วันที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552 ปีที่ 32 ฉบับที่ 11587 มติชนรายวัน
เมื่อเกิดภาวะ ฉุกเฉินทางหัวใจ จะทำอย่างไรดี(1)
คอลัมน์ รู้ทันโรค
โดย สรรพางค์
เมื่อดูจากสถิติ "โรคหัวใจ" ถือเป็นโรคฮ็อตฮิต
อันดับต้นๆ ที่คนไทยเป็นกันมาก โดยเฉพาะในปัจจุบัน การดำรงชีวิตของผู้คนได้เปลี่ยนแปลงไปจากอดีตมาก ทำให้คนเป็นโรคนี้กันมากขึ้น อันตรายจากโรคหัวใจคงไม่ต้องพูดถึง โดยเฉพาะหากเกิดภาวะฉุกเฉินทางหัวใจขึ้นก็จะยิ่งเพิ่มดีกรีความเสี่ยงต่อการเสียชีวิต
เรื่องนี้ แพทย์หญิงดาราวรรณ จันทร์ทัด จาก โรงพยาบาลเกษมราษฎร์ ประชาชื่น บอกว่า ภาวะ ฉุกเฉินทางหัวใจคือภาวะการเจ็บป่วยที่เกิดขึ้นอย่างเฉียบพลันและมีอาการรุนแรงที่มีสาเหตุมาจากโรคหัวใจ และผู้ป่วยอาจเสียชีวิตได้ถ้าไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที ซึ่งอาการผิดปกติสำคัญที่บ่งชี้ว่าน่าจะมีสาเหตุมาจากโรคหัวใจ เช่น อาการเจ็บแน่นหน้าอกรุนแรง อาการหอบเหนื่อยหรือหายใจลำบาก อาการ ใจสั่นจากมีภาวะหัวใจเต้นเร็วและแรงผิดปกติร่วมกับมีอาการหน้ามืดหรือหมดสติ ซึ่งอาการต่างๆ เหล่านี้อาจเกิดได้จากหลายสาเหตุเช่น โรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด หรือโรคกล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลัน โรคหัวใจล้มเหลว และโรคหัวใจเต้นผิดจังหวะ เป็นต้น บทความที่จะกล่าวต่อไปนี้จะพิจารณาในแง่ของโรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดเป็นหลักเนื่องจากเป็นโรคที่พบมากขึ้นเรื่อยๆ และเป็นสาเหตุของการเสียชีวิตจากโรคหัวใจที่สำคัญที่สุดในปัจจุบัน
ส่วนภาวะฉุกเฉินจากโรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดนั้น คุณหมอดาราวรรณกล่าวว่า เนื่องจากหัวใจเป็นอวัยวะที่สำคัญที่สุดของร่างกาย และหัวใจเป็นอวัยวะ
ที่ประกอบด้วยกล้ามเนื้อ ซึ่งการที่หัวใจจะทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ จำเป็นต้องได้รับเลือดและสารอาหาร โดยผ่านทางหลอดเลือดที่ไปเลี้ยงหัวใจอย่างเพียงพอต่อความต้องการของหัวใจในขณะนั้นๆ
เช่นเดียวกันกับอวัยวะอื่นๆ
โรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด หรือโรคหัวใจขาดเลือด เกิดจากหลอดเลือดที่ไปเลี้ยงหัวใจตีบหรืออุดตันจากการที่มีคราบไขมันไปสะสมที่ผนังด้านในของหลอดเลือดหัวใจ ส่งผลให้เลือดไปเลี้ยงกล้ามเนื้อหัวใจไม่เพียงพอต่อความต้องการของหัวใจในขณะนั้น และทำให้การทำงานของหัวใจผิดปกติไป ซึ่งอาจนำไปสู่ภาวะหัวใจล้มเหลว หัวใจเต้นผิดจังหวะ หรือหัวใจวายเฉียบพลันได้ในที่สุด
อาการที่สำคัญของโรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด ได้แก่ อาการเจ็บหน้าอกหรือแน่นหน้าอกตรงกลางหรือหน้าอกด้านซ้าย โดยมักมีอาการ เจ็บแบบแน่นๆ บีบๆ หรือเหมือนมีของหนักๆ กดทับที่หน้าอก และอาจมีอาการเจ็บร้าวไปที่ขากรรไกรล่าง กราม ไหล่หรือท้องแขนด้านซ้ายหรือทั้งสองข้างร่วมด้วย อาการเจ็บหน้าอกถ้าเป็นไม่รุนแรงมักมีอาการในขณะที่มีการออกแรงและเป็นอยู่นานประมาณ 5 ถึง 10 นาทีแล้วหายไปได้เอง แต่ถ้าเป็นรุนแรงอาจมีอาการเจ็บหน้าอกในขณะพักอยู่เฉยๆ ได้ และมีอาการนานกว่า 20 ถึง 30 นาทีขึ้นไป นอกจากนั้น ผู้ป่วยอาจมีอาการอื่นๆ ร่วมด้วยเช่น เหงื่อแตกทั่วตัว ใจสั่น เหนื่อยง่าย หายใจลำบาก คลื่นไส้ อาเจียน หน้ามืดหรือเป็นลมหมดสติ เป็นต้น
ส่วนผู้ป่วยกลุ่มเสี่ยงต่อการเกิดโรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดเป็นใครบ้างนั้น เราสามารถแบ่งปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดโรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดได้เป็น 2 ลักษณะใหญ่ๆ คือ 1) เป็นปัจจัยเสี่ยงที่ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงและแก้ไขได้ ซึ่งได้แก่
เพศ จากข้อมูลทางสถิติที่ผ่านมาพบว่าพบผู้ชายป่วยเป็นโรคนี้มากกว่าผู้หญิง
อายุ มักพบผู้ป่วยโรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดใน วัยกลางคนขึ้นไปถึงวัยสูงอายุ กล่าวคือ อายุตั้งแต่
45 ปีขึ้นไปในเพศชาย และอายุตั้งแต่ 55 ปีขึ้นไปในเพศหญิง
และ พันธุกรรม กล่าวคือ ผู้ที่มีประวัติคนในครอบครัวเดียวกันป่วยเป็นโรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดร่วมด้วย โดยเฉพาะถ้าคนในครอบครัวที่เป็นโรคนี้เริ่มมีอาการตั้งแต่วัยกลางคนขึ้นไป บุคคลผู้นั้นจะมีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคนี้มากกว่าผู้ที่ไม่มีประวัติคนในครอบครัวป่วยเป็นโรคนี้ร่วมด้วย
2) ปัจจัยเสี่ยงที่สามารถเปลี่ยนแปลงและแก้ไขได้
มีดังนี้
โรคประจำตัวหรือโรคที่พบร่วมด้วย เช่น โรค เบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง โรคไขมันในเลือดสูง โรคอ้วน เป็นต้น และพฤติกรรมเสี่ยง ซึ่งได้แก่ การสูบบุหรี่ การไม่ออกกำลังกาย ภาวะเครียดเรื้อรัง
ฉบับหน้า คุณหมอดาราวรรณยังจะอยู่กับเราและจะมาไขข้อข้องใจ เกี่ยวกับภาวะฉุกเฉินทางหัวใจ
กันต่อ ที่สำคัญเราจะสังเกตได้อย่างไรว่ามีอาการเจ็บป่วยจากภาวะฉุกเฉินจากโรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด (หน้าพิเศษ Hospital Healthcare)
- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
พันตรีศิริชัย ทรัพย์ศิริ
สมาคมคนพิการทางการเคลื่อนไหวสากล (ส.พ.ค.)
www.waddeeja.com
Tel.02-990-0331
3011520814
|