะอุปถัมภก ยอยกพระพุทธศาสนา ป้องกันขอบขัณฑสีมา รักษาประชาชนและมนตรี" (พระราชนิพนธ์นิราศท่าดินแดง ในรัชกาลที่1)
เนื่องในวาระมหามงคล “วันจักรี” เวียนมาครบรอบอีกครั้งในวันที่ 6 เมษายนปีนี้ ถือเป็นโอกาสดีที่ปวงชนชาวไทยจะน้อมถวายความระลึกถึงวันสำคัญแห่งการเถลิงราชย์ในเอกองค์ปฐมกษัตรา มหาราชาจักรีวงศ์ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ซึ่งเป็นวันที่ระลึกถึง พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช และมหาจักรีบรมราชวงศ์ ที่เสด็จปราบดาภิเษก ขึ้นครองราชย์เป็นกษัตริย์พระองค์แรกแห่งราชวงศ์จักรี ขณะมีพระชนมายุได้ 45 พรรษา เมื่อวันที่ 6 เมษายน พ.ศ. 2325 (ตรงกับ วันเสาร์ เดือน 5 แรม 9 ค่ำ ปีขาล จัตราศก จุลศักราช 1144) และทรงสร้างกรุงเทพฯ เป็นเมืองหลวงของสยามประเทศ
นอกจากการทำศึกเพื่อปกป้องผืนแผ่นดิน การปกครองไพร่ฟ้าประชาราษฎร์แล้ว พระราชกรณียกิจด้านหนึ่งที่ได้รับการเอาพระทัยใส่เป็นอย่างดี และพสกนิกรชาวไทยในยุคสมัยปัจจุบัน สามารถเข้าไปร่วมรำลึกถึงพระปรีชาในองค์รัชกาลที่1ได้อย่างแจ่มชัดด้านหนึ่ง คือ งานด้านการศาสนา ที่นอกจากจะมีการสังคายนาพระไตรปิฎกแล้วนั้นยังได้ทรงปฏิสังขรณ์วัดวาอารามสำคัญต่างๆอีกด้วย
สถาปนา-ปฏิสังขรณ์วัดวาแลอาราม
ในจำนวนวัดที่ได้รับการสถาปนา-ปฏิสังขรณ์โดยองค์รัชกาลที่1มีอยู่หลายแห่งด้วยกัน ซึ่งที่จะไม่กล่าวถึงมิได้เลยคงจะเป็น “วัดพระศรีรัตนศาสดาราม” หรือ “วัดพระแก้ว” ที่ในขั้นแรกพระองค์ท่านทรงสถาปนาวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ขึ้นใน พ.ศ. 2325เป็นพระอารามหลวง พร้อมกับการสถาปนาพระบรมมหาราชวัง เพื่อเป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจและแสดงให้เห็นว่าประเทศไทยได้ฟื้นฟูแล้ว
เมื่อสร้างวัดพระศรีรัตนศาสดารามเสร็จทรงโปรดเกล้าฯ ให้อัญเชิญ “พระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร” หรือ “พระแก้วมรกต” มาประดิษฐาน ณ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม ซึ่งชาวไทยก็ถือว่าเป็นพระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองเรื่อยมา และเนื่องจากวัดพระแก้วเป็นวัดที่อยู่ภายในพระบรมมหาราชวัง จึงไม่มีพระสงฆ์จำพรรษา ซึ่งเป็นไปตามแบบแผนการสร้างพระบรมมหาราชวังมาตั้งแต่กรุงศรีอยุธยา
ภายในวัดพระแก้วมีสิ่งที่น่าสนใจมากมาย อาทิ พระอัษฎามหาเจดีย์ หรือพระปรางค์แปดองค์ ซึ่งอยู่ทางด้านทิศตะวันออกของวัด หรือด้านที่ตรงข้ามกับกระทรวงกลาโหม พระปรางค์เหล่านี้สร้างขึ้นมาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 1
“ปราสาทพระเทพบิดร”ปราสาทพระเทพบิดร เป็นปราสาทเพียงองค์เดียวในวัดพระศรีรัตนศาสดาราม เป็นปราสาทจตุรมุข ยอดปรางค์มีนภศูล และมงกุฎอยู่บนยอด ประดับกระเบื้องเคลือบ องค์เดียวในประเทศไทย เป็นต้น
หลังจากที่รัชกาลที่ 1 ทรงปราบดาภิเษกขึ้นครองกรุงรัตนโกสินทร์แล้ว ก็ยังได้ทรงให้ สมเด็จพระเจ้าหลานเธอ เจ้าฟ้ากรมหลวงเทพหริพิทักษ์ พระโอรสใน สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมพระศรีสุดารักษ์ พระพี่นางเธอในรัชกาลที่ 1ทรงบูรณะ “วัดราชบูรณะ” เขตพระนคร เชิงสะพานปฐมบรมราชานุสรณ์ฝั่งกรุงเทพฯ วัดนี้เป็นวัดหนึ่งในจำนวนวัดสำคัญประจำเมืองเอก 3 วัด คือ วัดมหาธาตุ วัดราชบูรณะ และวัดราชประดิษฐ์ ก่อนที่รัชกาลที่1จะทรงพระราชทานนามว่า "วัดราชบูรณะ" ตามนามวัดคู่เมืองราชธานี ตั้งแต่สมัยกรุงสุโขทัย
ส่วนอีกวัดหนึ่งที่สำคัญในองค์ปฐมกษัตริย์แห่งรัตนโกสินทร์ ก็คือ “วัดสุทัศน์เทพวราราม ราชวรมหาวิหาร” วัดในเขตพระนคร ตั้งอยู่ที่ถนนบำรุงเมือง พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ทรงมีพระราชประสงค์ที่จะสร้างวัดให้มีพระวิหารขนาดใหญ่เท่ากับพระวิหารวัดพนัญเชิง เพื่อเป็นศรีสง่าแก่พระนคร ได้พระราชทานนามไว้ว่า “วัดมหาสุทธาวาส” แต่สร้างยังมิทันสำเร็จ ได้เสด็จสวรรคตเสียก่อน
พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยได้ทรงดำเนินงานต่อ และพระราชทานนามวัดใหม่ว่า “วัดสุทัศน์เทพวราราม” สร้างเสร็จสมบูรณ์ในสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ที่วัดสุทัศน์ไม่มีเจดีย์เหมือนวัดอื่นๆ เพราะมีสัตตมหาสถานเป็นอุเทสิกเจดีย์ (ต้นไม้สำคัญในพุทธศาสนา 7 ชนิด) แทนที่อยู่
สิ่งที่น่าสนใจภายในวัด ได้แก่ พระศรีศากยมุนี (หลวงพ่อโต) พระประธานของวัดที่ได้ชะลอมาจากวิหารหลวงวัดมหาธาตุเมืองสุโขทัย และบานประตูพระวิหาร ซึ่งเป็นศิลปกรรมชั้นเยี่ยมทางด้านการแกะสลักในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์
และวัดที่จะไม่กล่าวถึงมิได้เลยอีกแห่งหนึ่งคือ “วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม”หรือ “วัดโพธิ์” ที่ตั้งอยู่ในเขตพระนคร เช่นกัน บริเวณถนนสนามไชย ข้างพระบรมหาราชวัง เป็นวัดเก่าแก่ซึ่งพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช โปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นเพื่อให้พระภิกษุสงฆ์ได้เล่าเรียนพระปริยัติธรรม
วัดนี้ถือเป็นวัดประจำรัชกาลที่ 1 ครั้นถึงสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวได้โปรดเกล้าฯ ให้บูรณะวัดโพธิ์ใหม่ทั้งหมด และได้นำเอาตำราวิชาการด้านต่างๆ มาจารึกไว้โดยรอบ เพื่อเป็นการเผยแพร่ความรู้แก่ประชาชน
ถือได้ว่าวัดโพธิ์เป็นมหาวิทยาลัยแห่งแรกของไทย นอกจากนี้ที่วัดโพธิ์ยังมีพระพุทธไสยาสน์องค์ใหญ่สร้างในสมัยรัชกาลที่ 3 ก่ออิฐถือปูนปิดทองทั้งองค์ ยาว 46 เมตร สูง 15 เมตร ที่ฝ่าพระบาทแต่ละข้างมีลวดลายประดับมุกเป็นภาพมงคล 108 ประการ อันเป็นลักษณะอย่างหนึ่งของมหาบุรุษตามคติของอินเดีย ปัจจุบัน จารึกวัดโพธิ์ จะได้รับประกาศนียบัตรรับรองให้เป็น "มรดกแห่งความทรงจำแห่งโลก” จาก องค์การยูเนสโก (UNESCO)ด้วย
วัดอีกแห่งหนึ่งในเขตพระนครที่มีความเกี่ยวข้องกับรัชกาลที่1คือ “ วัดอรุณราชวราราม” หรือ "วัดแจ้ง" ในช่วงเวลาที่กรุงธนบุรีเป็นราชธานี ถือกันว่าวัดแจ้งเป็นวัดคู่บ้านคู่เมือง เนื่องจากเป็นวัดที่ประดิษฐานพระแก้วมรกตและพระบาง เมื่อรัชกาลที่1 เสด็จเถลิงถวัลราชสมบัติ ได้โปรดให้สร้างพระนครใหม่ฝั่งตะวันออกของแม่น้ำเจ้าพระยา และรื้อกำแพงพระราชวังกรุงธนบุรีออก วัดแจ้งจึงไม่ได้อยู่ในเขตพระราชวังอีกต่อไป พระองค์จึงโปรดให้วัดแจ้งเป็นวัดที่มีพระสงฆ์จำพรรษาอีกครั้งหนึ่ง
ยังมี “วัดสระเกศราชวรมหาวิหาร” ซึ่งเป็นวัดโบราณในสมัยอยุธยา เดิมชื่อ “วัดสะแก” เป็นอีกแห่งที่รัชกาลที่1ทรงโปรดเกล้าฯ ให้ปฏิสังขรณ์และขุดคลองรอบพระอาราม แล้วพระราชทานนามใหม่ว่า วัดสระเกศ ซึ่งแปลว่า ชำระพระเกศา เนื่องจากเคยประทับทำพิธีพระกระยาสนาน เมื่อเสด็จกรีธาทัพกลับจากกัมพูชามาปราบจลาจลในกรุงธนบุรี และเสด็จขึ้นเถลิงถวัลยราชสมบัติ ใน พ.ศ. 2325มี พระบรมบรรพต หรือ ภูเขาทอง เป็นที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ
และปิดท้ายอีกสักแห่งที่ “วัดระฆังโฆสิตาราม วรมหาวิหาร” ตั้งอยู่ที่ ถนนอรุณอมรินทร์ แขวงศิริราช เขตบางกอกน้อย เป็นที่ประดิษฐาน สักการะรูปหล่อสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พฺรหฺมรํสี) เดิมชื่อ วัดบางว้าใหญ่ (หรือบางหว้าใหญ่)
ที่วัดนี้ มีหอพระไตรปิฎกซึ่งเป็นสถาปัตยกรรมที่สวยงามมาก เคยเป็นพระตำหนักและหอประทับนั่งของพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชขณะทรงรับราชการในสมัยธนบุรี และโปรดเกล้าฯ ให้รื้อมาถวายวัด เมื่อเสด็จขึ้นครองราชสมบัติแล้ว มีพระราชประสงค์จะบูรณปฏิสังขรณ์ให้สวยงามเพื่อเป็นหอพระไตรปิฎก
และนั่นก็เป็นวัดสำคัญๆในพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช รัชกาลที่ 1 ปฐมกษัตริย์แห่งราชวงศ์จักรีวงศ์ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ หนึ่งในพระมหากษัตริย์ที่มีพระมหากรุณาธิคุณอันล้นพ้นต่อประชาชนชาวไทย
- - - - - - - - - - - - - - - - - -
พันตรีศิริชัย ทรัพย์ศิริ
นายกสมาคมคนพิการทางการเคลื่อนไหวสากล (ส.พ.ค.)
โทร. 02-990-0331
http://www.apdi2002.com
http://www.youtube.com พิมพ์ apdi. หรือ
สมาคมคนพิการ
0704530900
*********************
|