"เฮนรี่ แวนฮอยกิ"(ใส่แว่นตาดำ) และเพื่อนคู่หู โจเซฟ คิบุนยา
เฮนรี่ แวนฮอยกิ นักวิ่ง...หัวใจเหล็ก ผู้สูญเสียสายตา
ในหมู่บ้านเล็กๆที่ไม่ร่ำรวย แห่งเมืองคิคูยู ประเทศเคนยา เฮนรี่ แวนฮอยกิ ออกวิ่งไปโรงเรียนทุกเช้าเย็นร่วมสิบกิโลเมตรพร้อมๆ กับ โจเซฟ คิบุนยา" เพื่อนคู่หู กระทั่งกลายเป็นนักวิ่งทีมชาติของเคนยา แต่แล้วชีวิตของเขาก็พลิกผันไปในปลายเดือนเมษายนปี 2538 เมื่ออาการหัวใจวายกำเริบและส่งผลทำให้เขาสูญเสียดวงตาทั้งสองข้าง อย่างไรก็ตาม แทนที่เขาจะย่อท้อหรือสูญสิ้นกำลังใจแต่เฮนรี่ แวนฮอยกิกลับลุกขึ้นสู้กระทั่งประสบความสำเร็จสูงสุดในอีก 9 ปีถัดมาหลังเหตุการณ์ผ่านไป เมื่อเขากลายเป็นนักวิ่งแชมป์โลกเจ้าเหรียญทองโอลิมปิก ผมเข้าบำบัดการรักษาที่ศูนย์ดูแลคนตาบอด ได้เจอกับโค้ชและนักกีฬาตาบอดด้วยกัน เลยคิดได้ว่า ถึงแม้พวกเขาตาบอดแต่ก็ไม่ยอมแพ้ในสิ่งที่ฝัน พอกลับมาสิ่งแรกที่ต้องยอมรับตัวเองก่อนว่าตัวเองตาบอด แต่อย่างหนึ่งที่ทำได้คืออย่ายอมแพ้ในสิ่งที่ตัวเองฝัน ผมใช้เวลาประมาณ 1 ปี กว่าจะกลับมาวิ่งใหม่ได้ พร้อมตั้งเป้าหมายเอาไว้ด้วยว่า การวิ่งทุกครั้งจะต้องทำให้ดีกว่าเดิมต่อไปเรื่อยๆ เฮนรี่บอกว่าในการวิ่งควบคู่ไปกับคู่หูที่มีสายตาปกติ ถือเป็นการปฏิบัติที่เป็นกิจวัตรในการแข่งขัน ซึ่งนับว่าโชคดีที่ โจเซฟ เพื่อนคู่หูตั้งแต่วัยเด็กได้เข้ามาช่วยเหลือและทำหน้าที่เป็นดวงตาให้ โดยในการวิ่งทุกครั้งโจเซฟจะต้องวิ่งในจังหวะเดียวกับตนเองเพื่อจะได้วิ่งคู่กันได้ตลอดเวลา ซึ่งแตกต่างจากคนสายตาปกติที่สามารถตื่นมาแล้วซ้อมได้คนเดียว ...ผลพวงของความไม่ย่อท้อต่อชีวิต นอกจากเขาจะได้เหรียญทองโอลิมปิกแล้ว เขายังได้รับการแต่งตั้งเป็นทูตสันถวไมตรีที่เลื่องชื่อในโครงการ Seeing is believing ของกลุ่มธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด ซึ่งเป็นโครงการที่มีเป้าหมายในการคืนความสามารถในการมองเห็นให้แก่คน 1 ล้านคนทั่วโลกอีกด้วย ทั้งนี้ เมื่อวันอาทิตย์ที่ 18 พ.ย.ที่ผ่านมา เฮนรี่และโจเซฟได้เข้าร่วมการแข่งขันครั้งสำคัญในประเทศไทย นั่นก็คือการวิ่งเพื่อเทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในโอกาสครองสิริราชสมบัติครบ 80 ปีที่สแตนดาร์ดชาร์เตอร์ดจัดขึ้น โดยรายได้ส่วนหนึ่งจากการจัดงานจะถูกจัดสรรให้แก่มูลนิธิอานันทมหิดลอีกด้วย โจเซฟคู่หูบอกว่าการมีโอกาสเข้าร่วมกิจกรรมในครั้งนี้ถือเป็นวาระที่พิเศษสุดเพราะเป็นการวิ่งเพื่อเฉลิมพระเกียรติพระมหากษัตริย์อันเป็นที่รักยิ่งของประชาชนคนไทย ถึงแม้ผมทั้งสองคนไม่ได้อยู่เมืองไทยและไม่ได้รู้จักพระองค์เป็นการส่วนตัว แต่ผมได้ยินมาจากเมืองนอกด้วยเหมือนกัน ซึ่งจากข่าวที่ออกมารู้สึกว่า ทั้งประเทศเคารพรักพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมากขนาดนี้จะต้องเป็นคนที่ดีและมีบารมีจริงๆ และเมื่อสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ดก็ได้ให้โอกาสมาแสดงความนับถือที่นี่จึงได้เห็นพลังประชาชนรวมตัวกันเพื่อร่วมเฉลิมพระเกียรติ ขณะที่เฮนรี่ยังฝากให้กำลังใจคนไทยที่ได้สูญเสียสายตาเช่นเขาทิ้งท้ายว่า อย่ามัวนั่งหมดความหวังกับชีวิต คนเราเมื่อมองไม่เห็นแล้วก็ถือเป็นความท้าทายอย่างหนึ่งที่ต้องผ่านไปให้ได้ เพราะการตาบอดไม่ได้หมายความว่าชีวิตจะหมดหนทาง แต่ต้องเดินหน้าหาความฝันที่มีอยู่ให้เป็นความจริงและต่อสู้ชีวิตต่อไป ถึงแม้ว่าคุณจะสูญเสียความสามารถในการมองเห็นแต่ไม่ได้หมายความว่าคุณจะสูญเสียวิสัยทัศน์ของตัวเองเฮนรี่สรุป
www.waddeeja.com
สมาคมคนพิการทางการเคลื่อนไหวสากล
พันตรีศิริชัย ทรัพย์ศิริ
|