ReadyPlanet.com


สอบถาม


เรียนท่านผู้พัน

ผมขอสอบถามเกี่ยวกับบริษัท  ที่รับคนพิการเข้าทำงาน  ทางบริษัทที่รับ  จะได้สิทธิ  อะไรจาก  รัฐ  บ้างครับ

มีกฎหมายบังคับหรือเปล่าว่า  ทุกบริษัท  จะต้องรับคนพิการเข้าทำงาน  ผมเห็นคนพิการเขาไปสมัครงานที่บริษัทหนึ่ง  แล้วดูเหมือนว่าเขาจะไม่ค่อยจะพอใจ  เลยครับ

จากคนพิการที่เห็นใจคนพิการเหลือเกิน

 



ผู้ตั้งกระทู้ คนพิการที่อยากรู้ :: วันที่ลงประกาศ 2009-12-25 15:37:44 IP : 58.10.9.246


[1]

ความคิดเห็นที่ 1 (3140781)

กฎหมายระบุไว้ว่า...บริษัท / โรงงาน ฯลฯ ที่มีคนงานตั้งแต่ 200 คนขึ้นไป ให้รับคนพิการ 1 คนเป็น เป็นพนักงาน.... ครับ

สิทธิที่บริษัท ห้าง ร้าน โรงงาน ที่รับคนพิการเข้าทำงาน จะได้รับการลดหย่อนภาษี (รายละเอียด..... ถามที่ พก. / ศูนย์ประชาบดี 1300 / กรมสรรพากร / เขตพื้นที่ ที่เก็บภาษี รายละเอียดปลีกย่อยมีอีกครับ.....)

ถ้า โรงงานมีคนงานตามกฎหมายกำหนด แล้วไม่ประสงค์จะรับคนพิการเข้าทำงาน ก็ต้องเงินเข้ากองทุน ตามที่กฎหมายบังคับไว้...

รายละเอียดมีเยอะครับ....โทรคุยกับผมได้ 08-1372-4201

- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -

พันตรีศิริชัย  ทรัพย์ศิริ

สมาคมคนพิการทางการเคลื่อนไหวสากล (ส.พ.ค.)

www.waddeeja.com

Tel.02-990-0331

2512521612

 

ผู้แสดงความคิดเห็น พันตรีศิริชัย ทรัพย์ศิริ (apdmajor1-at-yahoo-dot-com)วันที่ตอบ 2009-12-25 16:12:39 IP : 124.122.241.123


ความคิดเห็นที่ 2 (3158687)

วันอาทิตย์ ที่ 28 กุมภาพันธ์ 2553

ม.ล.ฤทธิเทพ เทวกุล ผู้พิพากษาศาลฎีกาหนึ่งเดียวที่ระบุว่า ทักษิณไม่มี

8:1ยึดทรัพย์/"ฤทธิเทพ"ข้างน้อย

เปิดมติศาลฎีกา 5 กรณีอำพรางหุ้น ใช้อำนาจเอื้อชินคอร์ป "ทักษิณ" ผิด 8 ต่อ 1 เสียงทั้ง 5 กรณีรวด "ม.ล.ฤทธิเทพ" เสียงข้างน้อย มติยึด-ไม่ยึด 8 ต่อ 1 เสียงข้างน้อยยังเป็นคนเดิม ส่วนมติสำคัญ ยึดหมด-ไม่หมด ออกมา 7 ต่อ 2 ให้ 4.6 ล้านตกเป็นของแผ่นดิน

หลังศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง มีคำพิพากษาให้ยึดทรัพย์ 4.6 หมื่นล้านบาท ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ไปเมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ด้วยเสียงส่วนใหญ่ ซึ่งนับเป็นคดีแรกๆ ที่ศาลไม่ระบุถึงคะแนนเสียงในการลงมติ ซึ่งคาดการณ์ว่าเพื่อความสงบเรียบร้อยหากการลงมติออกมาในลักษณะที่ก้ำกึ่งกัน

อย่างไรก็ตาม มีรายงานว่าการลงมติขององค์คณะในคดีนี้ไม่ได้ก้ำกึ่ง มติส่วนใหญ่ออกมา 8 ต่อ 1 ในทุกกรณี

การวินิจฉัยขอให้ศาลมีคำสั่งให้ทรัพย์สินที่ร่ำรวยผิดปกติ และได้มาเนื่องจากการกระทำที่เป็นการขัดกันระหว่างประโยชน์ส่วนบุคคลและประโยชน์ส่วนรวมของ พ.ต.ท.ทักษิณ จำนวน 76,621,603,061 บาท พร้อมดอกผลตกเป็นของแผ่นดินใน 5 กรณี คือ

1.กรณีแปลงค่าสัมปทานเป็นภาษีสรรพสามิต โดยการออกพระราชกำหนดแปลงค่าสัมปทานโทรศัทพ์เคลื่อนที่เป็นภาษีสรรพสามิต

2.กรณีการแก้ไขสัญญาอนุญาตให้ดำเนินกิจการบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ (Cellular Mobile Telephone) ฉบับลงวันที่ 27 มีนาคม 2533 (ครั้งที่ 6) เมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม 2544 ปรับลดอัตราส่วนแบ่งรายได้จากการให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่แบบใช้บัตรจ่ายเงิน

3.กรณีการแก้ไขสัญญาอนุญาตให้ดำเนินกิจการบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ (Cellular Mobile Telephone) ฉบับลงวันที่ 27 มีนาคม 2533 (ครั้งที่ 7) ลงวันที่ 20 กันยายน 2545 เพื่ออนุญาตให้ใช้เครือข่ายร่วม (Roaming) และให้หักค่าใช้จ่ายจากรายรับ และกรณีการปรับลดอัตราค่าใช้เครือข่ายร่วม เป็นประโยชน์แก่บริษัท ชินคอร์ป และบริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส

4.กรณีละเว้น อนุมัติ ส่งเสริม สนับสนุนธุรกิจดาวเทียมตามสัญญาดำเนินกิจการดาวเทียมสื่อสารภายในประเทศ โดยมิชอบหลายกรณี เพื่อเอื้อประโยชน์แก่บริษัท ชินคอร์ป และบริษัท ชินแซท

5.กรณีอนุมัติให้รัฐบาลสหภาพพม่ากู้เงินจากธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (เอ็กซิมแบงก์) 4 พันล้านบาท เพื่อนำไปซื้อสินค้าและบริการของชินแซท

ทั้ง 5 ประเด็นนี้ แหล่งข่าวระดับสูงในศาลฎีการะบุว่า มติออกมา 8 ต่อ 1 ซึ่ง 1 เสียงที่ระบุว่า พ.ต.ท.ทักษิณไม่มีความผิด คือ ม.ล.ฤทธิเทพ เทวกุล

ส่วนข้อวินิจฉัยว่าจะยึดทรัพย์หรือไม่นั้น มีการลงคะแนน 2 รอบ รอบแรกลงมติว่ายึดหรือไม่ยึด ผลการลงคะแนนยังคงออกมา 8 ต่อ 1 และเสียงข้างน้อย 1 เสียงยังคงเป็นคนเดิมคือ ม.ล.ฤทธิเทพ

จากนั้นองค์คณะจึงลงมติอีกครั้งว่า จะยึดทั้งหมดหรือยึดบางส่วน ผลการลงมติออกมา 7 ต่อ 2 ให้ยึดเฉพาะทรัพย์สินส่วนที่มีขึ้นหลังการเข้าดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีสมัยแรกของ พ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่ง ม.ล.ฤทธิเทพคือ 1 ใน 7 ที่ลงมติให้ยึดบางส่วน

ขณะที่ 1 ใน 2 องค์คณะที่ให้ยึดทั้งหมดคือ นายกำพล ภู่สุดแสวง ผู้พิพากษาอาวุโสในศาลฎีกา ที่เคยร่วมองค์คณะพิจารณาคดีหวยบนดิน และคดีเอ็กซิมแบงก์ปล่อยกู้ให้รัฐบาลพม่า ซึ่งขณะนี้พักคดีชั่วคราว เนื่องจาก พ.ต.ท.ทักษิณอยู่ระหว่างหลบหนี

คำพิพากษาจึงออกมาว่า ให้เงินปันผลและเงินที่ได้จากการขายหุ้นจำนวน 46,373,687,454.70 บาท พร้อมดอกผล นับแต่วันที่ธนาคารอายัด ตกเป็นของแผ่นดิน

สำหรับองค์คณะผู้พิพากษาที่ทำหน้าที่พิพากษาคดียึดทรัพย์ 9 คน ประกอบด้วย

1.นายไพโรจน์ วายุภาพ เคยดำรงตำแหน่งเป็นผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลฎีกา ที่เพิ่งได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งเป็นรองประธานศาลฎีกาเมื่อเดือน ต.ค.52 เคยเป็นองค์คณะพิจารณาคดีแปลงภาษีสรรพสามิตที่อัยการยื่นฟ้อง พ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการพักคดี เนื่องจาก พ.ต.ท.ทักษิณอยู่ระหว่างหลบหนี

2.นาย*** ทิมมาตย์ ตำแหน่งประธานแผนกคดีเยาวชนและครอบครัวในศาลฎีกา ได้รับเลือกเป็นองค์คณะแทนนายปัญญารัตน์ วิระยะวานิช นอกจากคดีนี้ นาย***ยังเป็นองค์คณะพิจารณาสำนวนคดีที่ ส.ส.พรรคเพื่อไทยยื่นถอดถอน ป.ป.ช. กรณีชี้มูลความผิดการสลายการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ และกรณีที่มีมติไล่ตำรวจระดับนายพลที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์สลายการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ ออกจากราชการ

3.ม.ล.ฤทธิเทพ เทวกุล ปัจจุบันดำรงตำแหน่งผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลฎีกา

4.นายกำพล ภู่สุดแสวง ผู้พิพากษาอาวุโสในศาลฎีกา ที่เคยร่วมองค์คณะพิจารณาคดีหวยบนดิน และคดีเอ็กซิมแบงก์ปล่อยกู้ให้รัฐบาลพม่า ซึ่งขณะนี้พักคดีชั่วคราว เนื่องจาก พ.ต.ท.ทักษิณอยู่ระหว่างหลบหนี

5.นายประทีป เฉลิมภัทรกุล ผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลฎีกา ซึ่งเป็น 1 ในองค์คณะพิพากษาคดีแปลงภาษีสรรพสามิต

6.นายสมศักดิ์ เนตรมัย ผู้พิพากษาอาวุโสในศาลฎีกา เจ้าของสำนวนและหัวหน้าทีมในคดีนี้ เคยเป็นองค์คณะคดีการเมืองสำคัญหลายคดี อาทิ คดีที่ดินรัชดาฯ, คดีคลองด่าน ซึ่งพิพากษาจำคุกนายวัฒนา อัศวเหม, คดี ป.ป.ช.ขึ้นเงินเดือนตัวเอง

7.นายธานิศ เกศวพิทักษ์ ประธานแผนกคดีผู้บริโภคในศาลฎีกา เคยเป็นตุลาการรัฐธรรมนูญพิจารณาคดียุบพรรคไทยรักไทย แม้เป็นเสียงเอกฉันท์ 9-0 ให้ยุบ แต่เป็น 1 ใน 3 เสียงข้างน้อยไม่เห็นด้วยให้ตัดสิทธิ์กรรมการบริหาร 5 ปี

8.นายพิทักษ์ คงจันทร์ ประธานแผนกคดีเลือกตั้งในศาลฎีกา และเป็นองค์คณะคดีถอดถอน ป.ป.ช. กรณีชี้มูลความผิดการสลายการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ และที่มีมติไล่ตำรวจระดับนายพลที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์สลายการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ ออกจากราชการ

9.นายพงศ์เทพ ศิริพงศ์ติกานนท์ ผู้พิพากษาอาวุโสในศาลฎีกา เคยเป็นองค์คณะพิจารณาคดีหวยบนดิน.

- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -

พันตรีศิริชัย  ทรัพย์ศิริ

สมาคมคนพิการทางการเคลื่อนไหวสากล (ส.พ.ค.)

www.waddeeja.com

Tel.02-990-0331

0103530832

ผู้แสดงความคิดเห็น พันตรีศิริชัย ทรัพย์ศิริ (apdmajor1-at-yahoo-dot-com)วันที่ตอบ 2010-03-01 08:32:57 IP : 124.121.140.196


ความคิดเห็นที่ 3 (3162553)

7  วิธีลดเครียด



ในสถานการณ์ทางการเมืองที่วุ่นวายและตึงเครียด

อาจทำให้ประชาชนและผู้บริโภคข่าวสารทั้งโทรทัศน์ วิทยุ หนังสือพิมพ์ หรือเว็บไซต์รู้สึกอินไปกับข่าว จนเกิดความโกรธและความเครียด

บรรดาจิตแพทย์ต่างก็ห่วงประชาชนและฝากแนะนำวิธีลดความเครียดมาให้ประชาชน

โดยจิตแพทย์แนะนำว่า ขณะที่ดูภาพข่าวหรือเหตุ การณ์นั้นควรจะมีสติและพยายามควบคุมอารมณ์ให้ได้ ควรที่จะฝึกผ่อนคลายจิตใจเพื่อไม่ให้ความเครียดและอารมณ์โกรธเหล่านั้นสะสมจนถึงจุดเดือด

ส่วนวิธีปฏิบัติประกอบด้วย

1.ให้นึกเสมอว่าเรื่องของการเมืองย่อมมีความคิดเห็นแตกต่างกันได้ แต่ไม่จำเป็นต้องแตกแยกและเชื่อว่าทุกปัญหาต้องมีทางออก

2.ควรดูข่าวการเมือง เพื่อให้รู้ความเป็นไปของสถาน การณ์ เพื่อความเข้าใจและการเตรียมความพร้อมที่เหมาะสม โดยไม่ต้องเก็บมาใส่ใจ และมีอารมณ์ร่วมแบบโอเวอร์มากจนเกินไป

3.เตือนตนเองว่า คนเราในโลกนี้แตกต่างกัน ไม่มีใครสมบูรณ์แบบ แม้แต่ตัวเราเองก็มีข้อบกพร่อง จะช่วยทำให้เข้าใจถึงสัจธรรมของโลกทำให้โกรธยากขึ้น ให้อภัยได้ง่ายขึ้น

4.คอยเตือนตนเองว่าความโกรธและความเครียดคือการเผาตัวเอง ทำลายสุขภาพตัวเอง พยายามสังเกตอารมณ์ตัวเองให้รู้เท่าทันว่ากำลังเครียด หรือกำลังจะโกรธ โดยเฉพาะผู้ที่เข้าร่วมชุมนุมซึ่งมีความเสี่ยงสูงที่จะเกิดความโกรธได้ง่าย

5.ฝึกชะลออารมณ์โกรธและสลายความเครียดโดยการเบี่ยงเบนความสนใจ ด้วยการนับ 1-10 หายใจเข้า-ออก ลึกๆ ช้าๆ พยายามผ่อนคลายกล้ามเนื้อส่วนต่างๆ ทั่วร่างกาย

6.หลีกเลี่ยงสถานที่หรือสถานการณ์ที่ยั่วยุให้เกิดอารมณ์โกรธ เพราะถ้าหากยังอยู่ในสถานที่นั้นอาจจะทำให้ความโกรธถึงจุดเดือด และปัญหาความเครียดก็จะตามมาได้

7.ฝึกให้อภัยและปล่อยวาง

นอกจากนั้นต้องเอาใจใส่คนรอบข้าง รวมทั้งเด็กด้วย อย่าให้คนใกล้ตัวตกอยู่ในความเครียดจนเกินไป

ต้องตั้งสติกันให้ดีๆ

 

 

 

- - - - - - - - - - - - - - - - - -  

พันตรีศิริชัย   ทรัพย์ศิริ

นายกสมาคมคนพิการทางการเคลื่อนไหวสากล (ส.พ.ค.)

โทร. 02-990-0331

http://www.apdi2002.com

http://www.youtube.com พิมพ์ apdi. หรือ

สมาคมคนพิการ

1503530930

*********************

 

ผู้แสดงความคิดเห็น พันตรีศิริชัย ทรัพย์ศิริ (apdmajor1-at-yahoo-dot-com)วันที่ตอบ 2010-03-15 09:30:54 IP : 124.121.137.173



[1]


แสดงความคิดเห็น
ความคิดเห็น *
ผู้แสดงความคิดเห็น  *
อีเมล 
ไม่ต้องการให้แสดงอีเมล



สมาคมคนพิการทางการเคลื่อนไหวสากล 802/410 หมู่12 หมู่บ้านวังทองริเวอร์ปาร์ค ซอย10/4 ตำบลคูคต อำเภอลำลูกกา จังหวัดปทุมธานี 12130 โทร : 02-990-0331 Copyright © 2010 All Rights Reserved.