ReadyPlanet.com


โลกร้อน......ยูเอ็น


ยูเอ็นเปิดข้อมูลธารน้ำแข็งหดเพิ่มขึ้น 5 เท่าในเวลาไม่ถึงสิบปี

 

       บีบีซีนิวส์-ยูเอ็นอีพีเผยข้อมูลธารน้ำแข็งหดตัวก้าวกระโดดจากปีละ 30 เซนติเมตร ขึ้นเป็นปีละ 1.5 เมตรในเวลาไม่ถึง 10 ปี
       

       
โครงการสิ่งแวดล้อมของสหประชาชาติ (ยูเอ็นอีพี) เผยข้อมูลธารนำแข็งทั่วโลกหดตัวเฉลี่ยเพิ่มขึ้น จากช่วงปี 2523-2542 ที่ธารน้ำแข็งหดตัวเฉลี่ยปีละ 30 เซนติเมตรเป็น 1.5 เมตรในปี 2549 โดยเฉพาะเทือกเขาแอลป์ส (Alps) และเทือกเขาไพรีนีส (Pyrenees) ในยุโรปที่พบการหายไปของน้ำแข็งจำนวนมาก ทั้งนี้เป็นการวิเคราะห์ธารน้ำแข็งในเทือกเขา 9 แห่ง
       
       
ผู้เชี่ยวชาญหลายคนได้เรียกร้องให้มี "ปฏิบัติการโดยฉับพลัน" เพื่อพลิกแนวโน้มการหดอย่างรวดเร้วของธารน้ำแข็งที่เกิดขึ้นนี้ซึ่งเป็นดัชนีชี้วัดที่สำคัญของการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ (climate change) ทั้งนี้ประมาณกันว่าในปี 2549 มีปริมาณน้ำแข็งหดตัวไป 1.4 เมตร ขณะที่ในปี 2548 หดไป 0.5 เมตร
       
       
อชิม สไตเนอร์ (Achim Steiner) ผู้อำนวยการใหญ่โครงการสิ่งแวดล้อมสหประชาชาติ กล่าวว่าผู้คนหลายล้านหรือไม่ก็หลายพันล้านขึ้นตรงต่อทรัพยากรน้ำที่กักเก็บไว้ในธรรมชาตินี้เพื่อดื่ม การเกษตร อุตสาหกรรมและการผลิตกระแสไฟฟ้าในช่วงสำคัญของปี โดยธารน้ำแข็งได้ผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศอันเนื่องจากการเผาไหม้ถ่านหินและเราก็สังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงนั้นได้ พร้อมเผยว่าได้ดำเนินการเบื้องต้นที่จะพัฒนา "ธุรกิจเขียว" โดยการลงทุนด้านพลังงานทดแทนมากขึ้น
       
       
ดร.วิลฟรีด ฮาเบอร์ลี (Dr.Wilfried Haeberli) ผู้อำนวยการหน่วยติดตามธารน้ำแข็งโลก (World Glacier Monitoring Service) ซึ่งได้รับการสนับสนุนโดยยูเอ็นดีพี กล่าวว่าการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นนี้ไม่มีทีท่าว่าจะหยุดและการสูญเสียน้ำแข็งก็ยังคงเพิ่มขึ้นในอัตราเร่งในช่วง 25 ปีที่ผ่านมานี้ โดยตั้งแต่ปี 2523 สูญธารน้ำแข็งไปแล้ว 10.5 เมตร โดยค่าเฉลี่ยธารน้ำแข็งที่หดไป 1 เมตรเทียบเท่ากับความหนาของน้ำแข็ง 1.1 เมตร นั่นหมายความว่ากว่า 20 ปีที่ผ่านมาความหนาของน้ำแข็งลดไปแล้ว 11.5 เมตร
       

       
ทั้งนี้ทีมวิจัยได้ศึกษาธารน้ำแข็งทำหมด 100 แห่งในประเทศแถบยุโรป ได้แก่ ออสเตรีย นอร์เวย์ สวีเดน อิตาลี สเปนและสวิตเซอร์แลนด์ โดยในช่วงแข็งมากที่สุดแห่งหนึ่ง.

 

* * * * * * * * * * * * * * * * *

พันตรีศิริชัย ทรัพย์ศิริ

นายกสมาคมคนพิการทางการเคลื่อนไหวสากล

โทร. 02-990-0331

http://www.apdi2002.com

http://www.youtube.com พิมพ์ apdi. หรือ สมาคมคนพิการ

 1903512116



ผู้ตั้งกระทู้ พันตรีศิริชัย ทรัพย์ศิริ :: วันที่ลงประกาศ 2008-03-19 21:20:38 IP : 124.121.137.244


[1]

ความคิดเห็นที่ 1 (2393238)

 

ผลกระทบโลกร้อนกับความรุ่งเรืองของเอเชีย

ท่ามกลางความแปรปรวนของสภาพภูมิอากาศ อันเป็นผลมาจากภาวะโลกร้อน ได้แสดงให้เห็นถึงผลกระทบอย่างชัดเจนต่อประเทศต่าง ๆ ในภูมิภาคเอเชีย โดยทุกประเทศจะมีระดับอุณหภูมิที่สูงขึ้น มีฝนตกน้อยลงและไม่แน่นอน  ขณะเดียวกันกลับมีพายุที่รุนแรงมากขึ้นและบ่อยขึ้นในเขตพื้นที่เกษตรกรรม เป็นผลให้เกษตรกรที่ต้องพึ่งพาฝนฟ้าตามฤดูกาลได้รับผลกระทบอย่างหนัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศบังกลาเทศ ซึ่งมีประชากรประกอบอาชีพเกษตรกรรมถึง 70% ขณะที่ในอินเดียบางแห่งเกิดภาวะน้ำท่วมสูง และบางแห่งประสบกับความแห้งแล้ง
 
ด้วยอุณหภูมิที่เพิ่มสูงขึ้น 1 องศาเซลเซียสในช่วงเวลากลางคืนของฤดูเพาะปลูกได้ส่งผลให้ผลผลิตข้าวของภูมิภาคเอเชียลดลง 10% ส่วนบริเวณตอนเหนือของจีนที่ต้องผจญกับภาวะแห้งแล้งอย่างต่อเนื่อง หากยังไม่มีการแก้ปัญหาก็จะทำให้ปลายศตวรรษนี้ประเทศจีนจะสูญเสียผลผลิตหลักไป 37% โดยผลผลิตเหล่านั้นจะรวมถึงข้าว ข้าวสาลี และข้าวโพดด้วย
 
รายงานฉบับล่าสุดที่มีชื่อว่า “Up in Smoke : Asia and the Pacific” ซึ่งจัดทำโดยคณะทำงานด้านการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศและการพัฒนาหลายองค์กรทั่วโลก ได้กล่าวถึงผลกระทบของภาวะโลกร้อนที่มีต่อภูมิภาคเอเชียว่า ถือเป็นการบั่นทอนต่อความเจริญก้าวหน้าทั้งทางเศรษฐกิจและสังคมอย่างยิ่ง โดยปัญหาใหญ่ขณะนี้อยู่ที่การรับมือกับปัญหาที่เกิดขึ้น ผู้คนเอเชียต้องรับรู้ว่าจะต้องทำอย่างไรกับปัญหา ซึ่งไม่เพียงแต่จะต้องแก้ไขไปพร้อม ๆ กับการพัฒนาประเทศเท่านั้น ในด้านชีวิตความเป็นอยู่ที่คนเอเชียส่วนใหญ่ยังคงต้องพึ่งพาผืนดินและผืนน้ำในการดำรงชีวิตก็ต้องปรับตัวหรือคิดให้ได้ว่าจะอยู่อย่างไรท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศที่เลวร้ายขึ้นเช่นนี้ ซึ่งแน่นอนว่ามีผลกระทบต่อความเจริญรุ่งเรืองของประเทศไม่ทางตรงก็ทางอ้อม.

 

 

* * * * * * * * * * * * * * * * *

พันตรีศิริชัย ทรัพย์ศิริ

นายกสมาคมคนพิการทางการเคลื่อนไหวสากล

โทร. 02-990-0331

http://www.apdi2002.com

http://www.youtube.com พิมพ์ apdi. หรือ สมาคมคนพิการ

0405512120

ผู้แสดงความคิดเห็น พันตรีศิริชัย ทรัพย์ศิริ วันที่ตอบ 2008-05-04 21:09:02 IP : 124.121.138.212


ความคิดเห็นที่ 2 (2448365)

 

แก้โลกร้อน......ต้อง ลดคาร์บอนไดออกไซด์ในบรรยากาศ

โลกร้อน ซึ่งเป็นปรากฏ การณ์ที่กำลังเกิดขึ้นและเริ่มที่จะ   เห็นผลกระทบได้ชัดเจนขึ้นในช่วงศตวรรษต่อจากนี้ไปตอนนี้เราต้องเริ่มตระหนักกันแล้วว่าปรากฏการณ์ดังกล่าวไม่ใช่เรื่องไกลตัวอีกต่อไปและคงต้องร่วมมือร่วมใจกันมากขึ้นเพื่อโลกของเรา
 
คาร์บอนไดออกไซด์ซึ่งเพิ่มขึ้นอย่างมากในช่วงไม่กี่ร้อยปีมานี้ส่วนใหญ่เป็นผลผลิตจากฝีมือของมนุษย์เองจากเทคโนโลยีต่าง ที่เราสร้างขึ้นมาเพื่ออำนวยความสะดวกสบายในชีวิตประจำวันซึ่งกลายมาเป็นต้นเหตุของปัญหาที่เราต้องมาตามแก้กันในทุกวันนี้
 
ในแวดวงวิทยาศาสตร์เองนั้นก็ไม่ได้เพิกเฉยกับการเพิ่มขึ้นของคาร์บอนไดออกไซด์ ด้วยเห็นว่าการลดปริมาณการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ออกสู่บรรยากาศด้วยความร่วมมือร่วมใจของทุกฝ่ายแล้ว คงไม่เพียงพอ เพราะว่าประชากรบนโลกก็ยังคงเพิ่มขึ้นอยู่ทุกวัน อีกทั้งป่าไม้ที่จะมาช่วยดูดซับคาร์บอนไดออก    ไซด์จากบรรยากาศก็ลดน้อยลงทุกที
  
ล่าสุดนักเคมีจาก Max Planck Institute for Colloids and Interfaces ประเทศเยอรมนี นำ เสนอเทคนิควิธีการใหม่เพื่อการกำจัดคาร์บอนไดออก   ไซด์ด้วยการนำกลับมาใช้ใหม่ด้วยวิธีการเลียน*** ซึ่งก็คือกระบวนการสังเคราะห์ด้วยแสงของพืชนั่นเอง
  
นักเคมีจากสถาบันดังกล่าวได้พัฒนาเทคนิควิธีโดยการเลียนแบบกระบวนการสังเคราะห์ด้วยแสง ของพืชโดยการใช้ตัวเร่งปฏิกิริยาซึ่งมีไนโตรเจนเป็นองค์ประกอบหลักซึ่งตัวเร่งปฏิกิริยานี้เองที่ถือเป็นกุญแจสำคัญในการสร้างสารประกอบคาร์บาเมตเช่นเดียวกับกระบวนการสังเคราะห์ด้วยแสงของพืช
 
คาร์บอนไดออกไซด์ เบนซีน (benzene) และตัวเร่งปฏิกิริยาถูกนำมาผสมกันที่อุณหภูมิ 150 องศาเซลเซียส ภายใต้ความดัน3เท่าของความดันบรรยากาศ (ที่ระดับน้ำทะเล) โดยตัวเร่งปฏิกิริยาจะทำหน้าที่ดึงเอาออกซิเจนจากคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2)ทำให้ท้ายที่สุดแล้วได้ผลิตภัณฑ์เป็นฟีนอลและคาร์บอนมอนอกไซด์ (CO)
 
นักวิจัยสามารถสังเคราะห์เชื้อเพลิงได้อีกครั้งหนึ่งจากการใช้ CO ที่ได้จากกระบวนการดังกล่าว ซึ่งจะช่วยลดปริมาณการใช้เชื้อเพลิงไฮโดรคาร์บอนจากฟอสซิล (ปิโตรเลียมที่เรารู้จักกันนั่นเอง) ลงได้    พร้อม ๆ กับการลดคาร์บอนไดออกไซด์ในบรรยากาศได้ในเวลาเดียวกัน
 
* * * * * * * * * * * * * * * * *

พันตรีศิริชัย ทรัพย์ศิริ

นายกสมาคมคนพิการทางการเคลื่อนไหวสากล

โทร. 02-990-0331

http://www.apdi2002.com

http://www.youtube.com พิมพ์ apdi. หรือ สมาคมคนพิการ

0805512104

ผู้แสดงความคิดเห็น พันตรีศิริชัย ทรัพย์ศิริ วันที่ตอบ 2008-05-08 20:52:35 IP : 124.121.136.184


ความคิดเห็นที่ 3 (2880234)

 

แนะโลกต้องการผู้นำวิสัยทัศน์ใหม่รับมือวิกฤต ศก.ผสมโลกร้อน

เอเจนซี - โลกกำลังต้องการผู้นำที่มีวิสัยทัศน์ เพื่อผลักดันนโยบายแบบเดียวกับ "ข้อตกลงใหม่" (New Deal) ของอดีตประธานาธิบดีแฟรงกลิน ดี รูสเวลต์ แห่งสหรัฐฯ เพื่อรับมือกับวิกฤตการณ์ครั้งสำคัญของโลก ที่ผสมผสานทั้งปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เงินเฟ้อสูง และเศรษฐกิจตกต่ำเข้าด้วยกัน รายงานล่าสุดที่เผยแพร่วานนี้ (21ก.ค.51) ของมูลนิธิเศรษฐศาสตร์ใหม่ (New Economics Foundation - เอ็นอีเอฟ) เสนอไว้เช่นนี้
       
       
รายงานดังกล่าวมีชื่อว่า "ข้อตกลงสิ่งแวดล้อมใหม่" (A New Green Deal) ของมูลนิธิเศรษฐศาสตร์ใหม่ ซึ่งเป็นหน่วยงานคลังความคิดแห่งหนึ่งในอังกฤษ มุ่งที่จะอาศัย วิกฤตสินเชื่อ การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และการทะยานขึ้นของราคาอาหารกับน้ำมัน ที่กำลังเกิดขึ้นในเวลาเดียวกัน มาเป็นเหตุผลในการพิจารณาเพื่อสร้างระบบเศรษฐกิจใหม่แห่งศตวรรษที่ 21
       
       
ข้อเสนอหลักในรายงานนี้ได้แก่ ทุกครัวเรือนต้องผลิตพลังงานใช้ได้เอง และจะต้องจัดตั้งกองทุนจากภาษีที่เก็บจากพวกบริษัทน้ำมันและก๊าซ เพื่อนำไปสนับสนุนการเปลี่ยนแปลงในทางอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ขณะที่กิจกรรมใดที่ก่อให้เกิดคาร์บอนก็จะต้องถูกคิดค่าใช้จ่ายตามผลกระทบที่มีต่อสภาพภูมิอากาศ
       
       
นอกจากนั้น ควรลดอัตราดอกเบี้ยเพื่อช่วยสนับสนุนการลงทุนทางด้านพลังงานเชิงอนุรักษ์และโครงสร้างพื้นฐานในการขนส่ง และควรแยกสถาบันการเงินที่รวมเป็นกลุ่มใหญ่ๆ ออกจากกัน เพื่อว่าในกรณีที่กิจการแห่งหนึ่งประสบปัญหา จะไม่ส่งผลกระทบถึงขั้นทำลายเสถียรภาพทางเศรษฐกิจโดยรวม
       
       "
เมื่อวิกฤตสินเชื่อผนวกเข้ากับการพุ่งทะยานของราคาน้ำมัน และความผันผวนของสภาพภูมิอากาศโลกในระยะยาวแล้ว ทั้งสามอย่างนี้ก็จะก่อตัวเป็นพายุใหญ่อย่างสมบูรณ์แบบ" แอนดรูว์ ซิมส์ ผู้อำนวยการของเอ็นอีเอฟระบุ
       
       "
แต่แทนที่จะมานั่งหมดหวัง เราจะต้องวางแผนการที่ครอบคลุมกว้างขวางและต้องกำหนดทิศทางใหม่ในการฝ่าอุปสรรคแต่ละอย่างในสภาวการณ์ใหม่ที่ว่านี้ให้ได้" ซิมส์เสริม
       
       "
เราต้องจัดทำข้อตกลงใหม่ว่าด้วยสิ่งแวดล้อมยุคใหม่ ซึ่งมีขอบข่าย มีความกล้าหาญ และวิสัยทัศน์ที่เคยพบเห็นมาแล้วในอดีตดังเช่นในยุคที่ประธานาธิบดีรูสเวลต์รับมือกับปัญหาเศรษฐกิจโลกตกต่ำครั้งใหญ่"
       
       
ทั้งนี้ "ข้อตกลงใหม่" ตามข้อเสนอของอดีตประธานาธิบดีแฟรงกลิน รูสเวลต์แห่งสหรัฐฯ เป็นชุดแผนการที่ใช้ในระหว่างปี 1933-1938 เพื่อช่วยเหลือคนยากจน ปรับปรุงระบบการเงินของสหรัฐฯ และกระตุ้นเศรษฐกิจที่ทรุดดิ่งลงอย่างหนักภายหลังตลาดหุ้นวอลล์สตรีทล้มครืนนั่นเอง
       
       
ปัจจุบัน นักเศรษฐศาสตร์ ระบุว่า อัตราการเติบโตของเศรษฐกิจโลกกำลังชะลอตัว และพวกเขาส่วนใหญ่เห็นว่าจำเป็นต้องมีมาตรการเร่งด่วนเพื่อไม่ให้โลกมีอุณหภูมิเพิ่มสูงขึ้นอย่างไม่สามารถหยุดยั้งได้ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผลจากการปล่อยก๊าซคาร์บอนเพิ่มขึ้น
       
       "
วิกฤตสินเชื่อ สภาพอากาศ และน้ำมัน ล้วนแต่เป็นปัญหาสำคัญโดยตัวของมันเอง แต่เมื่อทั้งหมดมารวมกันเข้าก็จะอาจส่งผลถึงขั้นเป็นหายนภัยต่อระบบเศรษฐกิจ และต่อวิถีชีวิตของพวกเราด้วย" เป็นคำกล่าวของ โทนี จูนิเปอร์ ผู้ร่วมเขียนรายงานคนหนึ่ง และเป็นอดีตประธานกลุ่มอนุรักษฺสิ่งแวดล้อม "เฟรนด์ส์ ออฟ ดิ เอิร์ธ"
       
       "
เราต้องการภาวะผู้นำและวิสัยทัศน์ของแท้ที่จะฝ่าปัญหานี้ออกไปได้ แต่ตอนนี้เราก็ยังมองไม่เห็นเลย นักการเมืองจากทุกพรรคควรแสดงให้เห็นว่าพวกเขายินดีที่จะคิดแตกต่างไปจากเดิมและยอมเปิดรับแนวคิดใหม่ๆ" เขาเสริม
       
       
รายงานดังกล่าวยังเรียกร้องให้จัดทำระบบพลังงานคาร์บอนต่ำ รวมทั้งจัดให้มีแรงจูงใจด้านการเงินและนโยบายที่จะส่งเสริมพลังงานที่มีประสิทธิภาพ การตรวจสอบการหลีกเลี่ยงภาษีในต่างประเทศอย่างใกล้ชิด การห้ามจัดตั้งพื้นที่หลบเลี่ยงภาษี และการควบคุมเงินทุนแบบใหม่

       

* * * * * * * * * * * * *

 

พันตรีศิริชัย  ทรัพย์ศิริ

สมาคมคนพิการทางการเคลื่อนไหวสากล

www.waddeeja.com

Tel. 02-990-0331

2107510847

ผู้แสดงความคิดเห็น พันตรีศิริชัย ทรัพย์ศิริ (apdmajor1-at-yahoo-dot-com)วันที่ตอบ 2008-07-22 08:47:45 IP : 124.121.139.146


ความคิดเห็นที่ 4 (2957185)

สวัสดีปีฉลู 2552 ทุก ๆ ท่าน ที่เข้าเยี่ยมชมข้อมูลภาวะโลกร้อน...ครับ.

 

* * * * * * * * * * * * *

พันตรีศิริชัย  ทรัพย์ศิริ

สมาคมคนพิการทางการเคลื่อนไหวสากล

www.waddeeja.com

Tel. 02-990-0331

0601522345

ผู้แสดงความคิดเห็น พันตรีศิริชัย ทรัพย์ศิริ (apdmajor1-at-yahoo-dot-com)วันที่ตอบ 2009-01-06 23:45:05 IP : 124.121.143.99


ความคิดเห็นที่ 5 (2977909)

ถึงเวลาประเทศกำลังพัฒนาต้องรับภาระ ลดก๊าซเรือนกระจก 60% ต่อหัว

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์   6  มกราคม  2552

 

จะหวังให้ประเทศอุตสาหกรรมลดปล่อยก๊าซเรือนกระจก เพื่อแก้ปัญหาภาวะโลกร้อนเพียงลำพังไม่ได้เสียแล้ว เหล่าประเทศกำลังพัฒนา ต้องเร่งดำเนินการด้วย เพราะเสร็จสิ้นการประชุมที่โปแลนด์ ก็มีรายงานทางวิชาการออกมาว่า แค่มาตรการของ 2 ยักษ์ใหญ่ สหรัฐฯ-อียู ไม่เป็นผลอย่างแน่นอน
       
       
การประชุมนานาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศขององค์การสหประชาชาติ (United Nations Framework Convention on Climate Change: UNFCCC) ที่เมืองปอซนัน ประเทศโปแลนด์ ระหว่างวันที่ 1-12 ธ.ค. 51 ได้สิ้นสุดลงอย่างเป็นทางการแล้ว โดยบีบีซีนิวส์ได้เผยสรุปรายงานของนักวิชาการ จาก 2 เครือข่ายองค์กร ว่ามาตรการของกลุ่มประเทศอุตสาหกรรมที่มีอยู่ตอนนี้ยังไม่เพียงพอ และประเทศกำลังพัฒนาจำเป็นต้องให้ความสำคัญกับการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกด้วย
       
       
ทั้งนี้ คณะกรรมาธิการระหว่างรัฐบาลว่าด้วยความเปลี่ยนแปลงของภูมิอากาศ หรือ ไอพีซีซี” (Intergovernmental Panel on Climate Change: IPCC) ได้กำหนดเป้าหมายไว้ว่าทั่วโลกจะต้องลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลงครึ่งหนึ่งของปริมาณในปี 2533 ให้ได้ภายในปี 2593 ซึ่งน่าจะช่วยให้อุณหภูมิเฉลี่ยของโลกที่เพิ่มสูงขึ้นอีกไม่เกิน 2.5 องศาเซลเซียสได้ และหลีกเลี่ยงมหันตภัยรุนแรงอันเป็นผลมาจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศได้
       
       
กลุ่มประเทศอุตสาหกรรมในจี 8 (G8) ยอมรับในมติดังกล่าว ขณะที่บางประเทศ เช่น สหราชอาณาจักร ยังคงต้องการรักษาระดับการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของประเทศตนภายในปี 2593 ให้ลดลง 80% จากปี 2533
       
       
องค์กรประเทศโลกที่ 3 (Third World Network) ได้ประเมินแล้วพบว่าหากว่ากลุ่มประเทศอุตสาหกรรมทั้งหมดในโลกเห็นชอบกับฉันทามตินี้ กลุ่มประเทศกำลังพัฒนาจะต้องลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้ได้ประมาณ 23% เพื่อให้เป็นไปตามเป้าหมายที่จะลดลงได้ 50% ทั่วโลก และเมื่อคิดเฉลี่ยต่อหัวแล้วแต่ละคนจะต้องลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้ได้ประมาณ 60%
       
       
หากประเทศกำลังพัฒนาทำได้พอประมาณ จะทำให้ค่าเฉลี่ยต่อหัวในการปล่อยก๊าซเรือนกระจกมีอัตราคงที่เท่ากับในปี 2533 ซึ่งการเติบโตของประชากรนั้นจะส่งผลให้ปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกโดยรวมทั้งหมดของกลุ่มประเทศกำลังพัฒนาเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่าในปี 2593 ซึ่งเป็นปัญหาอย่างยิ่งต่อเป้าหมายของโลกที่วางไว้
       
       
นอกจากนี้ยังมีปัญหาอีกว่า แม้ว่าจะมีบางประเทศที่กำลังพัฒนา และกำหนดแผนการพัฒนาพลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมกับควบคุมอัตราการปล่อยก๊าซเรือนกระจกไปด้วย แต่ก็ขาดความกระตือรือร้นในหมู่ประชาชน โอกาสทำสำเร็จได้จึงยากมาก
       
       
เอวาห์ เอเลอรี (Ewah Eleri) ผู้อำนวยการบริหารศูนย์นานาชาติด้านพลังงาน สิ่งแวดล้อม และการพัฒนา (International Centre for Energy, Environment and Development) เมืองอาบูจา ประเทศไนจีเรีย กล่าวว่ายังพอมีหนทางสำหรับประเทศกำลังพัฒนาที่ยากจนสุดๆ ในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก อาทิ ลดการใช้เตาถ่านแบบดั้งเดิม แล้วเปลี่ยนเป็นเตาที่มีประสิทธิภาพมากกว่า ซึ่งน่าจะช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทั่วทั้งไนจีเรียได้ราว 20-30%
       
       
ขณะที่ทั่วโลกมีประชากรประมาณ 2 พันล้านคน ที่ยังใช้ไม้เป็นเชื้อเพลิงหลัก และหากจะเปลี่ยนให้ประชาชนในจำนวนนี้ทั้งหมดเปลี่ยนมาใช้เตาที่มีประสิทธิภาพดีกว่า อาจต้องใช้งบประมาณ 6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
       
       
นายเอเลอรี ยังระบุอีกด้วยว่าแม้ประเทศกำลังพัฒนาจะสามารถดำเนินการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจำได้ แต่อย่างไรก็ดี ผู้นำในเรื่องนี้ก็ควรจะเป็นกลุ่มประเทศตะวันตกที่พัฒนาแล้ว
       
       
ทั้งนี้กลุ่มประเทศในสหภาพยุโรป (EU) มีมติแล้วว่าจะลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้ได้ 20% เป็นอย่างน้อยภายในปี 2563 ขณะที่นายบารัค โอบามา (Barack Obama) ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนต่อไปก็วางเป้าไว้แล้วว่าจะทำให้สหรัฐฯ ลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้ได้น้อยกว่าในปี 2533 ภายในปี 2563
       
       
เครือข่ายภูมิอากาศโลก (Global Climate Network) วิเคราะห์ว่าเพียงแค่มาตรการดังกล่าวของประเทศที่พัฒนาแล้วยังไม่เพียงพอที่จะลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลงได้ครึ่งหนึ่งในปีที่กำหนดเอาไว้อย่างแน่นนอน แม้ว่าทั้งอียูและสหรัฐฯ จะทำสำเร็จตามเป้าหมายก็ตาม
       
       "
พวกเราจะต้องปลดล็อคเพื่อลดอัตราการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่เพิ่มมากขึ้นในประเทศกำลังพัฒนา ทว่าเราต้องหาวิถีทางที่เป็นธรรมในการจะทำเช่นนั้น" ข้อเสนอแนะของแอนดรูว์ เพนเดิลตัน ผู้ประสานงานของไอพีพีอาร์ (Institute for Public and Policy Research: IPPR) ในกรุงลอนดอน
       
       
ท้ายที่สุดเพนเดิลตันก็ให้ข้อสรุปว่า ประเทศที่ร่ำรวยกว่าจะต้องช่วยเหลือทางด้านการเงินและเทคโนโลยีพลังงานสะอาดแก่ประกลุ่มประเทศกำลังพัฒนา ถ้าหากพวกเขาต้องการไปให้ถึงจุดหมายในการลดก๊าซเรือนกระจกให้ได้ 50% ในปี 2593 อย่างแท้จริง.

- - - - - - - - - - - - - - - - - -            

พันตรีศิริชัย    ทรัพย์ศิริ                             

นายกสมาคมคนพิการทางการเคลื่อนไหวสากล

โทร. 02-990-0331                   

http://www.apdi2002.com

http://www.youtube.com พิมพ์ apdi. หรือ สมาคมคนพิการ

2802521354               

 

ผู้แสดงความคิดเห็น พันตรีศิริชัย ทรัพย์ศิริ (apdmajor1-at-yahoo-dot-com)วันที่ตอบ 2009-02-28 13:54:33 IP : 124.121.135.209


ความคิดเห็นที่ 6 (3131390)

อากาศเปลี่ยน ภัยพิบัติโลกหลายพื้นที่

เกิดเหตุภัยพิบัติเพราะการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศในหลายพื้นที่ทั่วโลก ทั้งฝนตกน้ำท่วมขัง โคลนถล่ม หิมะตกหนัก กระทั่งเกิดไฟป่า ด้านประเทศไทยได้รับผลกระทบเช่นกัน...

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานเมื่อวันที่ 23 พ.ย.52 ว่า เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ ส่งผลให้เกิดภัยพิบัติในหลายพื้นที่ ทางตอนเหนือของประเทศอังกฤษ ฝนตกติดต่อกันหลายวัน  ส่งผลให้เกิดน้ำท่วมรุนแรง ในเมืองคัมเบรีย รวมถึงบางส่วนของเวลส์ และสก็อตแลนด์ จนทางการอังกฤษต้องประกาศภาวะฉุกเฉินในหลายพื้นที่ และต้องอพยพประชาชนออกจากพื้นที่เสี่ยงภัย อีกทั้งสั่งปิดโรงเรียนจำนวน 20 แห่ง นอกจากนี้ยังเร่งสั่งการตรวจสอบสะพาน 1,800 แห่ง เนื่องจากมีสะพานพังถล่มแล้ว 6 แห่ง



ขณะที่ประเทศตุรกีหิมะตกหนักในบางพื้นที่ เนื่องจากอุณหภูมิลดลงอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้การคมนาคมเป็นไปอย่างยากลำบาก อีกทั้งยังมีฝนตกหนัก จนเกิดน้ำท่วมและโคลนถล่มพังบ้านเรือนประชาชน ซึ่งขณะนี้บีบีซีรายงานว่า คร่าชีวิตไปแล้ว 23 ศพ ด้านประเทศออสเตรเลีย เข้าสู่ฤดูร้อน อุณหภูมิเพิ่มสูงขึ้นเป็น 41 องศา ส่งผลให้เกิดไฟป่าในหลายพื้นที่



สำหรับประเทศไทย ได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพเช่นกัน ทางตอนใต้ของไทยประสบอุทกภัยหนัก ฝนตกคิดต่อกันหลายวัน ส่งผลให้น้ำป่าไหลหลากและน้ำท่วมขัง 3 จังหวัด คือ สงขลา พัทลุง และนราธิวาส มีรายงานว่าขณะนี้แต่ละจังหวัดเร่งจัดตั้งศูนย์อำนวยการเฉพาะกิจช่วยเหลือ และเร่งสำรวจความเสียหายแล้ว ขณะที่ทางภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคกลางอากาศหนาวเย็น อุณหภูมิยังคงลดลงอย่างต่อเนื่อง

 

 

- - - - - - - - - - - - - - - - - -  

พันตรีศิริชัย   ทรัพย์ศิริ

นายกสมาคมคนพิการทางการเคลื่อนไหวสากล (ส.พ.ค.)                   

โทร. 02-990-0331

http://www.apdi2002.com

http://www.youtube.com พิมพ์ apdi. หรือ

สมาคมคนพิการ

2311522006

 

ผู้แสดงความคิดเห็น พันตรีศิริชัย ทรัพย์ศิริ (apdmajor1-at-yahoo-dot-com)วันที่ตอบ 2009-11-23 20:06:02 IP : 124.122.26.148


ความคิดเห็นที่ 7 (3135958)

สหรัฐฯเพิ่มอำนาจใหม่ให้ "โอบามา" ทำสัญญาลดปล่อยก๊าซโลกร้อน

สหรัฐฯประกาศคำตัดสินเมื่อวันจันทร์(7ธ.ค.52) ซึ่งทำให้รัฐบาลมีอำนาจในการจัดระเบียบควบคุมการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสู่ชั้นบรรยากาศอย่างเข้มงวดมากขึ้น เป็นการติดอาวุธใหม่ให้แก่ประธานาธิบดีบารัค โอบามา ที่กำลังจะไปร่วมการประชุมสุดยอดยูเอ็นว่าด้วยสภาพภูมิอากาศที่กรุงโคเปนเฮเกน
       
       
ลิซา เปเรซ แจ็คสัน ผู้อำนวยการสำนักงานพิทักษ์สิ่งแวดล้อมแห่งชาติของสหรัฐฯ (อีพีเอ) แถลงเมื่อวันจันทร์ (7ธ.ค.52) อีพีเอได้ออกคำตัดสินอย่างเป็นทางการว่า ก๊าซ 6 ชนิด ประกอบด้วย คาร์บอนไดออกไซด์,มีเทน,ไนตรัสออกไซด์, ตลอดจนก๊าซเรือนกระจกอื่นๆ อีก 3 ชนิด เป็นก๊าซซึ่งเป็นอันตรายต่อสุขภาพของมนุษย์
       
       
การตัดสินเช่นนี้จะทำให้ทางฝ่ายรัฐบาลสามารถใช้รัฐบัญญัติอากาศสะอาดมาควบคุมการปล่อยก๊าซเหล่านี้ โดยที่แจ็คสัน ระบุว่า อีพีเอจะมีอำนาจเต็มที่ในการกำหนดปริมาณก๊าซทั้ง 6 ชนิดที่อนุญาตให้ปล่อยสู่ชั้นบรรยากาศ ไม่ว่าจะเป็นก๊าซเรือนกระจกจากการใช้งานตามบ้านเรือน โรงงานอุตสาหกรรม หรือยวดยานทุกประเภทบนถนน โดยที่จะมีผลสมบูรณ์ตามกฎหมายในทันทีไม่ต้องขอความเห็นชอบจากรัฐสภาแต่อย่างใด

 - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -

พันตรีศิริชัย  ทรัพย์ศิริ

สมาคมคนพิการทางการเคลื่อนไหวสากล (ส.พ.ค.)

www.waddeeja.com

Tel.02-990-0331

0812522335

 

ผู้แสดงความคิดเห็น พันตรีศิริชัย ทรัพย์ศิริ (apdmajor1-at-yahoo-dot-com)วันที่ตอบ 2009-12-08 23:35:14 IP : 124.121.136.163


ความคิดเห็นที่ 8 (3136242)

ชี้ข่าวปั่นกระแสโลกร้อน"เหลวไหล"



กระแสข่าวที่ว่าบรรดานักวิชาการพยายามปลุกปั่นและบิดเบือนข้อมูลเรื่องโลกร้อนให้น่ากลัวเกินจริง หลังจากที่อี-เมลของผู้เชี่ยวชาญประจำมหาวิทยาลัยอีสต์แองเกลียของอังกฤษ ซึ่งเป็นหนึ่งในศูนย์วิจัยชั้นนำของโลก ว่าด้วยเรื่อง โลกร้อนที่ถูกแฮ็คมีเนื้อหาบางส่วนที่ชี้ว่านักวิทยาศาสตร์ไม่สามารถอธิบายได้ว่า ทำไมภาวะโลกร้อนจึงบรรเทาลงชั่วคราว ถูกตอบโต้โดยนักวิชาการรวมถึงทำเนียบขาวของสหรัฐ

นายโรเบิร์ต กิบส์ โฆษกทำเนียบขาว กล่าวว่า ความเห็นดังกล่าวเป็นเรื่องเหลวไหล เพราะมีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์มากมายที่สามารถชี้ให้เห็นได้ว่าโลกกำลังร้อนขึ้นอย่างแท้จริง ขณะที่นายเชนทรา ปาชัวรี ประธานคณะกรรมการระหว่างประเทศว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศ (ไอพีซีซี) ระบุว่า เป็นความพยายามที่จะดิสเครดิตไอพีซีซีเป็นสำคัญ

รัฐบาลสหรัฐภายใต้การนำของประธานาธิบดีบารัค โอบามา ก็ได้ประกาศท่าทีใหม่ซึ่งส่งผลบวกต่อการประชุมที่กำลังมีขึ้นที่กรุงโคเปนเฮเกน โดยประกาศว่า จะกำหนดให้ก๊าซเรือนกระจกซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญของภาวะโลกร้อนเป็นอันตรายต่อสุขภาพภายใต้กฎหมายสิ่งแวดล้อมของสหรัฐ พร้อมกับประกาศตั้งเป้าการลดปริมาณก๊าซเรือนกระจกลง 17% ภายในปี 2563 อย่างไรก็ดีต้องมีการนำเรื่องเข้าสู่การพิจารณาของสภาคองเกรสต่อไป (เอพี/เอเอฟพี)

- - - - - - - - - - - - - - - - - -  

พันตรีศิริชัย   ทรัพย์ศิริ

นายกสมาคมคนพิการทางการเคลื่อนไหวสากล (ส.พ.ค.)                   

โทร. 02-990-0331

http://www.apdi2002.com

http://www.youtube.com พิมพ์ apdi. หรือ

สมาคมคนพิการ

0912521711

 

ผู้แสดงความคิดเห็น พันตรีศิริชัย ทรัพย์ศิริ (apdmajor1-at-yahoo-dot-com)วันที่ตอบ 2009-12-09 17:11:56 IP : 124.121.140.136


ความคิดเห็นที่ 9 (3136243)

ชี้ข่าวปั่นกระแสโลกร้อน"เหลวไหล"



กระแสข่าวที่ว่าบรรดานักวิชาการพยายามปลุกปั่นและบิดเบือนข้อมูลเรื่องโลกร้อนให้น่ากลัวเกินจริง หลังจากที่อี-เมลของผู้เชี่ยวชาญประจำมหาวิทยาลัยอีสต์แองเกลียของอังกฤษ ซึ่งเป็นหนึ่งในศูนย์วิจัยชั้นนำของโลก ว่าด้วยเรื่อง โลกร้อนที่ถูกแฮ็คมีเนื้อหาบางส่วนที่ชี้ว่านักวิทยาศาสตร์ไม่สามารถอธิบายได้ว่า ทำไมภาวะโลกร้อนจึงบรรเทาลงชั่วคราว ถูกตอบโต้โดยนักวิชาการรวมถึงทำเนียบขาวของสหรัฐ

นายโรเบิร์ต กิบส์ โฆษกทำเนียบขาว กล่าวว่า ความเห็นดังกล่าวเป็นเรื่องเหลวไหล เพราะมีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์มากมายที่สามารถชี้ให้เห็นได้ว่าโลกกำลังร้อนขึ้นอย่างแท้จริง ขณะที่นายเชนทรา ปาชัวรี ประธานคณะกรรมการระหว่างประเทศว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศ (ไอพีซีซี) ระบุว่า เป็นความพยายามที่จะดิสเครดิตไอพีซีซีเป็นสำคัญ

รัฐบาลสหรัฐภายใต้การนำของประธานาธิบดีบารัค โอบามา ก็ได้ประกาศท่าทีใหม่ซึ่งส่งผลบวกต่อการประชุมที่กำลังมีขึ้นที่กรุงโคเปนเฮเกน โดยประกาศว่า จะกำหนดให้ก๊าซเรือนกระจกซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญของภาวะโลกร้อนเป็นอันตรายต่อสุขภาพภายใต้กฎหมายสิ่งแวดล้อมของสหรัฐ พร้อมกับประกาศตั้งเป้าการลดปริมาณก๊าซเรือนกระจกลง 17% ภายในปี 2563 อย่างไรก็ดีต้องมีการนำเรื่องเข้าสู่การพิจารณาของสภาคองเกรสต่อไป (เอพี/เอเอฟพี)

- - - - - - - - - - - - - - - - - -  

พันตรีศิริชัย   ทรัพย์ศิริ

นายกสมาคมคนพิการทางการเคลื่อนไหวสากล (ส.พ.ค.)                   

โทร. 02-990-0331

http://www.apdi2002.com

http://www.youtube.com พิมพ์ apdi. หรือ

สมาคมคนพิการ

0912521713

 

ผู้แสดงความคิดเห็น พันตรีศิริชัย ทรัพย์ศิริ (apdmajor1-at-yahoo-dot-com)วันที่ตอบ 2009-12-09 17:13:26 IP : 124.121.140.136


ความคิดเห็นที่ 10 (3138516)

มะกันมังกรเถียงดุเดือด ใครเป็นคนทำให้โลกร้อน?

 

เอเอฟพี มะกันและมังกร ซึ่งเป็นตัวการใหญ่ก่อปัญหาโลกร้อนด้วยกันทั้งคู่ ฉะกันอีกแล้วบนเวทีซัมมิตปัญหาโลกร้อนที่กรุงโคเปนเฮเก้น ในเรื่องที่ว่าใครควรถูกตำหนิ และใครควรควักกระเป๋าจ่ายค่าชดเชยกรณีที่โลกมีอุณหภูมิสูงขึ้น
       
       เวทีซัมมิต เพื่อแก้ไขวิกฤตการณ์ของมวลมนุษยชาติร้อนฉ่า เมื่อหัวหน้าผู้เจรจาฝ่ายจีน กล่าวหาพวกชาติร่ำรวย เช่น สหรัฐฯ ว่า เป็นคนทำให้โลกร้อน จึงมีหน้าที่ต้องจ่ายเงินหลายพันล้านดอลลาร์ เพื่อชดเชยแก่ชาติกำลังพัฒนา และยากจนกว่า
       
       
แต่สหรัฐฯ สวนกลับว่า จีนจะไม่อยู่ในชาติกลุ่มแรกในบัญชีของสหรัฐฯ ที่จะได้รับเงินชดเชย
       

       “จีนมีศักยภาพมหาศาลนายโจนาทาน เพอร์ชิ่ง ผู้เจรจาฝ่ายสหรัฐฯ บอกกับผู้สื่อข่าว
       
       “
ถ้าคุณลองคิดดูนะว่าจะจัดอันดับให้ความสำคัญกับอะไรก่อน ในแง่ความจำเป็นมากที่สุดของชุมชมของชาติต่าง ๆ ชาติที่ยากจนที่สุด ชาติที่ถูกกระทบหนักที่สุด ผมจะไม่เริ่มต้นที่จีนนายเพอร์ชิ่งกล่าว
       
       
ทั้งนี้ การตั้งเป้าลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และการจัดตั้งกองทุนช่วยเหลือชาติกำลังพัฒนาและยากจนในการต่อสู้กับภาวะโลกร้อน เป็นประเด็นหลักในการประชุมระหว่างวันที่ 7-18 ธ.ค. ซึ่งสหประชาชาติเป็นเจ้าภาพ
       
       
เมื่อวันพุธ (9 ธ.ค.) นายอี๋ว์ ฉิงไท่ ทูตจีนด้านปัญหาโลกร้อนตอบโต้ความเห็นของนายท็อดด์ สเติร์น หัวหน้าผู้เจรจาสหรัฐฯ ที่คล้ายกับนายเพอร์ชิ่งว่า ชาติร่ำรวยน่ะแหละ ที่ทำให้โลกร้อน จึงควรจ่ายเงินช่วยให้ชาติยากจนหันไปใช้เทคโนโลยี ซึ่งลดการปล่อยก๊าซคาร์บอน
       
       “
การที่ชาติพัฒนาช่วยเหลือด้านการเงินแก่ชาติกำลังพัฒนานั้น มิใช่เรื่องการทำบุญทำกุศลของคนร่ำรวยนายอี๋ว์ถึงกับแถลงข่าว
       
       “
มันเป็นความรับผิดชอบของชาติพัฒนาในทางกฎหมายและประวัติศาสตร์
       

       
ก่อนหน้านี้ นายสเติร์น เคยออกมากล่าวไม่ยอมรับความคิดที่ว่าสหรัฐฯ และชาติพัฒนาอื่น ๆ มีหนี้ต้อง ชดใช้
       
       
เราสำนึกอย่างแท้จริงเรื่องที่ได้ปล่อยก๊าซสู่บรรยากาศในประวัติศาสตร์ที่ผ่านมา แต่ในแง่ที่ว่าเป็นความผิด หรือควรตำหนิ หรือการชดใช้นั้น ผมไม่ยอมรับอย่างเด็ดขาดนายสเติร์นระบุ
       

       เขายังตอกหน้าพญามังกรว่า พวกชาติกำลังพัฒนาไม่อาจเดินผ่านพ้นเสียงเรียกร้อง ที่ให้ชาติกำลังพัฒนาลดการเผาถ่านหิน ซึ่งเป็นตัวการทำให้โลกร้อนได้
       
       “
ผมยังนึกภาพไม่ออกเรื่องที่เงินกองทุนสาธารณะ ซึ่งแน่นอนว่าไม่ได้มาจากสหรัฐฯ จะไปสู่จีนเขาเสริม
       
       “
เมื่อดูจากเครดิตมากมายของจีนนั้น เศรษฐกิจจีนมีพลวัต และยังนั่งอยู่บนกองเงินสำรองถึงราว 2 ล้านล้านดอลลาร์ เราจึงไม่คิดว่าจีนจะเป็นผู้ที่น่าจะได้รับเงินกองทุนสาธารณะเป็นรายแรก
       
       
พอถูกถามเรื่องนี้ นายอี๋ว์ก็สวนหมัดว่า ปัญหาเช่นนั้นไม่มี จีนไม่เคยพยายามเสนอตัว ที่จะเป็นผู้ได้รับการสนับสนุนทางการเงินเป็นรายแรกเลย
       
       
หลายฝ่ายเห็นพ้องต้องกันว่า ถ้าชาติมหาอำนาจทั้งสองยังเห็นไม่ลงรอยกันอยู่อย่างนี้ ที่ประชุมก็คงไม่สามารถบรรลุข้อตกลงฉบับใหม่ได้อย่างแน่นอน
       
       
อนึ่ง เมื่อพิจารณาในแง่ปริมาณแล้ว จีนเป็นชาติที่ปล่อยก๊าซคาร์บอนมากที่สุดในโลก รองลงมาคือสหรัฐฯ
       

- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -

พันตรีศิริชัย  ทรัพย์ศิริ

สมาคมคนพิการทางการเคลื่อนไหวสากล (ส.พ.ค.)

www.waddeeja.com

Tel.02-990-0331

1712521846

 

ผู้แสดงความคิดเห็น พันตรีศิริชัย ทรัพย์ศิริ (apdmajor1-at-yahoo-dot-com)วันที่ตอบ 2009-12-17 18:46:31 IP : 124.121.143.254


ความคิดเห็นที่ 11 (3139459)

โลกร้อนจริงไหม? Climate-gate

Climate-gate (ไคลเมตเกต) คือการเปิดเผยการหลอกลวงที่ยิ่งใหญ่ที่สุด
       
       
หนังสือพิมพ์ Telegraph ของอังกฤษ ลงพิมพ์ว่าเป็นเรื่องอื้อฉาวและน่าอับอายที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในยุควิทยาศาสตร์สมัยใหม่
       
       
เดือนที่แล้วมีข่าวไคลเมตเกต (Climate-gate) เกี่ยวกับการบิดเบือนข้อมูลหรืออุปโลกน์ข้อมูลเพื่อลวงโลกและผิดจรรยาบรรณของนักวิทยาศาสตร์ของมหาวิทยาลัย University of East Anglia (Climate Research Unit) ของประเทศอังกฤษที่ทำงานวิจัยเกี่ยวกับภาวะอากาศที่จะทำให้โลกร้อนถูกเปิดเผยเพราะคอมพิวเตอร์ของหน่วยงานวิจัยเกี่ยวกับภาวะอากาศ (CRU) ถูกล้วงข้อมูลหรือถูกแฮก (hacked) และเอา e-mail ออกมาเผยแพร่ทั่วโลกพันกว่าฉบับซึ่งเปิดเผยว่านักวิทยาศาสตร์เหล่านั้นผิดจรรยาบรรณโดยใช้วิธีปกปิดและบิดเบือนข้อมูลและทำลายข้อมูล และกลั่นแกล้งกีดกันนักวิทยาศาสตร์ที่ไม่เห็นด้วยว่าโลกจะร้อนเพราะมนุษย์
       
       
ที่ผ่านมาสหประชาชาติก็นำข้อมูลที่บิดเบือนเหล่านี้ไปใช้อ้างอิงพิสูจน์ว่ามนุษย์เป็นคนทำให้โลกร้อนและจะเกิดภัยพิบัติร้ายแรงตามมา การนำข้อมูลที่ถูกบิดเบือนคลาดเคลื่อนมายืนยันว่ามีปัญหาจึงไม่ถูกต้อง ยิ่งไปกว่านั้น ทางสหประชาชาติกำลังจะหาทางแก้ปัญหาด้วยการออกกฏหมายสนธิสัญญามาบังคับผู้คนทุกประเทศทั่วโลกให้ใช้งบประมาณจำนวนมากเพื่อชดเชยกับการปล่อยกาซคาร์บอน (carbon debt) ซึ่งจะเป็นการสิ้นเปลืองงบประมาณโดยไม่จำเป็นเพราะเราสร้างปัญหาจากข้อมูลที่ผิดๆ
       
       
สหประชาชาติกล่าวว่าโลกจะร้อนขึ้นเพราะเกิดจาก CO2 และก๊าซเรือนกระจก แต่ความเป็นจริง 9 ปีที่ผ่านมานี้ โลกเย็นลงไม่ได้ร้อนขึ้น ตามงานวิจัย มนุษย์ไม่ได้ทำให้โลกร้อนมาก เพิ่มเพียง 1 – 2 องศาฟาเรนไฮต์ในอีก 100 ปีข้างหน้า       
       
ในยุคกลางในประวัติศาสตร์มีอยู่ช่วงหนึ่งเรียกว่า Mediaeval Warm Period ซึ่งมีความร้อนสูงกว่าปัจจุบัน เพราะฉะนั้นความร้อนที่อ้างว่าโลกร้อนขึ้นนั้นเป็นเพราะความเปลี่ยนแปลงและความแตกต่างตามวงจรของธรรมชาติ ประมาณ ปี ค.ศ 1975 นักวิทยาศาสตร์ชื่อดังในสมัยนั้นหลายท่านทำนายว่าจะมียุคน้ำแข็ง (Ice Age) แต่ปัจจุบันนักวิทยาศาสตร์ทำนายว่าโลกร้อนขึ้นเมื่อมีการทำนายตรงกันข้ามเช่นนี้แล้วจะให้เราเชื่อฝ่ายไหน
       
       
จากภาพที่เห็นในข่าวโทรทัศน์ว่าก้อนน้ำแข็งที่ขั้วโลกเหนือจำนวนมหึมากำลังจะละลายเป็นน้ำอย่างน่ากลัวและจะทำให้น้ำท่วมชายฝั่งและทำให้เกาะต่างๆ สูญหายไปและน้ำจะท่วมทั่วไปหมดซึ่งข่าวเหล่านี้ทำให้ผู้คนตื่นตระหนก แต่ความจริงแล้ว ก้อนน้ำแข็งขั้วโลกเหนือและขั้วโลกใต้ไม่ได้น้อยลง แต่บางช่วงบางเวลาอาจจะมีละลายบ้างและน้ำแข็งเพิ่มขึ้นบ้างตามวงจรของธรรมชาติ (University of Illinois - sea ice )
       
       
ก้อนน้ำแข็ง ice sheet ในประเทศกรีนแลนด์ ก็ยังเป็นปกติอยู่ไม่ได้ลดลงซ้ำยังเพิ่มขึ้น ในปี ค.ศ.1992 ถึง 2003 เพิ่มขึ้น 5.4 ซ.ม.ต่อปี Johannessen et al.(2005) ในปี 1995 นักวิทยาศาสตร์ของ IPCC หน่วยงานของสหประชาชาติเกี่ยวกับภาวะอากาศยืนยันว่าตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบันไม่มีงานวิจัยรายงานว่าการเปลี่ยนแปลงของภาวะอากาศ (climate-change) ทั้งหมด หรือบางส่วนเกิดจากฝีมือมนุษย์ แต่แล้วภายในปีเดียวกันก็กลับมีรายงานว่ามนุษย์เป็นคนทำให้โลกร้อนซึ่งน่าจะมีวาระซ่อนเร้นเกิดขึ้นกับ IPCC
       
       
ถ้าเราหยุดทุกอย่างในโลกนี้กลับไปอยู่แบบยุคดึกดำบรรพ์ไม่มีไฟฟ้าไม่มีรถยนต์ไม่มีโรงงานอุตสาหกรรมไม่ใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล โลกจะเย็นลงเพียง 1/40 องศา C ต่อปีเท่านั้น Waxman-Markey
       
       
อะไรจะเกิดขึ้นกับประเทศไทย ถ้านายกรัฐมนตรีไปลงนามเซ็นสนธิสัญญา Copenhagen Treaty กับสหประชาชาติเรื่องโลกร้อน
       
       1.
น้ำมัน ไฟฟ้า ค่าขนส่งและค่าเดินทางจะแพงขึ้น 2.ถ้าน้ำมันขึ้นราคา ค่าครองชีพจะสูงขึ้นเพราะสิ่งของแพงขึ้น 3.ค่าโดยสารเครื่องบินแพงขึ้น เพราะต่างประเทศจะเก็บภาษีคาร์บอน เพราะเครื่องบินจะพ่นคาร์บอนออกมา 4.การขับรถยนต์จะน้อยลงเพราะถูกเก็บภาษีคาร์บอนและถูกมองว่าทำลายสิ่งแวดล้อมเพราะใช้น้ำมันที่พ่นคาร์บอนออกมา 5.โรงงานและร้านค้าอาจจะต้องปิดกิจการ 6.เศรษฐกิจแบบตลาดเสรีของประเทศไทยจะถูกต่างชาติควบคุม เพราะ มีกฎหมายภาษีคาร์บอน และในที่สุดอาจจะถูกทำลายและเปลี่ยนแปลงเป็นเศรษฐกิจแบบระบบสังคมนิยมซึ่งเป็นเศรษฐกิจที่ล้มเหลวอย่างแน่นอน 7.ระบบประชาธิปไตยของประเทศไทยซึ่งมีรัฐธรรมนูญอาจจะถูกทำลายไป เพราะ ต่างชาติหรือสหประชาชาติมีอำนาจที่จะมาควบคุมการปกครองของประเทศโดยวิธีเผด็จการโดยเราไม่มีสิทธิ์คัดค้านหรือเลือกเจ้าหน้าที่ของต่างชาติ (รัฐบาลโลก) 8.อำนาจอธิปไตยของเราจะถูกลิดรอนเพราะจะมีรัฐบาลโลกที่ใช้วิธีเผด็จการ 9.Copenhagen Treaty จะเริ่มตั้งรัฐบาลโลกซึ่งเป็นรัฐบาลเผด็จการ เราก็ไม่มีสิทธิ์เลือกผู้นำของโลกและเราต้องอยู่ใต้อำนาจหรือคำสั่งของเขาซึ่งเป็นเรื่องอันตรายมาก
       
       
สรุปแล้วถ้านายกรัฐมนตรีไปลงนามเซ็นสัญญา Copenhagen Treaty on Global Warming ประเทศไทยจะได้รับความเสียหายอย่างมากและประชาชนจะตกอยู่ใต้อำนาจของรัฐบาลโลกตลอดไป
       
       
สนธิสัญญาโคเปนเฮเกน มีอำนาจเหนือกว่ารัฐธรรมนูญของเรา สิทธิและเสรีภาพของปวงชนชาวไทยที่อยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญไทยจะถูกยึดและทำลายและเราก็จะตกอยู่ภายใต้การควบคุมของรัฐบาลโลก ถ้ารัฐบาลโลกมีอำนาจกำหนดและเก็บภาษี (เช่น ภาษีคาร์บอน) และควบคุมการใช้พลังงานและควบคุมดูแลสิ่งแวดล้อมซึ่งทั้งหมดนี้จะกระทบต่ออำนาจอธิปไตยของไทย
       
       
สรุป เรื่องโลกร้อนจากการกระทำของมนุษย์แล้วจะทำให้เกิดภัยพิบัติเป็นเรื่องหลอกลวงที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในศตวรรษนี้ ไม่มีหลักฐานยืนยันว่ามนุษย์จะทำให้ก๊าซ CO2 เพิ่มมากขึ้นจนสามารถเกิดภัยพิบัติ แต่มีข้อมูลใหม่เมื่อเดือนที่แล้วจากงานวิจัยของ MIT (Dr. Richard Lindzen) นักวิจัยที่มีชื่อเสียงด้านภูมิอากาศ โดยใช้เวลา 20 ปี วัดอุณหภูมิเก็บข้อมูลสรุปได้ว่าอุณภูมิของโลกเพิ่มขึ้นจาก กาซ CO2 และก๊าซเรืองกระจกเพียง 1/6 ของตัวเลขที่สหประชาชาติเคยประกาศไว้สำหรับอีก 100 ปี ข้างหน้าอุณหภูมิจะเพิ่มน้อยกว่า 2 องศา F ซึ่งเป็นตัวเลขที่น้อยมากไม่ต้องกลัวว่าโลกจะแตก       
       
การประชุมที่โคเปนเฮเกนมีวาระซ่อนเร้น (hidden agenda) การประชุมเรื่องสิ่งแวดล้อม(โลกร้อน)เป็นข้ออ้างที่ทำให้คนกลัวแล้วก็ลงนามในสนธิสัญญาซึ่งเขามีเป้าหมายจะจัดตั้งรัฐบาลโลก
       
       
ข้อเสนอต่อนายกรัฐมนตรี - ขอให้ท่านนายกรัฐมนตรีมีความกล้าหาญไม่ร่วมลงนามในสนธิสัญญาเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาโลกร้อน Copenhagen Treaty เพราะเรื่องโลกร้อนไม่ใช่ปัญหาเพราะหากร่วมลงนามแล้วจะยิ่งมีปัญหาเพราะจะเป็นอันตรายต่อสิทธิเสรีภาพ ประชาธิไตย เศรษฐกิจและอำนาจอธิปไตยของเรา
       
       
อ้างอิง :       
       **
น.พ.โชติช่วง ชุตินธร อดีตประธานชมรมผู้บริโภคแห่งสยาม

 

- - - - - - - - - - - - - - - - - -  

พันตรีศิริชัย   ทรัพย์ศิริ

นายกสมาคมคนพิการทางการเคลื่อนไหวสากล (ส.พ.ค.)                   

โทร. 02-990-0331

http://www.apdi2002.com

http://www.youtube.com พิมพ์ apdi. หรือ

สมาคมคนพิการ

2112520813

 

ผู้แสดงความคิดเห็น พันตรีศิริชัย ทรัพย์ศิริ (apdmajor1-at-yahoo-dot-com)วันที่ตอบ 2009-12-21 08:13:38 IP : 124.121.141.156


ความคิดเห็นที่ 12 (3206158)
the elevation changes will surprise most native louisianans ugg shoes as many have no clue such a trail exists in the areait will come as ugg for sale ugg ugg shoes for sale
ผู้แสดงความคิดเห็น 1 (jmojjz-at-aim-dot-com)วันที่ตอบ 2010-08-25 01:24:22 IP : 125.121.215.19


ความคิดเห็นที่ 13 (3221363)
GHD MK4 curly hair straightener Permit your head of hair to angle for fifteen accounts and once more attain abiding your head of hair is absolutely dry You can dry your curly hair by itself or with curly hair dryer Accomplish abiding the hairdryer pointing straight down which can accept the aftereffect on hair follicles that would acquiesce them to point down and complete abiding your hair shine Research is an absolution or even a curse Of advance it is definitely an alloyed absolution on this break too for people with affection for look aided by the accession of ghd MK4 GHD MK4 hair adamant is absorbing and no agnosticism may be the absolution of research With the entire added role that has been an absolution to acclimatized the asparagus waves It truly is artlessly absurd and can"t be carried out unless of course you get one for you With numerous advantageous appearances has develop into the aboriginal very best for appearance aficionados The brand new larger technology is suggested to align your locks afterwards damage What is GHD MK4 curly hair adamant is success Able-bodied looking at the chump critiques which could admeasurements the acceptance of it What could be the affidavit for this kind of reputation In accordance to chump acknowledgment showed that humans achieved acclaim on your DVD MK4 ghd ghd straighteners be acutely advantageous to customers who"re accomplished together with the actual approach to attain an precise model Too the votes of barter for above superior articles or blog posts that motion GHD Hair Straighteners affliction head of hair additional safely afore and afterwards software the straightener All that is precise advantageous for those who carry out your head of hair extra commonly or you are able to say frequently
ผู้แสดงความคิดเห็น 1 (yzyydr-at-hushmail-dot-com)วันที่ตอบ 2010-11-01 18:24:22 IP : 125.122.102.4


ความคิดเห็นที่ 14 (3221366)
Your Guide For Shopping for GHD Hair Straighteners The trend of curly hair straightening has grown to be incredibly common these days and majority of females really like to straighten their hair follicles Within the past it was prevalent to straighten the hair only on special events but at present women favor to straighten their hair follicles everyday to look elegant and attractive It truly is observed that curly hair are damaged mainly because of exposure towards the heat in the straightener so it truly is needed to go through all safety measures which will decrease the dangerous impacts of hair ghd straighteners You will discover different varieties of curly hair straighteners that have diverse capabilities so the choice from the most ideal locks straightener is essential in accordance for the type of hair follicles to be able to avoid the damaging effects ghd locks straightener may be the very best straightener that delivers quite a few advantageous capabilities You will discover diverse models of GHD hair straighteners that happen to be appropriate for certain sorts of head of hair GHD IV styler would be the most acceptable tool that could be employed for all types of curly hair GHD IV salon styler is helpful for thick curly hair It has wider plates that make it uncomplicated to straighten the curly hair in brief duration of time For those having brief locks GHD IV mini styler would be the ideal choice to purchase and it can create waves or curls too For getting GHD curly hair straightener it really is far better to evaluate the attributes and prices to select 1 that is according to personal demands There are many accessories that purchaser can obtain with the straightener so ahead of getting GHD hair follicles straightener the data about all equipment need to be taken There are lots of GHD locks straighteners that are created in different colors The shade of your straightener has nothing to do with its attributes People can select any color of their choice Just before acquiring GHD curly hair straightener it can be essential to be certain that it offers the warranty of two years There are some pretend GHD locks straighteners readily available inside markets so the buyer should make certain that the product he/she is acquiring is original If the GHD hair follicles straightener is bought from a reputable retailer then it will not be a pretend straightener Cautious inspection just before shopping for the straightener lessens the dangers of shopping for a fake straightener
ผู้แสดงความคิดเห็น 1 (iercps-at-pchome-dot-com)วันที่ตอบ 2010-11-01 18:28:09 IP : 125.122.102.4



[1]


แสดงความคิดเห็น
ความคิดเห็น *
ผู้แสดงความคิดเห็น  *
อีเมล 
ไม่ต้องการให้แสดงอีเมล



สมาคมคนพิการทางการเคลื่อนไหวสากล 802/410 หมู่12 หมู่บ้านวังทองริเวอร์ปาร์ค ซอย10/4 ตำบลคูคต อำเภอลำลูกกา จังหวัดปทุมธานี 12130 โทร : 02-990-0331 Copyright © 2010 All Rights Reserved.