ศาลอุทธรณ์ยกฟ้อง"ดลพร" ไม่หมิ่น"รพ.พญาไท1"เหตุทำคลอดลูกพิการ

2 ตุลาคม พ.ศ. 2550 15:03:00

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนยกฟ้อง ปธ.เครือข่ายผู้เสียหายทางการแพทย์ ไม่หมิ่น"รพ.พญาไท1" ระบุแพทย์ไม่ระวังทำคลอดบุตรจนขาพิการ เจ้าตัววอนอย่าฎีกา หวังกก.สิทธิฯ ชี้มูลละเมิดสิทธิเด็กซ้ำ กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ : ห้องพิจารณาคดี 807 ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก เวลา 10.00 น. โดยศาลอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ในคดีที่ บริษัทโรงพยาบาลพญาไท 1 จำกัด โดยนายกฤช เทพปฎิพันธ์ ผู้รับมอบอำนาจ เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง นางดลพรหรือ ปรียนันท์ ล้อเสริมวัฒนา ประธานเครือข่ายผู้เสียหายทางการแพทย์ , องค์การสื่อสารมวลชนแห่งประเทศไทย ( อ.ส.ม.ท.) ปัจจุบัน เป็น โมเดิร์นไนน์ทีวี , นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ อดีต ผอ.อ.ส.ม.ท. , นายสุระ เกนทะนะศิล อดีตผู้บริหารรายการ” เมืองไทยรายวัน” และ น.ส.อัญชลีพร กุสุมภ์ ผู้ดำเนินรายการ เป็นจำเลยที่ 1-5 ตามลำดับ ในความผิดฐานหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 12 ก.ย.45 นางดลพร ซึ่งเป็นผู้เสียหายจากการทำคลอดของแพทย์ รพ.พญาไท 1 กล่าวว่า แพทย์ทำคลอดบุตรชายโดยประมาท และปราศจากความระมัดระวัง จนส่งผลให้ ด.ช.กฤตบุญหรือพิทักษ์พงค์ ล้อเสริมวัฒนา บุตรชาย ต้องพิการที่ขา  คดีนี้ศาลชั้นต้น มีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 26 เม.ย.48 ให้ยกฟ้อง เนื่องจากเห็นว่า การกระทำของจำเลยดังกล่าวไม่มีเจตนาที่จะเป็นการใส่ร้ายโจทก์ แต่เป็นการพูดให้ข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นในขณะนั้น ซึ่งการแสดงความคิดเห็นของจำเลยที่ 1 ดังกล่าวเป็นการกระทำที่ติชมโดยชอบธรรมตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 329 (1) ภายหลังโจทก์ยื่นอุทธรณ์  ศาลอุทธรณ์ประชุมตรวจสำนวนแล้ว เห็นว่า ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า จำเลยที่ 1 เข้าทำการคลอดบุตรที่โรงพยาบาลของโจทก์เมื่อวันที่ 30 มี.ค.34 ซึ่งครั้งแรกไม่สามารถคลอดได้เองตามธรรมชาติ แพทย์จึงใช้เครื่องสูญญากาศดูดศีรษะแต่ไม่สำเร็จ จึงทำการผ่าตัด ซึ่งหลังคลอดปรากฎว่าบุตรชายของจำเลยที่ 1 มีอาการผิดปกติแขนขาอ่อนแรง จนภายหลังมีอาการพิการที่ขา โดยต่อมาจำเลยที่ 1 เข้าร้องเรียนเกี่ยวกับการรักษาของโรงพยาบาลโจทก์ต่อแพทยสภา ซึ่งแม้แพทยสภาจะวินิจฉัยว่าไม่ใช่ความผิดของโรงพยาบาลโจทก์ แต่การวินิจฉัยก็เป็นเพียงความเห็นของแพทยสภา ซึ่งกระบวนการสืบค้นหาความจริง อาจยังมีปัญหาอีกหลายประการที่หน่วยงานอื่นไม่ได้มีคำวินิจฉัย ว่าโจทก์เป็นฝ่ายผิด โดยความเห็นแพทยสภานั้นก็ไม่เกี่ยวกับคดีนี้ ดังนั้นการที่จำเลยที่ 1 เข้าร้องเรียนต่อแพทยสภา จึงเป็นการใช้เอกสิทธิ ในฐานะผู้เสียหายจากการทำคลอด ซึ่งเป็นการบอกกล่าวถึงข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นเพื่อความชอบธรรม อันเป็นการกระทำตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 329 (1) ที่ศาลชั้นต้นวินิจฉัยให้ยกฟ้องนั้นชอบแล้ว ศาลอุทธรณ์เห็นพ้องด้วย พิพากษายืน  ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การฟังคำพิพากษาวันนี้ นางดลพร เดินทางมาพร้อมกับนายพิทักษ์พงค์ ล้อเสริมวัฒนา หรือน้องเซ้นท์ บุตรชาย อายุ 16 ปี ซึ่งพิการขาสองข้างไม่เท่ากัน โดยมีสมาชิกเครือข่ายผู้เสียหายทางการแพทย์กว่า 10 คน อาทิ นางดอกรัก เพชรประเสริฐ ผู้เสียหายกรณีแพ้ยาจนตาบอด มาร่วมให้กำลังใจด้วย ภายหลัง นางดลพร กล่าวว่า ขอขอบคุณศาลที่ให้ความเป็นธรรมกับผู้บริโภค คนไข้ไทยทุกโดย ที่ผ่านมาในการต่อสู้เรื่องการรักษานั้นตนต้องประสบกับความลำบาก เพราะคู่กรณีไม่ได้มีฐานะที่เท่าเทียมกัน ซึ่งที่ตนได้รับความเสียหายจากการทำคลอด แล้วโรงพยาบาลนำคดีมาฟ้องกลับเช่นนี้ทำให้ตนเสียใจ และเสียความรู้สึก โดยตนหวังว่าโรงพยาบาลจะไม่ยื่นฎีกาคดีอีก ซึ่งจะขอขอบคุณมาก แต่ถ้าฎีกาตนจะสู้คดีถึงที่สุด เพื่อให้เป็นบรรทัดฐานของสังคม เพราะข้อเท็จจริงก็ปรากฎอยู่แล้วกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับลูกชายของตน นางดลพร กล่าวถึง คดีที่ฟ้องเรียกค่าเสียหาย บริษัทโรงพยาบาลพญาไท 1 จำกัด จำนวน 57 ล้านบาท ด้วยว่า คดียุติแล้วโดยศาลชั้นต้น ศาลอุทธรณ์ และ ศาลฎีกา มีคำพิพากษาให้ยกฟ้องเนื่องจากคดีขาดอายุความ โดยขณะนี้คงเหลือเพียงกรณีที่มีร้องเรียนต่อคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติเรื่องการชี้มูลความผิดการละเมิดสิทธิเด็กที่ยื่นเรื่องมานานกว่า 5 ปีและเปลี่ยนคณะกรรมการ ฯ แล้วถึง 3 ชุด ซึ่งแม้ว่าคดีแพ่งที่ฟ้องเรียกค่าเสียหายโรงพยาบาลจะถูกยกฟ้อง เพราะคดีหมดอายุความไปแล้ว แต่ว่าอายุความการละเมิดสิทธิเด็กยังมีอยู่ โดยความเป็นจริงที่เกิดขึ้นปรากฏให้เห็นว่า ความพิการของบุตรชายยังมีอยู่ แต่ที่ผ่านมาไม่มีการตรวจสอบข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น ซึ่งตนยังมีความหวังไม่รู้สึกท้อแท้เพราะเชื่อในสิ่งที่ทำว่าถูกต้อง ถึงแม้จะมีอุปสรรคมากมายแต่เชื่อว่าในที่สุดจะได้รับความเป็นธรรม   www.waddeeja.com สมาคมคนพิการทางการเคลื่อนไหวสากล พันตรีศิริชัย  ทรัพย์ศิริ