เตือนไทยสุดวิกฤติ***! ไม่เกิน 20ปี อาจย้ายเมืองหลวง

ดร.อาจอง  ชุมสาย ณ อยุธยา ผู้อำนวยการโรงเรียนสัตยาไส จังหวัดลพบุรี  กล่าวว่า วิกฤติจากภัยพิบัติธรรมชาติจะเริ่มชัดเจนอีก10 ปีข้างหน้า โดยเฉพาะที่แม่น้ำโขงจะแห้งลงไปแน่นอน ถึงขนาดแห้งผากเพราะน้ำแข็งที่ทิเบตเริ่มละลายอย่างรวดเร็ว  ซึ่งคาดว่าจะละลายหมดไม่เกิน 10 ปีข้างหน้า ทั้งนี้ประชาชนคนไทยที่อาศัยน้ำโขง เช่นในภาคอีสานและภาคเหนือ จะได้รับความเดือดร้อนอย่างหนัก เพราะจะไม่มีน้ำจากแม่น้ำโขงมาใช้อุปโภคบริโภค

          นอกจากนี้ทางแถบชายฝั่งทั้งหมดของประเทศ จะต้องโดนน้ำทะเลท่วมลุกคืบเข้ามาภายใน 10 -20 ปี โดยเฉพาะจังหวัดภาคกลางจะได้รับผลกระทบจากน้ำเค็มทำให้การเพาะปลูกทั้งหมดเดือดร้อน เพราะน้ำเค็มมีระดับสูงขึ้น จ.นนทบุรี ก็กลายเป็นน้ำกร่อยแล้ว ซึ่งปัญหาน้ำท่วมจากมรสุมที่จะมีมากขึ้นและระดับน้ำท่วมก็จะนานขึ้นจากปัญหาน้ำทะเลหนุน

          อย่างไรก็ตาม ก่อนที่จะเกิดวิกฤติการณ์ขาดแคลนน้ำกินน้ำใช้ พื้นที่ประเทศไทยบางส่วนอาจจะจมหายไปในทะเลก่อน เนื่องจากอาจเกิดเหตุแผ่นดินไหว โดยแผ่นดินไหวนี้เกิดจากเมื่อน้ำแข็งละลายจะทำให้แกนโลกเอียงเรื่อย จนกระทั่งโลกมีความสมดุลย์ไม่สมดุลย์ น้ำจะไหลไปร่วมกันหนักอยู่ข้างเดียว ซึ่งเปลือกโลกจะต้องมีการเคลื่อนตัวเพื่อปรับให้โลกสมดุลย์ระหว่างนั้นก็จะเกิดแผ่นดินไหวอย่างต่อเนื่องและรุนแรงไปทั่วโลก ซึ่งสึนามิจะต้องเกิดขึ้นอีกและจะรุนแรงมากกว่าที่เคยเกิด เพราะมีจุดศูนย์กลางอยู่ในประเทศไทยด้วย โดยเฉพาะที่ อ.แม่ริม จงเชียงใหม่ และที่ใต้ฐานเขื่อน จ.กาญจนบุรี

          การสั่นไหวของแผ่นดินไหวจะส่งผลกระทบมาถึงกรุงเทพฯ ซึ่งเป็นเมืองหลวงจะได้รับความเสียหายมากขึ้น จากน้ำท่วมอยู่แล้ว จะท่วมหนักกว่าเดิมอีก เพราะฉะนั้นจะต้องมีการย้ายเมืองหลวงอย่างแน่นอน นอกจากนี้ภาคกลางยังจะมีมรสุมเกิดขึ้นบ่อยครั้ง ทำให้น้ำท่วมขยายวงกว้างขึ้นเพราะมรสุมขะขยายเป็นปริมาณกว้างตกทั่งประเทศ แต่ที่น้ำจะท่วมซ้ำซาก ท่วมหนัก คือ พื้นที่  จ.สมุทรปราการ สมุทรสงคราม สมุทรสาคร และกทม. จะเจอน้ำท่วมยาวนานแน่นอน ดังนั้นจึงจำเป็นต้องย้ายเมืองหลวง  ส่วนจังหวัดอื่นของภาคอื่นจะเจอกับปัญหาขาดแคลนน้ำกินน้ำใช้เพราะจะเกิดหน้าแล้งยาวถึง  8 เดือน การขาดแคลนน้ำกินน้ำใช้ถึงขั้นจะต้องแย่งชิงน้ำ

          ภัยธรรมชาติทั้งหมดเหล่านี้ล้วนเกิดจากภาวะโลกร้อนทั้งสิ้น ดังนั้นทางที่ดีเราควรช่วยกันป้องกันโลกร้อน และเตรียมรับมือกับเหตุการณ์ที่อาจเกิดขึ้นเหล่านี้ ที่สำคัญรัฐบาลต้องรณรงค์ให้ความรู้เกี่ยวกับผลกระทบ และวิธีป้องกันโลกร้อนแก่ประชาชน

www.waddeeja.com

สมาคมคนพิการทางการเคลื่อนไหวสากล

พันตรีศิริชัย  ทรัพย์ศิริ

พลังเอ็กซ์-วาย ร่วมลดภาวะโลกร้อน

ในโอกาสครบรอบ 10 ปี นิตยสารคอสโมโปลิแทน (COSMOPOLI TAN) ในประเทศไทย และครบรอบ 20 ปี นิตยสารจีเอ็ม (GM) จึงร่วมทำกิจกรรมสาธารณประโยชน์เพื่อลดภาวะโลกร้อน ภายใต้แนวคิด “COSMO POLITAN & GM SINGLE PARTY 2007 100 คู่ฝันวันสู้โลกร้อน” ซึ่ง คุณหญิงสุวิมล ผึ่งประเสริฐ กรรมการบริหารนิตยสาร COSMOPOLITAN กล่าว ณ ศูนย์การค้าเซ็นทรัล เวิลด์ว่า นิตยสารคอสโมฯ ตระหนักว่าอยู่ในฐานะสื่อ มีหน้าที่สำคัญคือเป็นผู้สื่อสารความคิด กิจกรรมนี้เป็นการปลุกความคิดเรื่องปัญหาภาวะโลกร้อนแก่สาวคอสโมฯ 100 คน และ หนุ่มจีเอ็ม 100 คน ในกิจกรรมลดภาวะโลกร้อน “Stop Global Warming” วันที่ 13 ต.ค. นี้ แสดงให้เห็นว่าการที่หนุ่ม-สาวเปลี่ยนไลฟ์สไตล์เล็ก ๆ น้อย ๆ ในชีวิตประจำวัน สามารถช่วยลดการใช้พลังงาน ประหยัดทรัพยากรได้
 
เชิญชวน หนุ่ม-สาว ช่วงอายุ 25-35 ปี สถานภาพโสด และพร้อมรู้จักเพื่อนใหม่ในหลากหลายวงการ เพื่อแลกเปลี่ยนความคิดและทัศนคติกันและกันในการหยุดภาวะโลกร้อนช่วยกรุงเทพฯ สมัครร่วมกิจกรรมได้ที่นิตยสารคอสโมฯ www.singleparty@pacific.co.th โทร. 0-2249-9449

และที่นิตยสารจีเอ็ม www.gmgroup.in.th โทร. 0-2241- 8000 

ภายในวันที่ 30 ก.ย.นี้
 
นายปกรณ์ พงศ์วราภา ประธานบริษัท จีเอ็ม กรุ๊ป กล่าวว่า ปัญหาภาวะโลกร้อนเป็นสิ่งที่นิตยสารจีเอ็มให้ความสำคัญ โดยสนับสนุนการเขียนสกู๊ปและสารคดีเกี่ยวกับภาวะโลกร้อนเริ่มตั้งแต่ 2-3 ปีที่ผ่านมา ถือเป็นสื่อแรก ๆ ที่นำเสนอเรื่องนี้ เมื่อได้รับการติดต่อร่วมกิจกรรมจึงยินดีอย่างยิ่ง นับเป็นการเริ่มต้นที่ดี เริ่มจากคนจำนวน 100-200 คนไปสู่คนอีกหลายร้อย
  
ด้าน นายอัครพล ทองธราดล นายแบบและดาราจากสถานีโทรทัศน์กองทัพบกช่อง 7 เชิญชวนร่วมวิธีแก้ภาวะโลกร้อนด้วยการซักผ้าด้วยมือ โดยบิดน้ำจากผ้าหมาด ๆ จะได้ไม่ยับมาก ไม่สิ้นเปลืองพลังจากจากตัวเราและเตารีด ช่วยทั้งเรื่องสุขภาพและการประหยัดไฟ ส่วน น.ส.สุภัชชา ปิตินันท์ ผู้ดำเนินรายการสุขภาพดีเริ่มที่เรา และพนักงานเมเจอร์ซีเนเพล็กซ์ กล่าวว่า มักใช้กระดาษทั้งสองด้าน ในการพิมพ์เอกสาร และนำถุงผ้าใส่ของเมื่อไปช้อปปิ้งหรือซื้อของกินต่าง ๆ ลดจำนวนถุงพลาสติก ซึ่งย่อยสลายยาก.

www.waddeeja.com

สมาคมคนพิการทางการเคลื่อนไหวสากล

พันตรีศิริชัย  ทรัพย์ศิริ

แถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรีประจำวันที่ 30 ต.ค.50

ครม.รับทราบเรื่องการลงนามหรือรับรองเอกสารสำคัญประชุมสุดยอดอาเซียนครั้งที่ 13
       นายไชยา แถลงว่า เรื่องของการลงนามหรือรับรองเอกสารสำคัญในการประชุมสุดยอดอาเซียนครั้งที่ 13 และการประชุมสุดยอดอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง ในวันที่ 19 - 22 ที่ประเทศสิงคโปร์ เป็นเอกสารที่นายกรัฐมนตรี จะลงนามหรือรับรอง อาทิ ปฏิญญาอาเซียนว่าด้วยความยั่งยืนทางสิ่งแวดล้อม ปฏิญญาอาเซียนว่าด้วยการประชุมของรัฐภาคีในกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงทางสภาพภูมิอากาศ ในเรื่องพิธีสารเกียวโต ปฏิญญาสิงคโปร์ว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงทางสภาพภูมิอากาศพลังงาน และสิ่งแวดล้อม ปฏิญญาร่วมการประชุมสุดยอดสมัยพิเศษอาเซียน-สหภาพยุโรป และเอกสารที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ จะลงนามเป็นเรื่องของการบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการจัดตั้งศูนย์อาเซียน-จีน บันทึกความเข้าใจว่าด้วยการจัดตั้งศูนย์อาเซียน-เกาหลี เป็นต้น

www.waddeeja.com

สมาคมคนพิการทางการเคลื่อนไหวสากล

พันตรีศิริชัย  ทรัพย์ศิริ

"เขาใหญ่" ส่อวิกฤติรับผลภาวะโลกร้อน

อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่สูง 800 - 1,300 เมตร ประชาชนมักไปพักผ่อนรับลมหนาวอย่างคับคั่ง แต่อุณหภูมิบนเขากำลังเพิ่มสูงขึ้น

นักวิจัยไบโอเทคเผย เขาใหญ่อาจได้รับผลกระทบจากภาวะโลกร้อนแล้ว หลังพบต้นกล้าเงาะป่าขยับตัวไปยังพื้นที่ที่สูงขึ้น -ไกลจากต้นแม่ แม้จะมีชะนีมือขาวช่วยกระจายเมล็ดพันธุ์ไปทั่วทั้งแปลงวิจัยแล้วก็ตาม
       
       น.ส.อนุตรา ณ ถลาง นักวิจัยห้องปฏิบัติการนิเวศวิทยา ศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ (ไบโอเทค) กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (วท.) เปิดเผยว่า ได้พบความเปลี่ยนแปลงที่น่าสนใจบางประการ หลังจากติดตามสังเกตพฤติกรรมการออกหากินของชะนีมือขาวกลุ่มหนึ่ง ณ แปลงวิจัยขนาด 67.5 ไร่ ของมอสิงโต อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ จ.นครราชสีมา
       
       นักวิจัยพบว่า “เงาะป่า” พืชอาหารชนิดหนึ่งของชะนีมือขาว ซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นพืชที่ชอบอากาศหนาวเย็น และไม่ชอบสัมผัสแสงแดดโดยตรงมากนัก กลับมีการกระจายตัวเปลี่ยนไป คือขยับไปสู่พื้นที่ที่สูงขึ้นจากตำแหน่งของต้นแม่
       
       แม้ว่าบริเวณแปลงวิจัยจะมีชะนีมือขาว ช่วยกระจายเมล็ดพันธุ์ไปยังที่ต่างๆ ทั่วทั้งแปลงได้อย่างมีประสิทธิภาพแล้วก็ตาม
       
       ทั้งนี้ คาดการณ์เบื้องต้นได้ว่าอาจเนื่องมาจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศที่ร้อนขึ้นก็เป็นได้
       
       “เพราะตามหลักแล้ว ยิ่งพื้นที่สูงขึ้น อุณหภูมิก็ยิ่งลดลง และอากาศจะเย็นขึ้น ซึ่งธรรมชาติของเงาะป่าจะชอบพื้นที่ที่มีอากาศเย็นมากกว่า และไม่มีพื้นที่รับแสงอาทิตย์มากๆ จึงเลี่ยงมาที่ชั้นความสูงที่สูงขึ้น แต่สาเหตุเป็นอย่างไร เราต้องศึกษาต่อ” นักวิจัยไบโอเทคอธิบาย