เรียนทุกท่าน

1 มีนาคม 2552 ที่ผ่านมาเป็นวันครบรอบ 10 ปีที่อนุสัญญาห้ามทุ่นระเบิดหรือ Mine Ban Treaty มีผลบังคับใช้ค่ะ

ที่แนบมาคือ press release ค่ะ ขอความกรุณานำเผยแพร่ตามที่ท่านเห็นสมควร

หากท่านใดต้องการข้อมูลเพิ่มเติมกรุณาติดต่อ ศุษิรา ชนเห็นชอบ 02 278 2093 หรือ 087 098 9379

ขอบคุณมากค่ะ

ศุษิรา ชนเห็นชอบ

ผู้วิจัยสถานการณ์ทุ่นระเบิดในประเทศไทย

---------------------------------------------------------------------------

PRESS RELEASE

A Mine-Free World:  Mission Possible

โลกที่ปราศจากทุ่นระเบิด : ภารกิจที่เป็นไปได้

 (กรุงเทพฯ 5 มีนาคม 2552) – สิบปีหลังจากที่อนุสัญญาห้ามทุ่นระเบิดสังหารบุคคลได้มีผลบังคับใช้เป็นกฎหมายระหว่างประเทศ นักรณรงค์จากทั่วโลกกว่า 62 ประเทศได้ร่วมกันเฉลิมฉลองและดำเนินกิจกรรมต่าง ๆ มาตั้งแต่อาทิตย์ที่ผ่านมาเพื่อเรียกร้องความสนใจของคนทั่วโลกถึงผลกระทบของทุ่นระเบิด และเรียกร้องให้ทุกคนร่วมกันช่วยทำให้โลกนี้ปราศจากทุ่นระเบิด

กิจกรรมต่าง ๆ เช่นสัมมนาเชิงปฏิบัติการในอัฟกานิสถาน การประกวดวาดภาพในแองโกลา การเผยแพร่ตามสื่อต่าง ๆ ในอินเดีย กรีก และหลาย ๆ ประเทศ การจัดกิจกรรมสำหรับรัฐสภาในอาเจนตินาร์และฟิลิปปินส์ การอภิปรายโต๊ะกลมในเบลารุส บอสเนียและเฮอเซโกวีนา การเฉลิมฉลอง ณ บริเวณประติมากรรมเก้าอี้ขาหักที่ตั้งอยู่ด้านหน้าของที่ทำการองค์การสหประชาชาติที่กรุงเจนีวา การส่งจดหมายข่าวที่เน้นเรื่องอนุสัญญาห้ามทุ่นระเบิดขององค์การแฮนดิแคป อินเตอร์เนชั่นแนลถึงผู้บริจาคชาวฝรั่งเศส 250 000 ราย และอื่น ๆ อีกมาก

นักรณรงค์ในประเทศไทยเข้าพบเจ้าหน้าที่ระดับสูงของกระทรวงการต่างประเทศและศูนย์ปฏิบัติการทุ่นระเบิดแห่งชาติเพื่อแสดงความขอบคุณต่อการสนับสนุนงานด้านทุ่นระเบิดเพื่อมนุษยธรรมอย่างดีเยี่ยม และขอให้หน่วยงานทั้งสองยังคงสนับสนุนอย่างนี้ตลอดไปในอนาคต

จากรายงานสถานการณ์ทุ่นระเบิด ณ วันนี้ มี156 ประเทศที่เข้าร่วมในอนุสัญญา มีรัฐบาล 2 ประเทศที่ยังคงใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคลอยู่ ได้แก่พม่า (เมียนม่าร์) และรัสเซีย

ทุ่นระเบิดในคลังประมาณ 42 ล้านลูกได้ถูกทำลายตั้งแต่ปี 2540 และมีเพียง 13 ประเทศจากมากกว่า 50 ประเทศที่ยังผลิตทุ่นระเบิดสังหารบุคคลนับตั้งแต่ช่วงปีคศ.90 การค้าทุ่นระเบิดสังหารบุคคลหยุดไป และมีผืนดินจำนวนมากที่ได้รับการกวาดล้างและนำกลับมาใช้ประโยชน์อีกครั้งหนึ่ง

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าทั้งภาครัฐและภาคประชาสังคมจะเป็นหุ้นส่วนกันปฏิบัติตามพันธกรณีอนุสัญญาฯ ตลอดมา แต่ความท้าทายก็ยังคงมีอยู่ ประเทศเบลารุส กรีซ และตุรกี ล้มเหลวที่จะทำลายทุ่นระเบิดในคลังภายในกำหนด 4 ปี เมื่อวันที่ 1 มีนาคม 2551 หลายประเทศเก็บกู้ทุ่นระเบิดได้อย่างเชื่องช้าเกินกว่าที่จะยอมรับได้ มี 15 ประเทศที่ได้ขอต่อระยะเวลาเพิ่มจากกำหนด 10 ปีที่จะต้องเก็บกู้ให้หมด ซึ่งประเทศดังกล่าวรวมถึงโมซัมบิก นิการากัว อังกฤษ และเยเมนด้วย

ขณะที่ยังมีอีก 39 ประเทศยังไม่ได้เข้าร่วมอนุสัญญาฯ อย่างเป็นทางการ

ประเทศไทยได้รับผลกระทบจากทุ่นระเบิด รัฐบาลไทยสมัยที่นำโดยพรรคประชาธิปัตย์ลงนามในอนุสัญญาห้ามทุ่นระเบิดสังหารบุคคลเมื่อวันที่ 3 ธันวาคม 2540 และให้สัตยาบันเมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน 2541 กลายมาเป็นรัฐภาคีอนุสัญญาฯ เมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม 2542 ตั้งแต่บัดนั้นมา จนถึงปี 2550 พื้นที่ราวทุ่นระเบิดร้อยละ 3.7 ของพื้นที่ที่ได้รับการระบุจากการสำรวจขั้นที่ 1 เมื่อปี 2544 หรือคิดเป็นร้อยละ 19.26 ของพื้นที่ราว 528.2 ตารางกิโลเมตรที่ศูนย์ปฏิบัติการทุ่นระเบิดแห่งชาติเชื่อว่าน่าจะมีทุ่นระเบิด ได้รับการกวาดล้าง อดีตนายกรัฐมนตรีสมัคร สุนทรเวชเป็นนายกฯ ท่านแรกที่ให้ความสำคัญต่อปัญหาทุ่นระเบิดอย่างเป็นรูปธรรมชัดเจนด้วยการอนุมัติงบประมาณสูงที่สุดในประวัติการณ์ 1400 ล้านเพื่อสนับสนุนงานด้านทุ่นระเบิดเพื่อมนุษยธรรม ซึ่งสูงกว่างบประมาณประจำปีที่เคยได้รับเป็นปกติจากทุก ๆ รัฐบาลราว 36 เท่า

ในปี 2550 มีผู้ประสบภัยรายใหม่อย่างน้อย 19 ราย (มี 26 รายในปี 2549 และ 51 รายในปี 2548)

ข้อมูลเพิ่มเติมติดต่อ ศุษิรา ชนเห็นชอบ ผู้วิจัยสถานการณ์ทุ่นระเบิดในประเทศไทย

องค์การแฮนดิแคป อินเตอร์เนชั่นแนล

02 278 2093, 087 098 9379

- - - - - - - - - - - - - - - - - -            

พันตรีศิริชัย    ทรัพย์ศิริ                             

นายกสมาคมคนพิการทางการเคลื่อนไหวสากล

โทร. 02-990-0331                   

http://www.apdi2002.com

http://www.youtube.com พิมพ์ apdi. หรือ สมาคมคนพิการ

0503522302