ReadyPlanet.com


คนพิการ - ระวัง


 

 

ภัยสุขภาพยุคดิจิตอล...ที่ไม่ควรมองข้าม  18 กุมภาพันธ์ 2551

 

 

       อยากให้ทุกคนหยุดเวลาสักนิด แล้วมาสำรวจตัวเองว่า จัดอยู่ในกลุ่มเสี่ยงต่อภัยสุขภาพในยุคสังคมดิจิตอลนี้หรือไม่
       
       -
นั่งปฏิบัติงานในอิริยาบถเดิมๆ นานเกินกว่า 6 ชม./วัน
       
       - นั่งทำงานอยู่กับตัวเลขนานเกินกว่า 6 ชม./วัน
       
       - นั่งตรวจและเขียนเอกสารนานเกินกว่า 6 ชม./วัน
       
       - ต้องใช้คอมพิวเตอร์เพื่อการทำงานเกินกว่า 6 ชม./วัน
       
       
หาก 1 ใน 4 ข้อข้างต้นตรงกับพฤติกรรมประจำวันของคุณแล้ว คุณนับเป็นหนึ่งในกลุ่มเสี่ยงที่กำลังถูกคุกคามจากภัยร้ายในสำนักงานนั่นเอง เพราะเมื่อ 20 กว่าปีที่ผ่านมา ได้มีการสำรวจชาวอเมริกันกว่า 50 ล้านคน จาก 200 กว่าล้านคน ที่ใช้คอมพิวเตอร์ในการทำงานและมีอยู่ที่บ้านมากที่สุด มีการวิจัยออกมาว่า ผู้ใช้คอมพิวเตอร์ล้วนมีปัญหาทั้งทางระบบสายตา และอาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อทั้งสิ้น
       
       
สำหรับประเทศไทย ล่าสุดศูนย์ศึกษาและวิจัยมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ได้ทำการสำรวจอาการปวดหลังในกลุ่มตัวอย่างคนทำงานในออฟฟิศ ระหว่างเดือนมกราคม 2551 ที่ผ่านมา ทั้งผู้หญิงและผู้ชาย จำนวน 413 คน (ชาย 183 คน หญิง 230 คน) พบว่า ส่วนใหญ่ทำงานบนโต๊ะทำงานเฉลี่ยเกินกว่า 6 ชม./วัน และใช้คอมพิวเตอร์ในการทำงานมากกว่า 6 ชม./วัน และมีอาการปวดที่เป็นกันมากที่สุด ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา 5 อันดับแรก ก็คือ ปวดคอ ปวดไหล่ ปวดหลัง ปวดเอว และปวดศีรษะ โดยอาการปวดคอ มากถึง 84% และปวดไหล่ 71%
       

       ปัญหาเหล่านี้ไม่ควรมองข้าม เพราะอาจทวีความรุนแรงจนนำไปสู่ปัญหาสุขภาพต่อไป
       
       
สำหรับวิธีการป้องกันและรักษานั้น สามารถทำได้หลากหลายตามแต่สาเหตุ ไม่ว่าจะเป็นการปรับบริเวณโต๊ะทำงานหรือที่ทำงานให้เหมาะสม เปลี่ยนอิริยาบถบ้างในการทำงาน หรือเคลื่อนไหวร่างกายทุก 15-20 นาที ขจัดความเครียดในการทำงานออกไปให้หมด และเพิ่มความแข็งแรงและความยืดหยุ่นของระบบกระดูกและกล้ามเนื้อด้วย การนวด การใช้ความร้อน-เย็นเพื่อให้กล้ามเนื้อยืดหดตัว รวมไปถึงการออกกำลังกายแบบง่ายๆ ในท่าทางต่างๆ ส่วนผู้ที่ไม่ค่อยมีเวลาและต้องการความสะดวก ก็ให้เลือกใช้ผลิตภัณฑ์บรรเทาอาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อที่พัฒนาให้เหมาะสำหรับการบรรเทาปวดบริเวณคอและไหล่ เป็นต้น
       
       
ใส่ใจตัวเองสักนิด เพื่อสุขภาพและคุณภาพชีวิตที่ดี

 

 

* * * * * * * * * * * * * * * * *

พันตรีศิริชัย ทรัพย์ศิริ

นายกสมาคมคนพิการทางการเคลื่อนไหวสากล

โทร. 02-990-0331

 

http://www.apdi2002.com

http://www.youtube.com พิมพ์ apdi. หรือ สมาคมคนพิการ

1802511859



ผู้ตั้งกระทู้ พันตรีศิริชัย ทรัพย์ศิริ :: วันที่ลงประกาศ 2008-02-18 18:48:22 IP : 124.121.143.180


[1]

ความคิดเห็นที่ 1 (1696333)

ความเฉลียวฉลาดทางสติปัญญา

การพัฒนาเด็กปฐมวัยที่มีคุณภาพ โดยส่งเสริมให้มีการกำหนดหลักเกณฑ์และมาตรฐานแห่งชาติในการพัฒนาคุณภาพมาตรฐานเด็กปฐมวัย 3-5 ปี

ยุทธศาสตร์ 5 ประการ แม้จะถือเป็น "ของขวัญล้ำค่า" และเป็น "ก้าวแรก" ของ "การพัฒนาเด็ก และเยาวชนแบบบูรณาการ" แต่หากจุดเริ่มต้นที่ดีขาดการดำเนินการที่เป็นรูปธรรมอย่างต่อเนื่องแล้ว ก็คงไม่ต่างจาก "ไฟไหม้ฟาง" โดยเฉพาะการใช้ "การบูรณาการ" ซึ่งหมายถึง การนำศาสตร์ต่างๆ ที่มีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องกันมาผสมผสานกัน เพื่อประโยชน์ในการดำเนินการด้านใดด้านหนึ่ง เพื่อพัฒนาเด็กให้มีคุณภาพนั้น จำเป็นต้องอาศัยทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่รอบตัว ไม่ว่าจะเป็นพ่อแม่ ญาติพี่น้อง ครู หรือแม้แต่สื่อมวลชน เพื่อพัฒนาเด็กไป พร้อมๆ กัน ในทุกด้าน โดยจำเป็นต้องเริ่มพัฒนาตั้งแต่ช่วงปฐมวัย ซึ่งเป็น "วัยทองของการพัฒนาชีวิต"

จากอิทธิพลโลกยุค KM (Knowledge Management) ซึ่งเป็นยุคแห่งการจัดการความรู้ และการเรียนรู้นอกจากจะต้องฝึกฝนเด็กให้เป็นบุคคลที่รู้จักใฝ่รู้ ใฝ่เรียน และรักที่เรียนรู้ตลอดชีวิต (Life Iong Learning) แล้วยังต้องให้ความสำคัญกับการสร้าง "ทักษะทางสังคมสำหรับเด็กปฐมวัย" (Social Skill for Early Childhood) เนื่องจากเด็กในวัยนี้หากได้รับการปูพื้นฐานทางสังคมได้อย่างถูกต้อง ก็จะส่งผลให้เด็กมี 6 Q หรือความฉลาดในแง่มุมต่างๆ ซึ่งได้แก่

"
ความเฉลียวฉลาดทางสติปัญญา" หรือ I.Q. (Intelligence Quotient) "ความฉลาดทางอารมณ์" หรือ E.Q. (Emotional Quotient) "ความฉลาดทางจริยธรรม" หรือ M.Q. (Moral Quotient) "ความฉลาดในการแก้ไขปัญหา" หรือ A.Q. (Adversity Quotient) "ความฉลาดในการริเริ่มสร้างสรรค์" หรือ C.Q. (Creativity Quotient) และ "ความฉลาดที่เกิดจากการเล่น" หรือ P.Q. (Play Quotient) อีกด้วย

"
เครื่องมือ" ที่ทรงพลัง มีคุณภาพ ราคาประหยัด และเหมาะสมกับเด็กในช่วงปฐมวัยเป็นอย่างยิ่งนั้น ก็คือ "นิทาน" เพราะนิทานที่มีคุณภาพนอกจากจะสามารถพัฒนา 6 Q ให้แก่เด็กได้อย่างครบถ้วนแล้ว ยังช่วยสานสายใยภายในครอบครัว ปลูกฝังให้รักการอ่าน และเป็นการฝึกสมาธิให้แก่เด็กอีกด้วย ซึ่งหากเด็กได้รับการเลี้ยงดูอย่างถูกวิธีก็ย่อมส่งผลให้เด็กเป็นทั้ง "คนเก่ง และ คนดี"

 

* * * * * * * * * * * * * * * * *

พันตรีศิริชัย ทรัพย์ศิริ

นายกสมาคมคนพิการทางการเคลื่อนไหวสากล

โทร. 02-990-0331

 

http://www.apdi2002.com

http://www.youtube.com พิมพ์ apdi. หรือ สมาคมคนพิการ

 

0103511722

ผู้แสดงความคิดเห็น พันตรีศิริชัย ทรัพย์ศิริ วันที่ตอบ 2008-03-01 17:11:52 IP : 124.121.135.27



[1]


แสดงความคิดเห็น
ความคิดเห็น *
ผู้แสดงความคิดเห็น  *
อีเมล 
ไม่ต้องการให้แสดงอีเมล



สมาคมคนพิการทางการเคลื่อนไหวสากล 802/410 หมู่12 หมู่บ้านวังทองริเวอร์ปาร์ค ซอย10/4 ตำบลคูคต อำเภอลำลูกกา จังหวัดปทุมธานี 12130 โทร : 02-990-0331 Copyright © 2010 All Rights Reserved.