ReadyPlanet.com


ผลการลงประชามติ...ผ่าน หรือ ไม่ผ่าน...


ผลที่เหมือนกันไม่ว่าร่างรัฐธรรมนูญนี้จะผ่านหรือไม่ผ่านประชามติ

          1)
มีการเลือกตั้งเกิดขึ้นอย่างแน่นอน กรณีที่ร่างรัฐธรรมนูญผ่านประชามติก็ดำเนินการตามร่างฯต่อไป กรณีที่ไม่ผ่านประชามติรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราวปี 49 กำหนดให้ คมช.และ ครม.หยิบรัฐธรรมนูญฉบับใดฉบับหนึ่งมาปรับปรุงแล้วประกาศใช้ ซึ่งหัวใจของรัฐธรรมนูญในระบอบประชาธิปไตยทุกฉบับก็คือการเลือกตั้ง

         
และเชื่อว่า คมช.และ ครม.คงไม่โง่เขลาหรือบ้าบิ่นพอที่จะหยิบรัฐธรรมนูญฉบับที่มีมาตรฐานต่ำกว่าร่างรัฐธรรมนูญปี 50 มาใช้เป็นแน่ เพราะขนาดว่าร่างรัฐธรรมนูญปี 50 ที่ผู้ร่างฯ เชื่อว่าดีกว่าปี 40 ยังไม่ผ่านเลย เว้นเสียแต่ว่าอยากจะเจริญรอยตามพม่าก็เป็นเวรเป็นกรรมของประเทศไทยที่จะต้องมีการเสียเลือดเสียเนื้อกันอีกเป็นแน่

          2)
กฎอัยการศึกก็จะดำรงคงอยู่ต่อไปเพราะการรับหรือไม่รับร่างรัฐธรรมนูญปี 50 ไม่เกี่ยวกับการยกเลิกหรือคงไว้ซึ่งกฎอัยการศึก เพราะเป็นเรื่องของการใช้อำนาจของทหารโดยเฉพาะ ใครที่หลงละเมอเพ้อพกว่าหากรับร่างรัฐธรรมนูญแล้วกฎอัยการศึกจะหมดไปจาก 35 จังหวัด หรือเกือบครึ่งประเทศนั้น คงเป็นความฝันลมๆ แล้งๆ

          
ยิ่งรัฐธรรมนูญผ่านก็ยิ่งต้องคงไว้เพื่ออ้างในการควบคุมฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยที่จะมีการเคลื่อนไหวจะด้วยเหตุอันใดก็แล้วแต่ ไม่ว่าจะเป็นด้วยเหตุผลการลงประชามติที่ไม่เป็นธรรม ไม่เป็นกลางเพราะผู้ร่างฯเป็น 2 ใน 5 ของ กกต. ผู้ซึ่งมีหน้าที่ควบคุมการลงประชามติเสียเอง และยิ่งถ้าร่างรัฐธรรมนูญฯ ไม่ผ่านก็ยิ่งต้องยังคงกฎอัยการศึกไว้เพื่อปกป้องตัวเองอยู่ดี ด้วยเหตุผลแห่งความมั่นคงด้านการทหาร

         
อย่างไรก็ตาม ผลที่ตามมาภายหลังการลงประชามติมิใช่ว่าจะมีแต่ผลเสียอย่างเดียว ผลดีที่เกิดขึ้นไม่ว่าร่างรัฐธรรมนูญจะผ่านไม่ผ่านก็ตามก็คือการเรียนรู้ทางการเมืองของคนไทยมีมากขึ้น อย่างน้อยก็มีร่างรัฐธรรมนูญไว้อ่านเล่นกันครัวเรือนละหนึ่งเล่ม หากไม่ไปชั่งกิโลขายหรือใช้มวนใบยาสูบเพื่อสูบเป็นบุหรี่เล่นไปเสียก่อน

 ผลที่แตกต่างกันกรณีร่างรัฐธรรมนูญผ่านการลงประชามติ

          1)
ระบอบทหารและระบอบอำมาตยาธิปไตยจะอยู่คู่กับประเทศไทยไปอีกนานแสนนาน

          2)
รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งจะอ่อนแอตกอยู่ภายใต้การควบคุมของอภิชนและขุนนางผ่านทางวุฒิสภาและศาล การเลือกตั้ง ส.ส., ส.ว. แบบใหม่ทำให้การเลือกตั้งล่าช้า ประชาชนเกิดความสับสน และสิ้นเปลืองงบประมาณ อีกทั้งการกำหนดเขตเลือกตั้ง ส.ส.เขตละ 3 คน ทำให้เกิดรัฐบาลผสม มีหลายพรรค ฝ่ายบริหารอ่อนแอ มีโอกาสที่จะถูกปฏิวัติรัฐประหารได้อีก ด้วยเหตุผลว่านักการเมืองทะเลาะกันและการบริหารบ้านเมืองไม่มีประสิทธิภาพ

          3)
ทำให้การปฏิวัติรัฐประหารในอนาคตเป็นเรื่องชอบธรรม เพราะมีบทบัญญัตินิรโทษกรรมในร่างรัฐธรรมนูญฯมาตรา 309 ที่เชื่อมโยงไปยังมาตรา 37 ของรัฐธรรมนูญชั่วคราว ปี 49 ที่บัญญัติว่าบรรดาการกระทำทั้งหลายซึ่งได้กระทำเนื่องในการยึดและควบคุมอำนาจ การปกครองแผ่นดินเมื่อวันที่ 19 กันยายน พุทธศักราช 2549 ฯลฯ

        
ไม่ว่ากระทำในวันที่กล่าวนั้นหรือก่อนหรือหลังวันที่กล่าวนั้น หากการกระทำนั้นผิดกฎหมาย ให้ผู้กระทำพ้นจากความผิดและความรับผิดโดยสิ้นเชิง ฉะนั้น กรณีคาร์บอมบ์ก็อาจจะกลายเป็นคาร์บ๊องไปเลยก็ได้ หากอ้างว่าได้กระทำเนื่องในการยึดอำนาจครั้งนี้ เพราะปรากฏตามข่าวสื่อมวลชนว่าผู้ต้องหาตัวใหญ่ๆ รายหนึ่งบอกว่าหากทำคาร์บอมบ์ไม่สำเร็จแผนต่อไปก็คือการทำรัฐประหารนั่นเอง

          4)
กฎหมายที่ให้อำนาจฝ่ายทหารเหนือฝ่ายอื่นไม่ว่าจะเป็นพลเรือนหรือตำรวจก็จะติดตามมาเป็นชุดๆ ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดก็คือร่าง พ.ร.บ.ความมั่นคงฯที่จ่อคิวพร้อมที่จะคลอดตลอดเวลา

          5)
งบประมาณด้านทหารและความมั่นคงจะเพิ่มขึ้นอีกมากมาย เพราะเพียงระยะเวลา 2 ปี หลังรัฐประหารฯ(ปี งบฯ. 50 และ 51) งบฯทหารเพิ่มขึ้นแล้วถึง 57,064 ล้านบาท หรือประมาณร้อยละ 66.40 เมื่อเทียบกับ งบฯปี 49  ซึ่งนอกเหนือจาก งบฯผูกพันอีก 4 ปีๆ ละไม่ต่ำกว่า 140,000 ล้านบาท

 กรณีร่างรัฐธรรมนูญไม่ผ่านการลงประชามติ

          1)
ทำให้พัฒนาการทางการเมืองที่ต้องหยุดชะงักลงดำเนินการต่อไปได้ เพราะจะเป็นจุดเริ่มต้นของการยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ที่มาจากการมีส่วนร่วมของประชาชนอย่างแท้จริง

          2)
ทำให้เราได้เรียนรู้ว่าการแก้ไขปัญหาการเมืองในระบอบประชาธิปไตยนั้นต้องแก้ด้วยวิถีทางประชาธิปไตยเท่านั้น มิใช่แก้ด้วยการใช้ปืนและรถถังเข้ายึดอำนาจ

         
กล่าวโดยสรุปก็คือ หากท่านเชื่อว่าการปกครองบ้านเมืองนั้นต้องมาจากชนชั้นนำและข้าราชการที่เชื่อว่าเป็นผู้ที่มีวิชาความรู้สามารถปกครองบ้านเมืองแทนเราได้ ก็ไปลงมติ เห็นชอบ แต่หากท่านเห็นว่าการเมืองเป็นเรื่องของประชาชนทุกคนไม่ว่าจะยากดีมีจนทุกคนมีสิทธิ์ มีเสียงเท่ากัน ก็ไปลงมติ ไม่เห็นชอบ ก็เท่านั้นเอง ใช่ไหมครับ

 

www.waddeeja.com

สมาคมคนพิการทางการเคลื่อนไหวสากล

พันตรีศิริชัย  ทรัพย์ศิริ

 



ผู้ตั้งกระทู้ พันตรีศิริชัย ทรัพย์ศิริ :: วันที่ลงประกาศ 2007-08-18 15:50:43 IP : 124.121.137.177


แสดงความคิดเห็น
ความคิดเห็น *
ผู้แสดงความคิดเห็น  *
อีเมล 
ไม่ต้องการให้แสดงอีเมล



สมาคมคนพิการทางการเคลื่อนไหวสากล 802/410 หมู่12 หมู่บ้านวังทองริเวอร์ปาร์ค ซอย10/4 ตำบลคูคต อำเภอลำลูกกา จังหวัดปทุมธานี 12130 โทร : 02-990-0331 Copyright © 2010 All Rights Reserved.