ผลประชามติทางการเห็นชอบ 57.81 - ไม่เห็นชอบ 42.19

กกต.แถลงผลการลงประชามติอย่างเป็นทางการแล้ว ก่อนส่งต่อให้ ส.ส.ร.เย็นนี้เพื่อดำเนินการต่อ เผยตัวเลขใช้สิทธิกว่า 25 ล้านคน คิดเป็นร้อยละ 57.61 เห็นชอบ 57.81 ไม่เห็นชอบ 42.19 ยังหนุนเลือกตั้งวันที่ 16 ธ.ค.
       
       วันนี้ (20 ส.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลาประมาณ 12.00 น. คณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) ได้แถลงสรุปผลการลงประชามติร่างรัฐธรรมนูญฉบับปี พ.ศ.2550 ทั่วประเทศอย่างเป็นทางการก่อนรายงานคะแนนให้กับสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) ว่า

มีผู้มาใช้สิทธิลงประชามติ 25,978,954 คน คิดเป็นร้อยละ 57.61

จากจำนวนผู้มีสิทธิลงประชามติ 45,600,000 คน

โดยมีผู้เห็นชอบกับร่างรัฐธรรมนูญร้อยละ 57.81 หรือคิดเป็น 14,727,407 คน

และไม่เห็นชอบกับร่างรัฐธรรมนูญ ร้อยละ 42.19 หรือ 10,747,310 คน
       
       สำหรับผลการลงประชามติครั้งนี้ ประชาชนในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคเหนือตอนบน ไม่รับร่างรัฐธรรมนูญมากที่สุด ขณะที่จังหวัดที่มีผู้มาใช้สิทธิมากที่สุด คือ จ.ลำพูน 75.35 เปอร์เซ็นต์ ส่วนจังหวัดที่มีผู้ใช้สิทธิน้อยที่สุด คือ จ.สุรินทร์ 49.66 เปอร์เซ็นต์ มีบัตรเสียสูงสุดที่ จ.ปัตตานี ร้อยละ 6 จังหวัดที่มีผู้เห็นชอบมากที่สุด คือ จ.ชุมพร ร้อยละ 92 จังหวัดที่เห็นชอบน้อยที่สุด คือ จ.นครพนม ร้อยละ 22.41
       
       นายสุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการ กกต.ยอมรับว่า จำนวนผู้ออกมาใช้สิทธิน้อยกว่าเป้าหมายที่ กกต.ตั้งไว้ เนื่องจากสภาพดินฟ้าอากาศที่มีฝนตกในบางพื้นที่ การรณรงค์คว่ำร่างรัฐธรรมนูญของผู้ไม่เห็นชอบ และความเบื่อหน่ายทางการเมือง
              
       อย่างไรก็ตาม นายสมชัยเห็นด้วยกับประธาน กกต.ที่จะให้มีการจัดการเลือกตั้งในวันที่ 16 ธันวาคม แต่ทั้งนี้ กกต.จะต้องหารือกับผู้เกี่ยวข้องอีกครั้งโดยเฉพาะกลุ่มการเมืองด้วย

www.waddeeja.com

สมาคมคนพิการทางการเคลื่อนไหวสากล

พันตรีศิริชัย  ทรัพย์ศิริ

ร่างรัฐธรรมนูญ ฉบับ 2550 ผ่านประชามติเห็นชอบ กันไปแล้วเมื่อวันที่ 19 สิงหาคมที่ผ่านมา

ต่อไปเป็นหน้าที่ของท่านมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) นำร่างรัฐธรรมนูญ 2550 ขึ้นทูลเกล้าฯถวาย เพื่อทรงลงพระปรมาภิไธย

ขณะเดียวกันก็ต้องอดใจรอ ร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ 3 ฉบับ มีร่าง

1.    พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้ง

2.    ร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) และการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) และ

3.    ร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง ที่ สนช.ต้องพิจารณาให้เสร็จสิ้นภายใน 45 วัน คาดว่าต้นเดือนตุลาคม

และจะชัดเจนยิ่งขึ้น เมื่อท่าน พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี นำร่าง พ.ร.ฎ.การ

เลือกตั้งขึ้นทูลเกล้าฯ ในเบื้องต้นที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เล็งไว้คือ     วันที่ 23 ธันวาคม 2550 แต่ยังต้องรอท่านนายกฯสุรยุทธ์เคาะอีกทีก่อนว่าเอาด้วยหรือไม่
เมื่อดูตามขั้นตอนแล้วกระบวนการเลือกตั้งก็เริ่มเป็นรูปเป็นร่างสดใสไปตามครรลองวิถีทางประชาธิปไตยที่ทั้งท่านและผมรอคอยจนเหงือกแห้งมาจะครบ 1 ปี คือ ในวันที่ 19 กันยายน 2550 หลังเกิดรัฐประหารยึดอำนาจรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร 19 กันยายน 2549

การเลือกตั้งเดินไปตามกลไกของรัฐธรรมนูญ 2550 เป็นไปตามประชามติของคนส่วนใหญ่ ไม่ควรจะเข้าไปชี้นำอะไรที่อาจกระทบต่อการเลือกตั้ง

ปล่อยให้ "กกต." เป็นอิสระในการควบคุมการเลือกตั้งให้เป็นไปโดยบริสุทธิ์ยุติธรรม

ขณะเดียวกันควรปล่อยโอกาสให้พวกนักการเมืองที่กำลังหน้าซีด ได้กลับตัว จะไปสังกัดเข้าคอกไหน ใหม่หรือเก่า หรือจะไปเป็นกลุ่มทางเลือกที่สาม กลุ่มไม่มีทางเลือก หรือเป็นกลุ่มโซ่สนิมข้อกลาง ได้ใช้เวทีเลือกตั้งฟาดแข้งกันเองตามกติกา

หรือ "คมช." ท่านไหน ยังกลัวพวกนักการเมืองโกงกินจะเข้าไปปู้ยี่ปู้ยำข่มขืนประเทศชาติอีก ก็ไปยื่นสมัครเข้าพรรคการเมือง หรือจะตั้งพรรคใหม่ เป็นพรรคน้ำดีลงไปไล่น้ำเน่า ก็เอาให้เหมาะไม่มีใครว่า ถ้าไม่กลัวตัวเหม็น

ส่วนที่วิตกจริตกันหนัก เห็นยิ้มแป้นหน้าชื่นอกตรมโบกไม้โบกมืออยู่ข้างสนามแมนฯซิตี้ที่อังกฤษ ผมว่าท่าน คมช.ปล่อยวางนอนหลับให้สบายตลอด 5 ปีได้เลยครับ ปล่อยให้กระบวนการยุติธรรมว่าไปตามกรรมดีกว่า

และที่สำคัญต้องปล่อยให้ประชาชนได้ใช้สิทธิในการตัดสินใจอย่างอิสระเต็มที่ที่จะเลือกผู้นำใหม่ เลือกทีมผู้บริหารใหม่ มากำหนดทิศทางประเทศตามที่มุ่งหวัง

เช่นเดียวกับผมที่หวังอยากจะเห็นผู้นำใหม่ ทีมบริหารใหม่ ที่ไม่ต้องเก่งมาก หรือถึงขนาดดีหนึ่งประเภทหนึ่ง แต่ขอให้มีติ่งคุณธรรม จริยธรรมติดอยู่ในหัวใจ มุ่งพัฒนาประเทศเพื่อนำมาซึ่งประโยชน์สุขของส่วนรวม ไม่ใช่เพื่อประโยชน์ส่วนตัวและพวกพ้องบริวารเป็นหลัก

แต่ "ผู้นำ" แบบที่ผมคาดหวังอยากเห็นในสนามเลือกตั้งยามนี้ค่อนข้างริบหรี่

www.waddeeja.com

สมาคมคนพิการทางการเคลื่อนไหวสากล

พันตรีศิริชัย  ทรัพย์ศิริ

ในหลวงทรงลงพระปรมาภิไธยรัฐธรรมนูญแล้ว

       พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงลงปรมาภิไธยในรัฐธรรมนูญฉบับใหม่แล้ว จากนั้นจะมีการประกาศในราชกิจจานุเบกษา และมีผลใช้บังคับทันทีในวันนี้
       
       วันนี้ (24 ส.ค.) เวลา 16.45 น.พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จฯ ออก ณ พระตำหนักจิตรลดารโหฐาน พระราชวังดุสิต พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้ นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ นำนายนรนิติ เศรษฐบุตร ประธานสภาร่างรัฐธรรมนูญ นายพิทูร พุ่มหิรัญ เลขาธิการสภาร่างรัฐธรรมนูญ นางสุวิมล ภูมิสิงหราช เลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติ เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2550 เพื่อทรงลงพระปรมาภิไธย ประกาศใช้เป็นรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรสืบไป
       
       สำหรับขั้นตอนต่อจากนี้ จะได้นำร่างรัฐธรรมนูญฉบับดังกล่าวประกาศในราชกิจจานุเบกษา และจะมีผลใช้บังคับทันทีในวันนี้
       
       ส่วนที่ห้องรับรองพิเศษ อาคารรัฐสภา 2 เมื่อเวลา 14.30 น.นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ได้ลงนามรับสนองพระบรมราชโองการในร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2550 โดยมี นายนรนิติ เศรษฐบุตร ประธานสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) นายพิทูร พุ่มหิรัญ เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ปฏิบัติหน้าที่เลขาธิการ ส.ส.ร.นางสุวิมล ภูมิสิงหราช เลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่เลขาธิการ สนช.พร้อมด้วยข้าราชการระดับสูงของรัฐสภาเข้าร่วมในพิธี
       
       จากนั้นเวลา 14.45 น.นายมีชัย พร้อมด้วยคณะได้เดินทางไปยังพระตำหนักจิตรลดารโหฐาน เพื่อเข้าเฝ้าฯพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ถวายร่างรัฐธรรมนูญ เพื่อทรงลงพระปรมาภิไธย
              
       ส่วนขั้นตอนสำคัญที่เกิดภายหลังทรงลงพระปรมาภิไธย คือ การประทับพระราชลัญจกร ซึ่งมีการประทับพระราชลัญจกร 4 องค์ ประกอบด้วย พระราชลัญจกรมหาโองการ พระราชลัญจกรไอยราพต พระราชลัญจกรหงสพิมาน และพระราชลัญจกรพระครุฑพาห์
       
       นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ แถลงข่าว ณ บริเวณห้องโถงชั้นล่าง อาคารรัฐสภา 1 ภายหลังจากนำร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2550 ขึ้นทูลเกล้าฯ เพื่อทรงลงพระปรมาภิไธย ความว่า
       
       “สวัสดีพี่น้องประชาชนชาวไทยที่เคารพ ในวันนี้ เวลา 16.30 น.พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้ทรงลงพระปรมาภิไธยในร่างรัฐธรรมนูญ พุทธศักราช 2550 ที่ผ่านความเห็นชอบของประชาชน และพระราชทานคืนมาแล้ว ในลำดับต่อไปจะได้มีการนำร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เพื่อใช้บังคับเป็นกฎหมายสูงสุดของประเทศต่อไปในวันนี้ อันหมายความว่า รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรกไทย พุทธศักราช 2550 มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 24 สิงหาคม 2550 เป็นต้นไป
       
       รัฐธรรมนูญฉบับนี้ร่างขึ้นโดยมีเจตนารมณ์ที่ต้องการนำพาประเทศไปสู่การปกครองในระบอบประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ และจัดให้มีการเลือกตั้งได้โดยเร็ว
       
       จากคำปรารภในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 อาจสรุปสาระสำคัญได้ 8 ประการ ดังนี้
       
       1.ธำรงรักษาไว้ซึ่งเอกราชและความมั่นคงของชาติ
       2.ทำนุบำรุงศาสนาทุกศาสนาให้สถิตสถาพร
       3.เทิดทูนพระมหากษัตริย์เป็นประมุขและเป็นมิ่งขวัญของชาติ
       4.ยึดถือระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข

5.คุ้มครองสิทธิและเสรีภาพของประชาชน
       6.ส่งเสริมให้ประชาชนมีบทบาทและมีส่วนร่วมในการปกครอง และตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐอย่างเป็นรูปธรรม
       7.กำหนดกลไกสถาบันทางการเมือง ทั้งฝ่ายนิติบัญญัติและฝ่ายบริหาร ให้มีดุลยภาพและประสิทธิภาพตามวิถีการปกครองแบบรัฐสภา
       8.มุ่งให้สถาบันศาลและองค์กรอิสระอื่น สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้โดยสุจริตเที่ยงธรรม
       
       ในช่วงที่ผ่านมา ถึงแม้ว่าเราจมีความคิดที่แตกต่างกันบ้าง แต่เราต้องไม่แตกแยกกัน และขอให้ทุกคนช่วยกันสร้างความสมานฉันท์ให้เกิดขึ้นในบ้านเมืองให้จงได้ รวมทั้งขอให้การเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นในเร็ววันนี้เป็นไปโดยบริสุทธิ์ยุติธรรม ซึ่งจะเป็นไปได้นั้น ต้องได้รับความร่วมมือจากทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะพี่น้องประชาชนต้องช่วยกันสอดส่องดูแลไม่ให้มีการกระทำทุจริตเกิดขึ้น
       
       ท้ายนี้ ผมต้องขอขอบคุณ สภาร่างรัฐธรรมนูญ คณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ สภานิติบัญญัติแห่งชาติ คณะรัฐมนตรี ศาลฎีกา ศาลปกครองสูงสุด คณะกรรมการการเลือกตั้ง คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน ผู้ตรวจการแผ่นดินของรัฐสภา คณะกรรมการสิทธิมนุษยชน สภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สถาบันอุดมศึกษา รวมทั้งหน่วยงานภาครัฐและเอกชนทุกภาคส่วน ตลอดจนประชาชนคนไทยที่ร่วมแรงร่วมใจกันในการดำเนินการจัดทำและเสนอแนะความคิดเห็นต่อร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550
       
       และขอขอบคุณสื่อมวลชนทุกแขนงที่ช่วยนำข่าวสารต่างๆ เกี่ยวกับการจัดทำร่างรัฐธรรมนูญไปสู่ประชาชนมาโดยตลอด ทำให้ประชาชนเกิดการตื่นตัวอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน และหวังเป็นอย่างยิ่งว่า รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 จะช่วยลดการผูกขาดอำนาจ และทำให้การเมืองดำเนินไปอย่างโปร่งใส มีคุณธรรมและจริยธรรม รวมทั้งยังประโยชน์สูงสุดให้เกิดแก่ประชาชนสืบไป”

www.waddeeja.com

สมาคมคนพิการทางการเคลื่อนไหวสากล

พันตรีศิริชัย  ทรัพย์ศิริ

ขั้นตอนหลังลงประชามติ คือ.....

1. หนึ่ง...นายกรัฐมนตรีประกาศย้ำชัดตลอดมาว่า ถ้าร่างรัฐธรรมนูญผ่านประชามติ จะมีการเลือกตั้งอย่างแน่นอนภายในเดือนธันวาคม 2550 นี้
 
2. สอง...เมื่อผลการลงประชามติผ่านพ้นเรียบร้อย สมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญจะส่งร่างกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญ 3 ฉบับต่อสภานิติบัญญัติทันที ร่างทั้งสามฉบับนี้คือ “พ.ร.บ.การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา” , “พ.ร.บ.พรรคการเมือง” และ “พ.ร.บ.คณะกรรมการการเลือกตั้ง” โดยสภานิติบัญญัติแห่งชาติจะต้องพิจารณาให้แล้วเสร็จภายในระยะเวลา 45 วัน นับแต่รัฐธรรมนูญผ่านการลงประชามติ   (กำลังร่างอยู่.......)
 
ในขั้นตอนนี้ สภานิติบัญญัติแห่งชาติได้ดำเนินการวางแผนรองรับไว้เรียบร้อยแล้ว นับแต่การระดมสมาชิกพิจารณาภาพรวมของกฎหมายทั้งสามฉบับไปแล้ว และได้ตระเตรียมสมาชิกจำนวนหนึ่งรอการพิจารณาในรายละเอียดต่อไป เข้าใจว่าชุดนี้จะต้องเก็บตัวทำงานหามรุ่งหามค่ำต่อเนื่องไม่น้อยกว่า 10 วัน
 
คำถามต่อมาคือหากพิจารณาไม่เสร็จสิ้นตามกำหนดระยะเวลาจะเป็นเช่นไร รัฐธรรมนูญปี 2550 นี้ได้บัญญัติไว้ในบทเฉพาะกาล มาตราที่ 295 วรรคสอง ดังนี้ “...ในกรณีที่พ้นกำหนดระยะเวลาตามวรรคหนึ่งแล้ว แต่สภานิติบัญญัติแห่งชาติยังพิจารณาร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญไม่แล้วเสร็จ ให้ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาตินำร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญที่คณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญจัดทำขึ้น

ทูลเกล้าฯถวายภายในเจ็ดวันเพื่อทรงลงพระปรมาภิไธย โดยถือเสมือนว่าสภานิติบัญญัติแห่งชาติได้ให้คามเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญดังกล่าวแล้ว...”
 
www.waddeeja.com

สมาคมคนพิการทางการเคลื่อนไหวสากล

พันตรีศิริชัย  ทรัพย์ศิริ

(ข่าว..ไอเอ็นเอ็นนิวส์ออนไลน์ ๕ ก.ย. ๒๕๕๐ )

"วิษณุ เครืองาม" ยอมรับ รัฐธรรมนูญส่งผลให้รัฐบาลอ่อนแอ ชี้ประชาชนมีอำนาจเพิ่มขึ้นจนรัฐบาลไม่กล้าทำงานหวั่นเกิดผลกระทบ

นายวิษณุ เครืองาม สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ หรือ สนช. กล่าวในการเสวนาทางวิชาการเรื่องเตรียมพร้อมรับมืออย่างไรในรัฐธรรมนูญ ๒๕๕๐

โดยยอมรับว่ารัฐธรรมนูญฉบับใหม่

จะส่งผลให้รัฐบาลชุดใหม่เกิดความอ่อนแออย่างน้อย ๓ ประการ คือ

1.  อ่อนแอในเรื่องโครงสร้าง อำนาจและการบริหารงาน เนื่องจากรัฐบาลที่ได้จะเป็นรัฐบาลผสม ทั้งนี้ในรัฐธรรมนูญยังให้อำนาจกับประชาชนมากขึ้น ซึ่งจะทำให้รัฐบาลไม่มั่นใจในการทำงานและเกิดความล่าช้าในการตัดสินใจ เนื่องจากเกรงว่าจะถูกคัดค้าน พร้อมกันนี้ยังเสนอ

2.   ให้รัฐบาลตั้งคณะทำงานปฏิรูปกฎหมาย เพื่อพิจารณาว่ารัฐธรรมนูญในฉบับใหม่มีข้อกฎหมายใดที่ต้องดำเนินการทันทีอยู่ในช่วงระยะเวลาที่รัฐธรรมนูญกำหนด เนื่องจากเป็นห่วงว่ารัฐบาลชุดหน้าที่เข้ามาหลังการเลือกตั้ง อาจดำเนินการไม่ทันตามกรอบที่รัฐธรรมนูญกำหนดไว้ ขณะที่ นายสมคิด เลิศไพฑูรย์ เลขาธิการคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญเห็นว่า

3.      รัฐธรรมนูญเป็นเพียงกลไกในการขับเคลื่อนของสังคมและคงไม่ช่วยให้สถานการณ์ดีขึ้นในการเลือกตั้งเพียงครั้งเดียว ซึ่งส่วนตัวเห็นว่ารัฐธรรมนูญมีส่วนดี ๘๐% และไม่ดี ๒๐% ซึ่งหากมีความจำเป็นต้องแก้ไขรัฐธรรมนูญก็สามารถทำได้แต่ไม่อยากให้มีการแก้ไขเพื่อประโยชน์ของตนเอง

http://www.apdi2002.com/

สมาคมคนพิการทางการเคลื่อนไหวสากล

พันตรีศิริชัย  ทรัพย์ศิริ 

การเลือกตั้งตามรัฐธรรมนูญใหม่ได้กำหนดไว้เป็นขั้นตอน ดังนี้

1.รัฐธรรมนูญฉบับร่าง พ.ศ.2550 จะต้องผ่านการลงคะแนนออกเสียงประชามติ ผู้มาออกเสียงประชามติข้างมากเห็นชอบเสียก่อน ผ่านขั้นตอนนี้ไปแล้วเมื่อ 19 สิงหาคม 2550

2.ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ นำร่างรัฐธรรมนูญขึ้นทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวาย และเมื่อทรงลงพระปรมาภิไธยแล้วให้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาและใช้บังคับได้ ตามที่กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราวปี 2449 มาตรา 31 ซึ่งเวลานี้ได้ผ่านขั้นตอนนี้ไปแล้วเมื่อวันที่ 24 สิงหาคม 2550

3.รัฐธรรมนูญปี พ.ศ.2550 มีผลใช้บังคับ ขั้นตอนนี้ผ่านไปแล้วเมื่อวันที่ 25 สิงหาคม 2550

4.คณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ ดำเนินการยกร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญเฉพาะที่จำเป็นเพื่อประโยชน์ในการจัดให้มีการเลือกตั้ง ให้แล้วเสร็จภายในสี่สิบห้าวันนับแต่วันที่รับร่างรัฐธรรมนูญ ตามมาตรา 30 และ 31 ของรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว ขั้นตอนนี้อยู่ในขณะดำเนินการ

พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญที่จำเป็นต่อการเลือกตั้งสามฉบับคือ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งและการได้มาซึ่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและสมาชิกวุฒิสภา พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วย พรรคการเมือง และพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วย คณะกรรมการการเลือกตั้ง

5.ในมาตรา 296 ของรัฐธรรมนูญพุทธศักราช 2550 ได้กำหนดไว้ว่า

"ให้ดำเนินการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรตามรัฐธรรมนูญนี้ให้แล้วเสร็จภายในเก้าสิบวัน และดำเนินการให้ได้มาซึ่งวุฒิสภาตามรัฐธรรมนูญนี้ให้แล้วเสร็จภายในหนึ่งร้อยห้าสิบวัน....."

6.สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรมาจากการเลือกตั้งโดยตรงและลับของประชาชนโดยวิธีแบ่งเขตสามคนเรียงเบอร์หรือสองคนเรียงเบอร์จำนวน 400 คน และแบบสัดส่วนอีกจำนวน 80 คน ตามมาตรา 93 ของรัฐธรรมนูญฉบับปี 2550

7.สมาชิกวุฒิสภามีจำนวน 150 คน มาจากการเลือกตั้งจังหวัดละหนึ่งคนรวม 76 คน และมาจากการสรรหาอีก 74 คน ตามที่กำหนดไว้ในมาตรา 111 ของรัฐธรรมนูญพุทธศักราช 2550

8.เมื่อพิจารณาตามขั้นตอนการไปสู่การเลือกตั้งทั่วไปตามที่กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญทั้งฉบับชั่วคราวและถาวรแล้วจะต้องมีการเลือกตั้งแน่นอน ขณะนี้องค์กรที่เกี่ยวข้องกำลังดำเนินการอยู่ คณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญโดยนาวาตรีประสงค์ สุ่นศิริ เป็นประธานกำลังยกร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญอยู่ คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในกำหนดเวลาคือ 45 วัน นับแต่วันประกาศออกเสียงประชามติรับร่างรัฐธรรมนูญตามกำหนด ก็คงประมาณ วันที่ 5 ตุลาคม 2550 คณะกรรมการจัดการเลือกตั้งต้องจัดการเลือกตั้งให้แล้วเสร็จภายใน 90วัน และให้ได้มาซึ่งวุฒิสมาชิกภายใน 150 วัน

9.ตามกำหนดนี้การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรก็จะไม่เกิดประมาณวันที่ 10 มกราคม 2551 และสมาชิกวุฒิสภาไม่น่าจะเกินต้นเดือน มีนาคม 2550

10.การที่มีคนบางคนหรือบางหมู่บางกลุ่มมีความพยายามจะให้การเลือกตั้งเลื่อนออกไปตามกำหนดการที่รัฐธรรมนูญได้กำหนดไว้ หรือพยายามจะให้ไม่มีการเลือกตั้งเกิดขึ้นจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม โปรดทราบไว้ว่าท่านกำลังฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญอยู่ เพราะในรัฐธรรมนูญ พุทธศักราช 2550 เวลา 296 ได้กำหนดไว้ว่า

"ให้ดำเนินการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรตามรัฐธรรมนูญนี้ให้แล้วเสร็จภายใน 90 วัน และดำเนินการซึ่งให้ได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภาตามรัฐธรรมนูญนี้ให้แล้วเสร็จภายใน 150 วัน...."

การที่รัฐบาลโดยท่านนายกรัฐมนตรีออกมาประกาศว่าจะจัดให้มีการเลือกตั้งในวันที่ 23 ธันวาคมนี้ หากพิจารณาที่กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญแล้วเห็นว่าเหมาะสมกันดี เป็นไปเวลาที่กำหนดและได้ประกาศให้ทราบกันทั่วไปแล้วด้วยวาจาถึงแม้จะยังไม่ได้มีหนังสือสั่งการเป็นทางการก็ตาม
ระดับนายกรัฐมนตรีของประเทศถ้าพูดแล้วเชื่อไม่ได้ ก็ไม่รู้ว่าจะให้ไปเชื่อใคร

www.waddeeja.com

สมาคมคนพิการทางการเคลื่อนไหวสากล

พันตรีศิริชัย  ทรัพย์ศิริ

กกต.เตรียมสรุปการแบ่งเขตการเลือกตั้ง ชง ครม.พรุ่งนี้

นายสุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เปิดเผยว่า แม้ กกต.จังหวัด จะยังไม่ส่งความคิดเห็นในเรื่องของการแบ่งเขตเลือกตั้งมาครบทุกจังหวัด กกต.จะนำข้อสรุปทั้งหมดเข้าสู่ที่ประชุม กกต. และจะได้ข้อสรุปเพื่อนำเสนอต่อที่ประชุม ครม.ในวันพรุ่งนี้ (16 ต.ค.) ซึ่งจะมีการพิจารณาในเรื่อง พระราชกฤษฎีกาเลือกตั้ง โดยจะนำเสียงคัดคัดค้านจากผู้สมัครในพื้นที่ต่างๆ มาพิจารณาประกอบการตัดสินใจด้วย ส่วนกติกาต่างๆ ที่จะมีผลบังคับใช้หลังมีประกาศพระราชกฤษฏีกาเลือกตั้งนั้น ทาง กกต.จะชี้แจงต่อพรรคการเมืองในการประชุมตัวแทนพรรค ครั้งสุดท้ายในวันที่ 22 ตุลาคม นี้ เพื่อสร้างความคุ้นเคยและจะได้ไม่มีปัญหา เมื่อถึงเวลาปฏิบัติจริง
        พร้อมกันนี้ เลขาธิการ กกต.ยังกล่าวถึงการเข้าพบของผู้จัดการโครงการประจำประเทศฟิลิปปินส์ หรือ IFES ในวันนี้ว่า เป็นการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในเรื่องของการใช้เงินกับการเลือกตั้ง ซึ่งทาง กกต.จะนำข้อเสนอแนะในเรื่องข้อกฏหมายและกติกาที่ใช้ในการแก้ไขปัญหาในเรื่องการซื้อสิทธิ์ขายเสียงมาปรับใช้ในการเลือกตั้งของไทยให้มีมาตรฐานสากลด้วย

www.waddeeja.com

สมาคมคนพิการทางการเคลื่อนไหวสากล

พันตรีศิริชัย  ทรัพย์ศิริ

พ.ร.ฎ. เลือกตั้งประกาศลงราชกิจานุบกษา มีผลบังคับใช้พรุ่งนี้

นายสุรชัย ภู่ประเสริฐ เลขาธิการคณะรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ในวันนี้ (24 ต.ค.) ได้นำพระราชกฤษฎีกาเลือกตั้งประกาศลงในราชกิจจานุเบกษาแล้ว ทำให้กฎหมายดังกล่าวมีผลบังคับใช้ทันทีในวันพรุ่งนี้ (25 ต.ค.) และในวันนี้ เวลา 10.00 น. ในฐานะที่เป็นเลขานุการคณะกรรมการดำเนินการตามวาระแห่งชาติ ว่าด้วยการรณรงค์และแก้ไขปัญหาการซื้อสิทธิ์ขายเสียง จะเข้าร่วมการประชุมของคณะกรรมการชุดนี้ ร่วมกับคณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต. ที่ตึกสันติไมตรีหลังใน ทำเนียบรัฐบาลด้วย ซึ่งการประชุมดังกล่าวถือเป็นการประชุมครั้งแรก หลังจากที่คณะรัฐมนตรีได้มีการแต่งตั้งคณะกรรมชุดนี้ เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา

www.waddeeja.com

สมาคมคนพิการทางการเคลื่อนไหวสากล

พันตรีศิริชัย  ทรัพย์ศิริ

ลงทะเบียนเลือก ส.ส.ล่วงหน้า 22 ต.ค.-22 พ.ย.นี้

นายยศศักดิ์ คงมาก ผู้อำนวยการกองปกครองและทะเบียน สำนักปลัดกรุงเทพมหานคร (กทม.) เปิดเผยว่า เมื่อเช้าวันที่ 19 ต.ค. ได้เชิญประชุมหัวหน้าฝ่ายปกครองและหัวหน้าฝ่ายทะเบียนทั้ง 50 สำนักงานเขตเพื่อหารือเตรียมความพร้อมในการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) ในพื้นที่กรุงเทพฯ ที่คาดว่าจะมีการเลือกตั้งในวันที่ 23 ธ.ค. นี้

หน่วยเลือกตั้งในกรุงเทพฯมีทั้งหมด  6,301 หน่วย จะต้องใช้กรรมการประจำหน่วยทั้งสิ้น 63,010 คน ซึ่งกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) สนับสนุนงบประมาณจำนวน 200 ล้านบาท เป็นค่าตอบแทนเจ้าหน้าที่ ซึ่ง กทม. จะของบเพิ่มอีก 60 ล้านบาท เป็นค่าอุปกรณ์และค่าพิมพ์บัตรเลือกตั้ง ซึ่ง กทม. ในฐานะที่ช่วยสนับสนุน กกต.ในการจัดเลือกตั้งจะเริ่มออกประชาสัมพันธ์ในรูปแบบต่าง ๆ เพื่อเชิญชวนประชาชนออกมาใช้สิทธิ ซึ่งกระทรวงมหาดไทยวางเป้าหมายดึงผู้ใช้สิทธิให้ได้ 70% มากกว่าการเลือกตั้ง ส.ส. ปี 2549 ที่มีผู้ใช้สิทธิ 60%

นายยศศักดิ์ กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ได้เตรียมความพร้อม ในการลงทะเบียนขอใช้สิทธิลงคะแนนเลือกตั้งนอกเขตจังหวัด ซึ่งสำนักงานเขตทั้ง 50 เขต จะเปิดให้ประชาชนที่มีชื่อในต่างจังหวัดที่ประสงค์จะลงคะแนนเลือกตั้งล่วงหน้าในกรุงเทพฯ ไปลงทะเบียนเลือกตั้งล่วงหน้าได้ที่สำนักงานเขตต่าง ๆ ทั้ง 50 เขต

ระหว่างวันที่ 22 ต.ค.-22 พ.ย. นี้ ในวันเวลาราชการ โดยเตรียมหลักฐานไปลงทะเบียนได้แก่  1. บัตรประชาชน  2. หนังสือเดินทาง 3. ใบขับขี่ ซึ่งกำหนด เลือกตั้งล่วงหน้าในวันที่ 15-16 ธ.ค. ณ สำนักงานเขตที่ไปลงทะเบียนไว้

www.waddeeja.com

สมาคมคนพิการทางการเคลื่อนไหวสากล

พันตรีศิริชัย  ทรัพย์ศิริ