ดึงเอกชนร่วมช่วยเหลือเด็กนักเรียนยกเว้นภาษีงานวิจัยสถาบันการศึกษา
 
พ.อ.ประชาสัณห์ ชนะสงคราม ผู้ช่วยโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุม ครม. อนุมัติหลักการร่าง พ.ร.ฎ.ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎา กร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .. ให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีแก่ผู้ให้การสนับสนุนการศึกษา ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ โดยยกเว้นภาษีเงินได้ ภาษีมูลค่าเพิ่ม ภาษีธุรกิจเฉพาะ และอากรแสตมป์ แก่ผู้สนับสนุนการศึกษา กรณีให้ทุนการศึกษา ทุนเพื่อการวิจัย พัฒนา และทุนจัดหาบุคลากรทางการศึกษา เป็นต้น เพื่อส่งเสริมให้ภาคเอกชนได้มีส่วนร่วมในการสนับสนุนการศึกษามากขึ้น ส่วนรายละเอียดให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่อธิบดีกรมสรรพากรประกาศกำหนดต่อไป
 
สำหรับมาตรการภาษีจะมีผลกระทบต่อการจัดเก็บรายได้ของกรมสรรพากรเล็กน้อย แต่จะมีส่วนช่วยพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศในระยะยาว ซึ่งจะเป็นฐานภาษีที่ยั่งยืนต่อไป ขณะเดียวกันยังช่วยลดภาระการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายของรัฐบาลในด้านการศึกษาได้อีกทางหนึ่ง
 
“ในปัจจุบันกระทรวงการคลังมีมาตรการสนับสนุนสิทธิภาษีแก่ผู้สนับสนุนการศึกษาโดยให้บุคคลธรรมดามีสิทธิหักค่าลดหย่อนสำหรับเงินบริจาคเท่าจำนวนที่บริจาคแต่ไม่เกิน 10% ของรายได้สิทธิที่เหลือหลังหักค่าใช้จ่ายและค่าลด หย่อนอื่น ส่วนบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลหักค่าใช้จ่ายได้ไม่เกิน 2% ของกำไรสุทธิ แต่ยังน้อยจึงจำเป็นต้องมีมาตรการภาษีเพิ่มเติมในการส่งเสริมให้เอกชนมีส่วนร่วมในการสนับสนุนการศึกษา”
  
นายศานิต ร่างน้อย อธิบดีกรมสรร พากร กล่าวว่า ที่ผ่านมาภาคเอกชนจะบริจาคให้กับสถานศึกษาในรูปของการซื้อวัสดุอุปกรณ์และการก่อสร้างอาคารเท่านั้น ดังนั้นเพื่อเป็นการจูงใจให้เอกชนเข้ามาช่วยเหลือสังคมมากขึ้นจึงได้ขยายประเภทของการบริจาคให้มากขึ้น โดยเน้นไปในเรื่องของการบริจาคทุนการศึกษา หรือการว่าจ้างอาจารย์พิเศษ หรือผู้เชี่ยวชาญพิเศษ ที่บริษัทเอกชนสามารถนำค่าใช้จ่ายเหล่านี้มาหักภาษีหรือขอลดหย่อนภาษีได้ในอัตรา 2 เท่าของค่าใช้จ่ายจริง นอกจากนี้ยังยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่มจากงานวิจัยของสถาบันการศึกษาทุกแห่งด้วย เพื่อสนับสนุนและกระตุ้นให้คนไทยมีจิตสำนึกที่จะช่วยกันส่งเสริมและดูแลด้านการศึกษา รวมทั้งช่วยอำนวยความสะดวกและลดต้นทุนให้กับนักวิจัยและสถานศึกษาต่าง ๆ ด้วย
 
ส่วนกรณีของภาษีเพื่อคนพิการ กำลังพิจารณาในรายละเอียดเพื่อให้เกิดความเหมาะสม ทั้งการให้ผู้ที่เลี้ยงดูคนพิการสามารถหักค่าใช้จ่ายได้คนละ 30,*** และการปรับลดอัตราภาษีเงินได้ของสมาคมองค์กรคนพิการ หรือมูลนิธิต่าง ๆ ซึ่งต้องพิจารณาให้รอบคอบว่าดำเนินการได้มากน้อยเพียงใด โดยต้องหารือกับกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ให้ชัดเจนก่อน โดยเฉพาะคำ***คำว่า “คนพิการ” ว่าควรจะครอบคลุมในลักษณะใด
  
สำหรับกรณีที่รัฐบาลชุดใหม่มีแนวโน้ม มีรายจ่ายมากขึ้นตามนโยบายประชานิยมนั้น กรมสรรพากรจะเสนอข้อมูลให้รัฐบาลพิจารณาว่า การปรับลดหรือเพิ่มภาษีแต่ละประเภท จะส่งผลกระทบต่อรายได้ของรัฐบาลและประชาชนอย่างไร.