ReadyPlanet.com


คำถาม..เกี่ยวกับโลกร้อน


1.ถ้าหยุดปล่อยก๊าซเรือนกระจกพร้อมกันทั่วโลกตั้งแต่วันนี้โลกจะหายร้อนเมื่อไหร่
       
       ไม่มีทางทำให้กลับเป็นเหมือนเดิมได้ ทำได้เพียงชะลอให้ช้าลงหรือพยายามคุมไม่ให้เปลี่ยนมากเกินขีดที่เราจะปรับตัวได้ ถึงเราจะเปลี่ยนมาใช้พลังงานทดแทนทั้งหมดและหยุดใช้พลังงานฟอสซิลตั้งแต่วันนี้ ก๊าซคาร์บอนำดออกไซด์จะไม่หยุดและโลกยังคงร้อนอยู่เพราะมีโมเนตัม มีแรงเฉื่อย มีการคงค้างในอากาศอยู่และเพิ่มขึ้นจนไปหยุดนิ่งราวๆ ปี 2623 และแผ่นดินที่เป็นน้ำแข็งก็ยังคงละลายเรื่อยๆ แล้วปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ออกมา แม้หยุดเผาน้ำมันวันนี้ก็ต้องใช้เวลาอีกหลายสิบปีกว่าจะหยุดละลาย
       
       
2.อากาศในกรุงเทพฯ ที่ร้อนขึ้นและมีหน้าหนาวสั้นลงเป็นผลจากโลกร้อนหรือไม่
       

       โลกร้อนไม่ใช่ปัจจัยหลัก แต่เป็นเรื่องของปรากฏการณ์ "โดมความร้อน" (Heat Island) ซึ่งเกิดจากความร้อนที่ระบายจากอาคาร โดยอาคารส่วนใหญ่ออกแบบให้สะท้อนความร้อนออกไปข้างนอก ความร้อนที่สะท้อนออกมาจะสะสมในตัวเมืองเนื่องจากไม่สามารถระบายออกไปได้อย่างรวดเร็ว เป็นเหมือนโดมที่ครอบกรุงเทพฯ ส่งผลให้อุณหภูมิสูงขึ้นทั้งในฤดูหนาวและฤดูร้อน โดยมีวงจรที่ความร้อนจะระบายในช่วงกลางคืนแล้วเพิ่มขึ้นใหม่ในช่วงกลางวัน ดังนั้นโลกไม่ต้องร้อนเมืองก็ร้อนขึ้นได้
       
       3."นาข้าว" เป็นอีกตัวการสำคัญของปัญหาโลกร้อนหรือไม่
       
       นาข้าวปล่อยก๊าซมีเทนซึ่งเป็นก๊าซเรือนกระจกอีกชนิด โดยการปลูกข้าวแบบน้ำท่วมขังทำให้ดินขาดออกซิเจน ซากพืชที่เน่าเปื่อยและแบคทีเรียบางชนิดจึงปล่อยก๊าซมีเทนออกมา แต่เชื่อว่าเป็นประเด็นเล็กน้อยเพราะพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า 20 ปีที่ผ่านมาปริมาณการปล่อยก๊าซมีเทนจากนาข้าวทั่วโลกคงที่ แต่คาร์บอนไดออกไซด์จากภาคพลังงานนั้นเพิ่มสูงขึ้น เพราะฉะนั้นปัญหาที่เกิดขึ้นมาจากภาคพลังงานมากกว่า และเป็นการโจมตีทางด้านการเมืองที่ไม่ค่อยเป็นธรรม ซึ่งการแก้ปัญหาที่ภาคพลังงานจะได้ผลมากกว่า
       
       4."แจกต้นไม้-ปลูกต้นไม้" ลดโลกร้อนได้ผลดีแค่ไหน?
       
       การแจกต้นไม้เป็นการรณรงค์สร้างความตระหนัก แต่อาจจะไม่ได้ผลอย่างที่อยากได้เพราะยังไม่ทราบว่าครึ่งหนึ่งของต้นไม้ที่แจกไปนั้นจะได้ปลูกหรือไม่ และแม้ว่าการปลูกต้นไม้จะเป็นเรื่องดีอย่างแน่นอน แต่การปลูกต้นไม้เพื่อดูดซับก๊าซเรือนกระจกและมลพิษต่างๆ ต้องใช้ต้นไม้ใหญ่ ต้องเป็นการสร้างป่ามิใช่เพียงการปลูกสวน และการปลูกต้นไม้คนละต้นสองต้นช่วยอะไรไม่ได้มาก ต้องใช้ต้นไม้เป็นพันเป็นหมื่นล้านต้น แต่อย่างน้อยการปลูกต้นไม้ก็ยังดีกว่าไม่ทำอะไรเลย
       
       
5. ลดใช้ถุงพลาสติกช่วยลดโลกร้อนได้อย่างไร?
       

       พลาสติกไม่ใช่ต้นเหตุโดยตรงของก๊าซเรือนกระจก แต่ทำให้ขยะเพิ่มขึ้นและทำให้โอกาสในการเกิดสภพาขาดออกซิเจนในที่ฝังกลบมีสูง อันเป็นสาเหตุของการเกิดก๊าซมีเทน อีกอย่างคือกระบวนการผลิตพลาสติกนั้นต้องใช้พลังงานเยอะ แม้แต่นำมารีไซเคิลก็ต้องใช้พลังงานเยอะ ซึ่งนำไปสู่การเกิดก๊าซเรือนกระจกโดยไม่จำเป็น

พันตรีศิริชัย ทรัพย์ศิริ

นายกสมาคมคนพิการทางการเคลื่อนไหวสากล

โทร. 02-990-0331

http://www.apdi2002.com

http://www.youtobe.com พิมพ์ apdi. หรือ สมาคมคนพิการ



ผู้ตั้งกระทู้ พันตรีศิริชัย ทรัพย์ศิริ :: วันที่ลงประกาศ 2007-12-31 21:48:34 IP : 124.121.137.66


[1]

ความคิดเห็นที่ 1 (1349378)

ขอแกไขชื่อเว็ป  ยูทู้ป  พิมพ์ผิดครับ....................

ที่ถูกคือ.........................

พันตรีศิริชัย ทรัพย์ศิริ

นายกสมาคมคนพิการทางการเคลื่อนไหวสากล

โทร. 02-990-0331

http://www.apdi2002.com

http://www.youtube.com พิมพ์ apdi. หรือ สมาคมคนพิการ

ผู้แสดงความคิดเห็น พันตรีศิริชัย ทรัพย์ศิริ วันที่ตอบ 2007-12-31 21:51:05 IP : 124.121.137.66


ความคิดเห็นที่ 2 (2862566)

 

ช่วยทบทวน...........ความจำครับ.

พันตรีศิริชัย ทรัพย์ศิริ

นายกสมาคมคนพิการทางการเคลื่อนไหวสากล

โทร. 02-990-0331

http://www.apdi2002.com

http://www.youtube.com พิมพ์ apdi. หรือ สมาคมคนพิการ
 

1906511836

ผู้แสดงความคิดเห็น พันตรีศิริชัย ทรัพย์ศิริ (apdmajor1-at-yahoo-dot-com)วันที่ตอบ 2008-06-19 18:33:25 IP : 124.121.135.179


ความคิดเห็นที่ 3 (2957191)

สวัสดีปีฉลู 2552 ทุก ๆ ท่าน ที่เข้าเยี่ยมชมข้อมูลภาวะโลกร้อน...ครับ.

 

* * * * * * * * * * * * *

พันตรีศิริชัย  ทรัพย์ศิริ

สมาคมคนพิการทางการเคลื่อนไหวสากล

www.waddeeja.com

Tel. 02-990-0331

0601522350

ผู้แสดงความคิดเห็น พันตรีศิริชัย ทรัพย์ศิริ (apdmajor1-at-yahoo-dot-com)วันที่ตอบ 2009-01-06 23:50:29 IP : 124.121.143.99


ความคิดเห็นที่ 4 (2966333)

คลื่นความร้อนปกคลุมภาคใต้ออสซี อุณหภูมิทะลุ 40 องศา

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์  30 มกราคม 2552

 

คลื่นอากาศร้อนยังคงแผ่ปกคลุมรัฐวิคตอเรียและเซาธ์ ออสเตรเลีย ทางภาคใต้ของออสเตรเลียเป็นวันที่สามในวันนี้ โดยมีอุณหภูมิสูงกว่า 40 องศาเซลเซียส
       
เจ้าหน้าที่ด้านพยากรณ์อากาศเตือนว่า หากอุณภูมิสูงเช่นนี้ต่อเนื่องไปจนถึงวันอาทิตย์ก็เท่ากับว่าสภาพอากาศร้อนที่สุดในรอบ 100 ปี
       
นอกจากนี้ อุณภูมิที่ร้อนจัดยังส่งผลกระทบต่อการขนส่งและพลังงานในทั้งสองรัฐ โดยที่เมืองเมลเบิร์นการให้บริการรถไฟกว่า 50 เที่ยว ต้องถูกยกเลิก เนื่องจากอากาศร้อนจัด
       
ขณะที่ประชาชนราว 18,000 ครัวเรือนในรัฐวิคตอเรียและอีกหลายร้อยครัวเรือนในรัฐเซาธ์ ออสเตรเลียไม่มีกระแสไฟฟ้าใช้ ด้านเจ้าหน้าที่สาธารณสุขเตือนให้ประชาชนระมัดระวังสุขภาพในภาวะที่อากาศร้อนเช่นนี้

 

- - - - - - - - - - - - - - - - - -            

พันตรีศิริชัย ทรัพย์ศิริ                

นายกสมาคมคนพิการทางการเคลื่อนไหวสากล

โทร. 02-990-0331            

http://www.apdi2002.com

http://www.youtube.com พิมพ์ apdi. หรือ สมาคมคนพิการ

3001521359    

 

ผู้แสดงความคิดเห็น พันตรีศิริชัย ทรัพย์ศิริ (apdmajor1-at-yahoo-dot-com)วันที่ตอบ 2009-01-30 13:59:17 IP : 124.121.142.179


ความคิดเห็นที่ 5 (2977895)

เยอรมนีทุ่ม 400 ล้านบาท ร่วมมือไทยปกป้องภูมิอากาศโลก

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์   25 กุมภาพันธ์ 2552

 

เยอรมันเล็งเห็นศักยภาพไทย จับมือกันผุด 6 โครงการ เพื่อฟื้นฟูสิ่งแวดล้อมในประเทศ ทั้งด้านพลังงาน อุตสาหกรรม การท่องเที่ยว หวังเพิ่มศักยภาพ ให้ไทยช่วยโลกแก้วิกฤติโลกร้อนได้อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมก้าวเป็นผู้นำภูมิภาคต่อสู้โลกร้อน มุ่งพัฒนาทั้งความรู้ เทคโนโลยี และบุคลากร
       
       
ฯพณฯ ดร.ฮันส์ ไฮน์ริช ชูมัคเคอร์ เอกอัครราชทูตเยอรมนีประจำประเทศไทย พร้อมด้วยนายไมเคิล มึลเลอร์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสิ่งแวดล้อม คุ้มครองธรรมชาติ และความปลอดภัยทางปรมาณูแห่งสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี และ นายจริย์วัฒน์ สันตะบุตร รองปลัดกระทรางการต่างประเทศ ร่วมกันแถลงข่าว กรอบความร่วมมือไทย-เยอรมัน เพื่อปกป้องสภาพภูมิอากาศ เมื่อวันพุธที่ 25 ก.พ.52 ณ โรงแรมแลนด์มาร์ค ซึ่งเป็นความร่วมมือกันระหว่างรัฐบาลของสองประเทศในการพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อมโดยมีเยอรมนีเป็นต้นแบบ โดยมีสื่อมวลชนทั้งของไทยและต่างชาติร่วมงานมากมายรวมทั้งทีมข่าว "วิทยาศาสตร์ ASTV-ผู้จัดการออนไลน์"
       
       
ดร.ชูมัคเคอร์ กล่าวว่าการปกป้องสภาพอากาศ เป็นประเด็นท้าทายระดับนานาชาติที่ต้องอาศัยความร่วมมือระหว่างประเทศ และจากประชาสังคมในการทำให้ประสบผลสำเร็จ ซึ่งเยอรมนีได้ริเริ่มโครงการด้านพลังงานทดแทน และแผนงานการป้องการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ มาแล้วหลายปี
       
       
อีกทั้งจากการขายก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ทำให้เยอรมนีมีรายได้เพิ่มขึ้นสำหรับนำมาสนับสนุนโครงการ เพื่อการปกป้องสภาพภูมิอากาศของโลก ซึ่งเยอรมนีมีความร่วมมือกับไทยมายาวนาน และในส่วนความร่วมมือกับครั้งนี้ เยอรมนีจะให้การสนับสนุนไทยในการปกป้องสภาพภูมิกาศ เช่น การใช้พลังงานทดแทน การปรับปรุงคุณภาพสิ่งแวดล้อมของธุรกิจขนาดกลางและเล็ก เป็นต้น
       
       
ด้านนายมึลเลอร์ กล่าวว่า รายงานการประเมินสถานการณ์ด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศฉบับที่ 4 ของคณะกรรมาธิการระหว่างรัฐบาลว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (ไอพีซีซี) ที่เผยแพร่เมื่อปี 2550 ได้จุดประกายให้นานาประเทศเห็นความสำคัญของปัญหาการเปลี่ยนแปลงของภูมิอากาศ
       
       
ทั้งนี้ จากที่คาดการณ์ไว้ว่าก๊าซเรือนกระจกในชั้นบรรยากาศทั่วโลกเพิ่มขึ้นราว 2% แต่ในความเป็นจริงเพิ่มขึ้นถึง 4% และระดับน้ำทะเลเฉลี่ยสูงขึ้น 90 เซนติเมตร จากที่คาดไว้ว่าน่าจะสูงขึ้นเพียง 58 เซนติเมตร แสดงให้เห็นว่าสถานการณ์ของสภาพภูมิอากาศกำลังเข้าขั้นวิกฤติ และต้องได้รับการแก้ไขอย่างเร่งด่วน
       
       "
การหาวิธีปกป้องสภาพแวดล้อม จะต้องมีการปฏิรูปเทคโนโลยี ซึ่งต้องใช้เงินทุนเป็นจำนวนมาก แต่ก็จำเป็นต้องทำ เพราะไม่เช่นนั้นจะเกิดความเสียหายมากยิ่งกว่าที่ผ่านมา และหากประเทศใดริเริ่มขึ้นก่อน ก็จะได้รับผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจตามมาด้วย" นายมึลเลอร์กล่าว
       
       
ส่วนของเยอรมนีนั้นได้ลงทุนในโครงการที่เป็นประโยชน์ต่อสิ่งแวดล้อมหลายโครงการทั่วโลกไปด้วยงบประมาณหลายล้านยูโร เพื่อสร้างความร่วมมือให้สามารถรักษาระบบของสภาพภูมิอากาศไว้ได้ในระดับหนึ่ง ซึ่งทำให้ปัจจุบันเยอรมนีมีส่วนแบ่งในอุตสาหกรรมด้านสิ่งแวดล้อมของตลาดโลกอยู่ราว 17%
       
       
การร่วมมือกับประเทศไทย เพื่อปกป้องสภาพภูมิอากาศในครั้งนี้ เยอรมนีจะช่วยเหลือประเทศไทยโดยการถ่ายทอดความรู้ เทคโนโลยี เช่น พลังงานทดแทน การจัดการของเสีย การจัดการสิ่งแวดล้อม รวมทั้งพัฒนาโครงสร้างและบุคลากร โดยเล็งเห็นว่าประเทศไทยมีศักยภาพและสามารถเป็นผู้นำการปกป้องสภาพภูมิอากาศในระดับภูมิภาคนี้ได้ โดยกรอบความร่วมมือนี้ครอบคลุม 6 โครงการ ได้แก่
       
       1.
โครงการนโยบายด้านสภาพภูมิอากาศระดับสากล
       2.
โครงการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพในวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม
       3.
โครงการปกป้องสภาพภูมิอากาศในภาคการท่องเที่ยว
       4.
โครงการการผลิตน้ำมันปาล์มอย่างยั่งยืนเพื่อใช้เป็นพลังงานชีวภาพ
       5.
โครงการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพในพื้นที่เกาะคอเขา จ.พังงา
       6.
โครงการผลิตไฟฟ้าความร้อนร่วมจากพลังงานแสงอาทิตย์และเชื้อเพลิงชีวมวล
       
       
ทั้งนี้ 4 โครงการแรกรัฐบาลเยอรมนี มอบหมายให้สำนักงานความร่วมมือทางวิชาการของเยอรมัน หรือ จีทีแซด (GTZ) เป็นผู้ดำเนินงาน ส่วนโครงการที่ 5 และ 6 มอบหมายให้องค์การการท่องเที่ยวแห่งสหประชาชาติ (UNWTO) และ บริษัท โซลาร์ไลท์ จำกัด ประเทศเยอรมนี ตามลำดับ โดยมีสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สผ.) และอีกหลายหน่วยงานของไทย ร่วมดำเนินการในโครงการต่างๆ และมีระยะเวลาของความร่วมมือระหว่างปี 2552-2554 ด้วยงบประมาณทั้งสิ้นกว่า 400 ล้านบาท ซึ่งเงินทุนสนับสนุนหลักมาจากเงินรายได้จากการขายก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ของเยอรมนี
       
       
นายจริย์วัฒน์ กล่าวว่า สภาพสิ่งแวดล้อมในประเทศไทย กำลังได้รับความเสียหายเช่นเดียวกับที่อื่น ซึ่งความเสียหายทางด้านสิ่งแวดล้อมนั้นเมื่อเกิดขึ้นในที่ใดที่หนึ่ง ก็จะเชื่อมโยงไปถึงที่อื่นด้วย ฉะนั้นเราจึงต้องร่วมมือกันแก้ไขปัญหานี้อย่างจริงจัง
       
       
สำหรับประเทศไทยก็มีแผนนโยบายและยุทธศาสตร์ทางด้านสิ่งแวดล้อมเช่นกัน และเล็งเห็นว่าเป็นปัญหาสำคัญที่ต้องแก้ไข ประกอบกับที่เราเป็นประเทศกำลังพัฒนา จึงจำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือระหว่างประเทศ และการร่วมมือกับเยอรมนีในครั้งนี้ จะทำให้ไทยได้มีโอกาสศึกษาเรียนรู้ พัฒนาเทคโนโลยี รวมทั้งพัฒนาบุคลากร ซึ่งจะช่วยให้เรามีสมรรถภาพในการช่วยแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อมของโลกได้

 

- - - - - - - - - - - - - - - - - -            

พันตรีศิริชัย    ทรัพย์ศิริ                             

นายกสมาคมคนพิการทางการเคลื่อนไหวสากล

โทร. 02-990-0331                   

http://www.apdi2002.com

http://www.youtube.com พิมพ์ apdi. หรือ สมาคมคนพิการ

2802521319               

 

 

ผู้แสดงความคิดเห็น พันตรีศิริชัย ทรัพย์ศิริ (apdmajor1-at-yahoo-dot-com)วันที่ตอบ 2009-02-28 13:19:52 IP : 124.121.135.209


ความคิดเห็นที่ 6 (3010177)

MIT คาดโลกอาจร้อนขึ้น 2 เท่าในศตวรรษนี้

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์  20 พฤษภาคม 2552

คณะนักวิจัยของสถาบันเทคโนโลยีแมสซาชูเซตส์ หรือเอ็มไอที ในสหรัฐฯ ชี้ว่า ผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศในศตวรรษนี้อาจรุนแรงกว่าที่เคยคาดไว้เมื่อ 6 ปีก่อนถึง 2 เท่า
       
วารสารสภาพอากาศของสมาคมอุตุนิยมวิทยาอเมริกัน เผยแพร่การคาดการณ์ของเอ็มไอทีว่า ค่าเฉลี่ยอุณหภูมิผิวโลกอาจเพิ่มขึ้นอีก 5.2 องศาเซลเซียส ภายในปี 2643 ซึ่งสูงกว่าที่เคยคาดการณ์ เมื่อปี 2546 ว่าจะเพิ่มขึ้น 2.4 องศาเซลเซียส ตัวเลขที่เปลี่ยนไปเป็นผลจากใช้คอมพิวเตอร์ประมวลผลข้อมูลใหม่ๆ และสร้างแบบจำลองทางเศรษฐกิจที่ดีขึ้นกว่าเดิม ประกอบกับการคาดการณ์ครั้งก่อนอาจคลาดเคลื่อน เนื่องจากผลของการที่โลกเย็นลงหลังภูเขาไฟหลายแห่งระเบิดพ่นเถ้าถ่านออกมาในช่วงคริสตNศตวรรษที่ 20

 

- - - - - - - - - - - - - - - - - -            

พันตรีศิริชัย   ทรัพย์ศิริ

นายกสมาคมคนพิการทางการเคลื่อนไหวสากล

โทร. 02-990-0331

http://www.apdi2002.com

http://www.youtube.com พิมพ์ apdi. หรือ สมาคมคนพิการ

2005521418

 

ผู้แสดงความคิดเห็น พันตรีศิริชัย ทรัพย์ศิริ (apdmajor1-at-yahoo-dot-com)วันที่ตอบ 2009-05-20 14:18:10 IP : 124.121.142.19


ความคิดเห็นที่ 7 (3131369)

3 ชาติแชมป์ปล่อยสารพิษยังไม่ตอบรับประชุมโลกร้อน

นักวิชาการหลายคน แสดงความวิตกกังวลถึงผลการประชุมสุดยอดว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศโลก ที่จะจัดขึ้นที่กรุงโคเปนเฮเกน ในวันที่ 7-18 ธันวาคมนี้
       
ขณะที่ผู้สังเกตการณ์มองว่า การเข้าร่วมประชุมของผู้นำหลายประเทศ ซึ่งขณะนี้ตอบรับมาแล้วกว่า 60 ประเทศ จะเพิ่มโอกาสในการบรรลุข้อตกลงได้มากขึ้น โดยคาดว่า การประชุมครั้งนี้ จะมีผู้แทนจาก 192 ประเทศทั่วโลกเข้าร่วม ซึ่งมีจุดประสงค์เพื่อร่างสนธิสัญญาเกี่ยวกับสภาพอากาศโลกฉบับใหม่ ขึ้นมาแทนที่สนธิสัญญาเกียวโตที่จะหมดสัญญาในปี 2555
       
นายเควิน รัดด์ นายกรัฐมนตรีออสเตรเลีย จะเป็นผู้เจรจาหลักในการประชุมครั้งนี้ ซึ่งเข้าเชื่อว่า ผู้เข้าร่วมประชุมทุกคน มีศักยภาพเพียงพอที่จะสามารถบรรลุข้อตกลงได้
       
ขณะที่ผู้นำของประเทศที่มีการปล่อยสารพิษมากที่สุด เช่น จีน สหรัฐฯ อินเดีย ยังไม่ตอบรับที่จะเข้าร่วมการประชุมครั้งนี้

 

- - - - - - - - - - - - - - - - - -  

พันตรีศิริชัย   ทรัพย์ศิริ

นายกสมาคมคนพิการทางการเคลื่อนไหวสากล (ส.พ.ค.)                   

โทร. 02-990-0331

http://www.apdi2002.com

http://www.youtube.com พิมพ์ apdi. หรือ

สมาคมคนพิการ

2311521912

         

 

ผู้แสดงความคิดเห็น พันตรีศิริชัย ทรัพย์ศิริ (apdmajor1-at-yahoo-dot-com)วันที่ตอบ 2009-11-23 19:12:46 IP : 124.122.26.148


ความคิดเห็นที่ 8 (3136239)

ฮือฮาหนังสือ"อัลกอร์" ชี้ทางกู้"โลกร้อน"วันนี้

สำนักพิมพ์มติชน กำหนดวางจำหน่าย "ปฏิบัติการกู้โลกร้อน : ทางเลือกสู่ทางรอดแบบยั่งยืน" หนังสือร้อนเล่มล่าสุดของนักคิด นักเขียน และนักการเมืองโลกชื่อดังอย่าง "อัล กอร์" ในวันที่ 9 ธันวาคม พร้อมกันทั่วประเทศ หวังนำเสนอข้อเท็จจริงที่เป็นวิทยาศาสตร์ให้แพร่หลายออกไปสู่วงกว้างให้มากที่สุด เพื่อผลในการตัดสินใจเลือกอย่างถูกต้องของสังคมไทยในการกำหนดอนาคตของประเทศ เพื่อรับมือกับภาวะการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศระดับวิกฤตหรือที่เรียกกันให้เข้าใจง่ายๆ ว่าภาวะโลกร้อน ซึ่งจะส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อทุกประเทศทั่วโลก และเป็นที่มาของการจัดการประชุมสุดยอดนานาชาติว่าด้วยวิกฤตภูมิอากาศที่กรุงโคเปนเฮเกน ประเทศเดนมาร์ก ที่สหประชาชาติ (ยูเอ็น) เป็นเจ้าภาพจัดขึ้นในเวลานี้

"
ปฏิบัติการกู้โลกร้อน" หรือในชื่อภาษาอังกฤษว่า "Our Choice" เป็นงานเขียนที่ท้าทายอย่างยิ่งทั้งต่อผู้เขียนและผู้อ่าน ในขณะเดียวกันก็เป็นหนังสือที่ผู้คนเป็นจำนวนมากรอคอยมาตลอดระยะเวลา 3 ปีเศษ หลังจากที่อัล กอร์ นำเสนอแนวความคิดเรื่องโลกร้อนด้วยข้อเท็จจริงที่ไม่ค่อยมีการพูดถึงและไม่มีใครอยากรับฟังมาก่อนหน้านี้ใน "An Inconvenient Truth" เนื่องจากผู้คนทั่วโลกอยากรู้ว่า หลังจากหนังสือเล่มสำคัญปูทางให้ผู้เขียนได้รับรางวัลทรงเกียรติอย่างรางวัลโนเบลสันติภาพ (คู่กับคณะกรรม การระหว่างรัฐว่าด้วยปัญหาการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ หรือไอพีซีซีแห่งสหประชาชาติ) และรางวัลออสการ์ ภาพยนตร์สารคดียอดเยี่ยม จากภาพยนตร์ที่สร้างจากหนังสือเล่มดังกล่าวและใช้ชื่อเดียวกันแล้ว อัล กอร์ จะนำเสนออะไรต่อเนื่องมาได้อีก

"
ปฏิบัติการกู้โลกร้อน" ไม่ทำให้ผิดหวัง หลังจากที่เคยใช้หนังสือเล่มแรกวางกรอบของปัญหาวิกฤตระดับโลกให้ผู้ที่ต้องการแก้ไขนำไปเป็นหลักในการพิจารณาเจรจาต่อรอง อัล กอร์ ใช้หนังสือเล่มถัดมานำเสนอสิ่งที่จำเป็น "ต้องดำเนินการ" เพื่อป้องกันไม่ให้ปัญหาทรุดหนักจนกลายเป็นตัวการทำลายล้างและสร้างความลำเค็ญให้กับมนุษยชาติเป็นเรือนล้านในอนาคต ในขณะเดียวกันเนื้อหาของหนังสือเล่มนี้ก็ถือเป็นความท้าทายอย่างยิ่งต่อผู้อ่านทุกคน เพราะอัล กอร์ ไม่เพียงนำเสนอวิกฤตอย่างเป็นรูปธรรม สนับสนุนด้วยข้อมูลเชิงวิทยาศาสตร์ ภาพและกราฟิค ชาร์ท สี่สีตลอดเล่มที่เข้าใจง่ายอย่างยิ่งแล้ว ยังนำเสนอทางเลือกที่มีประสิทธิภาพเท่าที่มีอยู่ทั้งหมดอย่างชัดเจนให้ผู้เกี่ยวข้องได้ตัดสินใจด้วยตัวเองว่าต้องการจะทำอย่างไรกับอนาคตของตนเองและลูกหลานต่อไป

เนื้อหาหลักของหนังสือเล่มนี้ อัล กอร์ นำมาจากการประชุม "โซลูชั่น ซัมมิท" ซึ่งเป็นการประชุมร่วมของ 30 สุดยอดผู้เชี่ยวชาญในสาขาต่างๆ จากหลากหลายสถาบันที่ อัล กอร์ จัดขึ้นเพื่อหาทางออกให้กับปัญหาโลกร้อนที่อดีตรองประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาผู้นี้จัดขึ้น รวมทั้งการสอบถามและถกปัญหาต่างๆ แบบตัวต่อตัวระหว่างผู้เขียนกับนักวิทยาศาสตร์ระดับโลกเหล่านี้ เพื่อให้ "หนทางแก้ปัญหาที่มีประสิทธิภาพมากที่สุด ถูกรวบรวมเอาไว้ในที่เดียว" ซึ่งเป็นเป้าหมายที่ อัล กอร์ กำหนดเอาไว้ ผู้อ่านจะได้รับข้อมูลใหม่ๆ อีกหลายต่อหลายด้านนอกเหนือจากแนวทางแก้ปัญหาที่เคยพูดถึงกัน รวมทั้งหนทางแก้ปัญหาโลกร้อนที่น่าทึ่งและไม่เคยรับรู้กันมาก่อนในวงกว้างอย่างเช่น การใช้เทคโนโลยีรวมแสงอาทิตย์เพื่อสร้างพลังงานความร้อนสำหรับนำไปใช้กับเครื่องกำเนิดไฟฟ้า หรือแนวคิดในการรวบรวมพลังงานแสงอาทิตย์จากห้วงอวกาศ นำส่งกลับมายังพื้นโลกด้วยคลื่นไมโครเวฟ ตลอดจนการแก้ปัญหาคาร์บอนในดินลดปริมาณลงด้วยระบบเกษตรกรรมเพื่อเพิ่มปริมาณคาร์บอนในดินที่จะช่วยลดภาวะโลกร้อนอย่างมีประสิทธิภาพในขณะเดียวกับที่สามารถสร้างความอุดมสมบูรณ์ให้กับผืนดินเพื่อให้เป็นแหล่งอาหารให้กับมนุษยชาติในอนาคตพร้อมกันไปด้วย

นิตยสารนิวสวีคระบุว่า นายโจเซฟ รอมม์ อดีตผู้อำนวยการโครงการพลังงานทางเลือกของกระทรวงพลังงานสหรัฐอเมริกา หนึ่งใน 30 ผู้เชี่ยวชาญที่ร่วมประชุม โซลูชั่น ซัมมิท ซึ่งจัดขึ้นที่นครนิวยอร์ก เมื่อราวต้นปี 2551 กล่าวเอาไว้ว่า อัล กอร์ เป็นตัวจักรสำคัญในการซักไซร้ สอบถาม และเสนอแนะแนวความคิดหลายๆ อย่างในการประชุมดังกล่าว ทั้งต่อที่ประชุมและในการหารือกันเป็นการส่วนตัวหลังการประชุม ส่งผลให้ผู้เชี่ยวชาญทุกคนรู้สึกว่าได้ความรู้ใหม่ ได้แนวคิดใหม่เกี่ยวกับเทคโนโลยีล่าสุดและเทคโนโลยีพลังงานสะอาดติดตัวกลับไปทุกคน ในขณะที่ กาวิน ชมิดท์ นักวิทยาศาสตร์ชั้นนำจากสถาบันกอดดาร์ดเพื่อการศึกษาวิจัยห้วงอวกาศ ขององค์การบริหารการบินอวกาศแห่งชาติ (นาซา) ของสหรัฐอเมริกา ชี้ว่า อัล กอร์ เป็นนักการเมืองที่แตกต่างอย่างใหญ่หลวงจากนักการเมืองทั่วๆ ไป

"
กอร์เป็นคนที่เห็นความสำคัญในการลงมาพูดคุยกับพวกเรา ในขณะที่นักการเมืองทั่วๆ ไปมักอ้างว่ายุ่งเกินไป ไม่มีเวลา เขาเป็นนักการเมืองคนเดียวที่ผมรู้จักซึ่งสนใจในองค์ประกอบทางวิทยาศาสตร์ถึงก้นบึ้ง" นายชมิดท์กล่าว

นอกเหนือจากการให้ข้อมูลที่เป็นข้อเท็จจริงเพื่อการตัดสินใจเลือกหนทางปฏิบัติที่ถูกต้องแล้ว "ปฏิบัติการกู้โลกร้อน" ยังตอบคำถามเรื่องข้อเคลือบแคลงหลายๆ เรื่องที่ทำให้หลายคนคลางแคลงใจต่อความเป็นจริงของภาวะโลกร้อน อย่างเช่นที่บางกลุ่มบางฝ่ายพยายามจะใช้การแฮก อี-เมลอื้อฉาวจากมหาวิทยาลัยอีสต์ แอง เกลีย ในประเทศอังกฤษ มาใช้เพื่อบิดเบือนข้อเท็จจริงในเรื่องนี้ เพราะอัล กอร์ อุทิศเนื้อหาหนึ่งบทให้กับการบรรยายถึงความพยายามของกลุ่มธุรกิจที่ได้รับผลกระทบอย่างสำคัญจากกระแสตื่นตัวในเรื่องโลกร้อน ทุ่มเทเงินทองและความพยายามมากมายเพียงใด เพื่อบิดเบือนข้อเท็จจริงและโฆษณาชวนเชื่อเพื่อทำลายความเป็นจริงที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ในขณะนี้

โจเซฟ รอมม์ กล่าวถึง "ปฏิบัติการกู้โลกร้อน" เอาไว้ว่า เป็นหนังสือที่ "ต้องอ่าน" ถ้าหากต้องการรู้ทัน รู้ลึกและรู้จริงเกี่ยวกับภาวะโลกร้อนและพฤติกรรมของนักการเมืองทั้งหลาย รวมทั้งใช้เป็นคู่มือในการติดตามความคืบหน้าของที่ประชุมสุดยอดวิกฤตโลกร้อนที่กรุงโคเปนเฮเกนอีกด้วย

- - - - - - - - - - - - - - - - - -  

พันตรีศิริชัย   ทรัพย์ศิริ

นายกสมาคมคนพิการทางการเคลื่อนไหวสากล (ส.พ.ค.)                   

โทร. 02-990-0331

http://www.apdi2002.com

http://www.youtube.com พิมพ์ apdi. หรือ

สมาคมคนพิการ

0912521706

 

ผู้แสดงความคิดเห็น พันตรีศิริชัย ทรัพย์ศิริ (apdmajor1-at-yahoo-dot-com)วันที่ตอบ 2009-12-09 17:06:57 IP : 124.121.140.136


ความคิดเห็นที่ 9 (3138521)

ธ.โลกคาด ส่งออกจีนหด 20% ด้วยกม.โลกร้อนของมะกัน

เอเจนซี-ผลการศึกษาของธนาคารโลกบ่งชี้ว่า ร่างกฏหมายว่าด้วยการลดปริมาณการแพร่กระจายของก๊าซเรือนกระจกของสหรัฐอเมริกาซึ่งกำลังอยู่ในระหว่างการพิจารณาของวุฒิสภานั้น อาจส่งผลให้ยอดส่งออกสินค้าของจีนหดตัวลงร้อยละ 20
       
       
อาทิตยา มาตตู นักเศรษฐศาสตร์ ของธนาคารโลกและเป็นหนึ่งในผู้เขียนรายงานชิ้นนี้ ระบุว่า คนส่วนใหญ่ไม่ได้คำนึงถึงผลที่ตามมาเมื่อร่างกฎหมายดังกล่าวเริ่มมีผลบังคับใช้ เพราะหากสหรัฐฯ ดำเนินการตามคำมั่นสัญญาว่าจะลดการแพร่กระจายของก๊าซเรือนกระจกให้ได้ร้อยละ 17 ก็จะส่งผลต่อศักยภาพการแข่งขันของกลุ่มประเทศผู้ผลิตสินค้าที่ต้องใช้พลังงานเป็นหลักลดลง ซึ่งจะเห็นได้จากยอดส่งออกและผลผลิตที่อาจหดตัวลง โดยคาดว่าผลผลิตของประเทศกลุ่มนี้จะลดลงร้อยละ 4 และยอดส่งออกจะลดลงร้อยละ 12
       
       
ธนาคารโลกยังกล่าวด้วยว่าการตั้งกำแพงภาษีสำหรับผลผลิตและสินค้านำเข้าของจีนและอินเดีย ในยุโรปและสหรัฐฯ อาจสูงถึงร้อยละ 20 ซึ่งมีความเป็นไปได้ว่าจะส่งผลให้ยอดส่งออกสินค้าจากจีนไปยังสหรัฐหดตัวลง ร้อยละ 20 และยอดส่งออกของกลุ่มประเทศกำลังพัฒนาร่วงลงร้อยละ 8 และว่าหากชาติมหาอำนาจใช้วิธีการคำนวณภาษีที่แตกต่างกัน โดยเอาปริมาณการใช้ก๊าซคาร์บอนไดอ็อกไซด์ในประเทศตนเองมาเป็นตัวกำหนด ผลกระทบที่ตามมาก็คงไม่มากนัก
       
       
พอล สก็อต ประธานสมาคมอุตสาหกรรมแห่งอเมริกา ให้ความเห็นเสริมในเรื่องนี้ว่าผลกระทบต่อการส่งออกจะเป็นประเด็นหนึ่งที่มีการเจรจา ในการประชุมสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศที่กรุงโคเปนเฮเกน ประเทศเดนมาร์ก ระหว่างวันที่ 7 - 18 ธ.ค.นี้ ซึ่งคาดว่าที่ประชุมจะหารือกันเกี่ยวกับขอบข่ายของผลกระทบฯ ซึ่งจีนและอินเดียคงจะเข้าร่วมประชุมในครั้งนี้ด้วย
       
       
ทั้งนี้ ในปี 2551 สหรัฐฯ เป็นประเทศที่นำเข้าสินค้าจากจีนมากกว่าประเทศอื่นๆ ทั่วโลก ด้วยมูลค่าราว 3.38 แสนล้านเหรียญสหรัฐฯ
       
       
อนึ่ง กฎหมาย ว่าด้วยการลดปริมาณการแพร่กระจายของก๊าซเรือนกระจกของสหรัฐฯ ซึ่งกำลังอยู่ในระหว่างการพิจารณาของวุฒิสภา และสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ ผ่านร่างไปเมื่อเดือนมิ.ย.ที่ผ่านมานั้น กำหนดว่าจะเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากประเทศที่ไม่ดำเนินการตามข้อตกลงการแพร่กระจายของก๊าซคาร์บอนไดอ็อกไซด์

 

- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -

พันตรีศิริชัย  ทรัพย์ศิริ

สมาคมคนพิการทางการเคลื่อนไหวสากล (ส.พ.ค.)

www.waddeeja.com

Tel.02-990-0331

1712521858

 

ผู้แสดงความคิดเห็น พันตรีศิริชัย ทรัพย์ศิริ (apdmajor1-at-yahoo-dot-com)วันที่ตอบ 2009-12-17 18:58:28 IP : 124.121.143.254



[1]


แสดงความคิดเห็น
ความคิดเห็น *
ผู้แสดงความคิดเห็น  *
อีเมล 
ไม่ต้องการให้แสดงอีเมล



สมาคมคนพิการทางการเคลื่อนไหวสากล 802/410 หมู่12 หมู่บ้านวังทองริเวอร์ปาร์ค ซอย10/4 ตำบลคูคต อำเภอลำลูกกา จังหวัดปทุมธานี 12130 โทร : 02-990-0331 Copyright © 2010 All Rights Reserved.