แอบอ่านข้อความของคนรัก
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 24 ธันวาคม 2551
โดย จินนี่ สาระโกเศศ
นิตยสาร Metro Life
เมื่อวันก่อนรุ่นพี่คนหนึ่งเล่าให้ฟังเรื่อง “เพื่อนสนิท” ของรุ่นพี่ แอบเช็กโทรศัพท์มือถือขณะรุ่นพี่ลงจากรถไปซื้อของที่ร้านสะดวกซื้อ
พอหันไปเห็น รุ่นพี่เดินกลับมาที่รถ แล้วถามด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยว่า “ทำอะไร”
รุ่นพี่ไม่ได้รู้สึกโกรธ แต่ยอมรับว่ารู้สึก “ไม่พอใจ”
“ไม่พอใจ” ที่ถูกละเมิดความเป็นส่วนตัว
“ไม่พอใจ” ที่ถูก “ไม่ไว้ใจ” จากคนที่รู้สึกดีด้วย
รุ่นพี่เล่าต่อว่า ตอนแรก “เพื่อนสนิท” คนนี้กำลังจะเขยิบขึ้นมาเป็น “คนรู้ใจ” แต่พอมีเรื่องนี้เกิดขึ้น รุ่นพี่เลยเกิดความระแคะระคายที่จะไว้ใจเพื่อนสนิทคนนี้ต่อไป
เพราะสิ่งที่จะทำให้คนสองคนคบกันต่อไปได้ น่าจะมีรากฐานมาจากความ “เชื่อใจ”
และถ้ามีความ “เชื่อใจ” ในกันและกัน ก็ไม่น่าจะทำอย่างนี้
ความแคลงใจ ไม่ไว้ใจ ที่ก่อเกิดจากจุดเล็กๆ ทำให้ความสัมพันธ์ของรุ่นพี่กับเพื่อนสนิท ดูสั่นคลอนไปในทันที
สิ่งที่รุ่นพี่เล่าให้ฟังทำให้นึกไปถึงการสำรวจหนึ่งในออสเตรเลีย ซึ่งอ่านเจอก่อนหน้านี้
บริษัท Virgin Mobile Australia ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือของออสเตรเลีย ได้ทำการสำรวจพฤติกรรมการใช้โทรศัพท์มือถือของผู้ใช้โทรศัพท์ในช่วงอายุ 18-29 ปีทั่วออสเตรเลีย
ประเด็นหนึ่งซึ่งน่ามองจากการสำรวจครั้งนี้ คือเรื่องของการ “แอบ” เช็กข้อความในโทรศัพท์มือถือของคนในปัจจุบัน !
ผลการสำรวจชี้ให้เห็นว่า 1 ใน 3 ของผู้ใช้โทรศัพท์ในการสำรวจครั้งนี้ แอบอ่านข้อความของคนคบหาดูใจกันอยู่ !!
โดยที่ 60% ของคนกลุ่มนี้แอบอ่านตอนที่อีกฝ่ายอยู่ในห้องน้ำ
และ 45% ของผู้ที่ “แอบ” เช็กโทรศัพท์มือถือของคนรู้ใจ ก็พบข้อความที่มีเนื้อหาไปในทางที่ไม่น่าไว้ใจจริงๆ
การ “แอบ” อ่าน “แอบ” เช็ก ในลักษณะนี้ ก่อตัวขึ้นมาจากความไม่ไว้ใจ ไม่เชื่อใจ และไม่อยากให้ไปมีคนอื่น
เลยทำให้ต้อง “รู้” ให้ได้ว่า คนคนนั้น “แอบ” ไปมีใครหรือไม่ !!
ในตอนท้ายของการสำรวจ ยังแสดงให้เห็นถึงสิ่งที่ตามมาจากการ “แอบ” อ่านว่า 73% ของคนกลุ่มนี้รู้สึกว่าไม่น่าทำลงไปเลย
แต่การสำรวจไม่ได้บอกต่อว่าเพราะอะไร
ไม่น่าทำ เพราะรู้สึกผิด
ไม่น่าทำ เพราะทำให้คนที่รักเสียใจ
หรือไม่น่าทำ เพราะมันนำมาซึ่งการเลิกรา หลังจากที่คนที่ตัวเองรักรู้ว่าข้อความในโทรศัพท์มือถือถูกแอบอ่าน
อย่างคนจำนวนไม่น้อยในการสำรวจครั้งนี้ ที่สารภาพว่าเรื่องราวต้องจบลงด้วยความเศร้า !!!
ความ “ไม่เชื่อใจ” นำมาซึ่งความ “อยากรู้”
ความ “อยากรู้” นำมาซึ่ง “จุดจบ”
“รู้” ดีกว่า “ไม่รู้”
“ไม่รู้” ดีกว่า “รู้”
สิ่งที่ “อยาก” รู้ ถ้า “ไม่รู้” อาจจะดีกว่า
สิ่งที่ “ดีกว่า” อาจจะเป็นสิ่งที่ “ดีที่สุด”
ถ้ารู้แล้ว เสียใจ จะรู้ไปทำไม
ถ้ารู้แล้ว ต้องจากกันไป จะรู้ไปทำไม
แต่ก็รู้ดีว่า บางครั้งมันอดจะ “รู้” ไม่ได้จริงๆ !!!
- - - - - - - - - - - - - - - - - -
พันตรีศิริชัย ทรัพย์ศิริ
นายกสมาคมคนพิการทางการเคลื่อนไหวสากล
โทร. 02-990-0331
http://www.apdi2002.com
http://www.youtube.com พิมพ์ apdi. หรือ สมาคมคนพิการ
2712511237
|