ReadyPlanet.com


งานวิจัย...คุณแม่มีครรภ์แต่ก็ยังมีเพศสัมพันธ์ได้


วิจัยพบ..ว่าที่คุณแม่แม้จะตั้งครรภ์ แต่ก็ยังมีไฟอยู่

  วิจัยพบ ผู้หญิงตั้งครรภ์นั้นยังมีไฟ แม้ว่าอาจไม่มีความสุขมากนักกับการประกอบกิจกรรมทางเพศ แถมจำนวนครั้งของการมีเพศสัมพันธ์กับสามีก็ลดลง ขณะที่ฝ่ายชาย พบประเด็นน่ารัก เหตุไม่ค่อยมีเพศสัมพันธ์กับภรรยาระหว่างตั้งครรภ์เพราะเกรงว่า จะทำให้ลูกได้รับบาดเจ็บ อีกทั้งยังเกรงว่า กิจกรรมของพ่อกับแม่อาจถูกลูกในท้องเฝ้ามองอยู่ก็เป็นได้
       
       เป็นอีกหนึ่งงานวิจัยที่ได้รับการตีพิมพ์ลงในวารสาร The Journal of Sexual Medicine ในเรื่องของสุขภาพทางเพศของคู่สมรสระหว่างตั้งครรภ์ ซึ่งที่ผ่านมา นักวิจัยมักพุ่งเป้าไปที่ความต้องการของฝ่ายชายเป็นสำคัญ ขณะที่ฝ่ายหญิง โดยเฉพาะช่วงของการตั้งครรภ์มักไม่ค่อยได้รับความสนใจมากนัก ซึ่งงานวิจัยชิ้นนี้แสดงให้เห็นว่า ความต้องการทางเพศของผู้หญิงระหว่างตั้งครรภ์นั้นไม่ได้ลดลง และพวกเธอยังมีกิจกรรมทางเพศกับสามีอย่างต่อเนื่อง
       
       
โดยงานวิจัยชิ้นนี้ได้ทำการสอบถามข้อมูลจากหญิงชาวโปรตุเกส อายุระหว่าง 17 - 40 ปี จำนวน 188 คน ที่พึ่งให้กำเนิดทารก โดยพบว่า ประมาณครึ่งหนึ่งของผู้ตอบแบบสอบถามยอมรับว่า พวกเธอมีเพศสัมพันธ์กับสามีบ่อยที่สุดในช่วง 3 เดือนแรกของการตั้งครรภ์ อีก 35.6 เปอร์เซ็นต์ตอบว่า มีเพศสัมพันธ์บ่อยครั้งที่สุดในช่วงไตรมาสที่สองของการตั้งครรภ์ (เดือนที่ 4 - 6) และมีเพียง 10 เปอร์เซ็นต์เท่านั้นที่บอกว่า มีเพศสัมพันธ์กับสามีบ่อยครั้งที่สุดในช่วงไตรมาสสุดท้าย
       
       
อย่างไรก็ดี ผู้ตอบแบบสอบถามกว่าครึ่ง (55 เปอร์เซ็นต์) ยอมรับว่า ช่วงของการตั้งครรภ์นั้นเป็นช่วงที่พวกเธอมีความสัมพันธ์ทางเพศกับสามีลดลง เหตุผลหนึ่งก็คือ ว่าที่คุณพ่อคุณแม่เกรงว่า การมีเพศสัมพันธ์ระหว่างตั้งครรภ์นั้นจะก่อให้เกิดอันตรายกับลูกในครรภ์
       
       
ความหวั่นเกรงดังกล่าวของว่าที่คุณพ่อคุณแม่นั้น ดร. Marjorie Greenfield ผู้เขียนหนังสือ The Working Woman"s pregnancy ได้นำมากล่าวเอาไว้ในตอนหนึ่งของหนังสือว่า บ่อยครั้งที่ความกังวลนั้น ๆ มาจากฝ่ายคุณพ่อเสียด้วย
       
       
"
แม้ว่าฝ่ายคุณแม่จะมีความต้องการทางเพศ แต่สามีของเธอเองกลับมีความหวั่นเกรงอยู่ลึก ๆ โดยผู้ชายบางคนเกรงว่า การมีเพศสัมพันธ์ระหว่างตั้งครรภ์อาจทำให้ลูกในท้องเกิดการบาดเจ็บ หรือผู้เป็นพ่อก็มีความรู้สึกอยู่ในใจตลอดว่า การประกอบกิจกรรมทางเพศนั้นอาจถูกสายตาของลูกเฝ้าดูอยู่"
       
       สำหรับความพึงพอใจในการมีเพศสัมพันธ์นั้น พบว่าผู้ตอบแบบสอบถามกว่าครึ่งระบุว่ายังคงพอใจ ขณะที่คุณแม่ 27.7 เปอร์เซ็นต์ยอมรับว่าความพอใจที่ได้รับนั้น "ลดลง" จากเดิม
       
       
ส่วนรูปแบบการมีเพศสัมพันธ์ที่คู่สมรสนำมาใช้ระหว่างการตั้งครรภ์นั้นพบว่า 98.3 เปอร์เซ็นต์ยังคงมีเพศสัมพันธ์ทางช่องคลอดเป็นหลัก ขณะที่ตัวช่วยอย่างเช่น การทำออรัลเซ็กส์ก็ได้รับความสนใจไม่แพ้กัน และก็มีบางกลุ่มที่ยอมรับว่า มีเพศสัมพันธ์ทางทวารหนักแทนด้วย (6.6 เปอร์เซ็นต์)
       
       ด้าน ดร. เออร์วิน โกลด์สไตน์ ผู้อำนวยการหน่วยงาน Sexual medicine โรงพยาบาล Alvarado ในซานดิเอโก และบรรณาธิการวารสารดังกล่าว เปิดเผยว่า "ผลที่ได้จากงานวิจัยชิ้นนี้จึงอาจช่วยเพิ่มความเข้าใจให้กับคู่สามีภรรยา ตลอดจนช่วยเสนอแนะเทคนิคต่าง ๆ ได้ตรงกับความต้องการมากยิ่งขึ้น"
       
       
ดร.โกลด์สไตน์กล่าวต่อไปว่า คนจำนวนมากเชื่อว่า การมีเพศสัมพันธ์ในช่วงไตรมาสสุดท้ายของการตั้งครรภ์นั้นอาจทำให้แท้งลูกได้ แต่โดยทั่วไปแล้ว การมีเพศสัมพันธ์ระหว่างตั้งครรภ์ไม่ใช่เรื่องอันตราย จะมีอันตรายก็แต่เพียงกรณีที่หญิงตั้งครรภ์มีภาวะรกเกาะต่ำ (ภาวะรกเกาะต่ำ หมายถึง รกของทารกนั้นมาเกาะอยู่บริเวณส่วนล่างของมดลูกใกล้กับปากมดลูก ในบางกรณีจะคลุมปิดปากมดลูกไว้บางส่วน หรือบางกรณีคลุมปิดปากมดลูกไว้จนมิดขวางทางคลอดของทารกเอาไว้ ปัญหาที่ตามมาคือเมื่อมีการยืดขยายของปากมดลูกเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการคลอดนั้น ก็จะทำให้รกลอกตัวออก ทำให้มีเลือดออก มารดาอาจได้รับอันตรายจากการเสียเลือดมากและทารกอาจขาดอ็อกซิเจนได้)
       
       
เรียบเรียงจากเฮลท์เดย์นิวส์

 

- - - - - - - - - - - - - - - - - -  

พันตรีศิริชัย   ทรัพย์ศิริ

นายกสมาคมคนพิการทางการเคลื่อนไหวสากล (ส.พ.ค.)

โทร. 02-990-0331

http://www.apdi2002.com

http://www.youtube.com พิมพ์ apdi. หรือ

สมาคมคนพิการ

1903531043

*********************

 



ผู้ตั้งกระทู้ พันตรีศิริชัย ทรัพย์ศิริ (apdmajor1-at-yahoo-dot-com) :: วันที่ลงประกาศ 2010-03-19 10:43:53 IP : 124.121.141.32


[1]

ความคิดเห็นที่ 1 (3171538)

ผลวิจัยพบดาร์กช็อกโกแลตอาจเป็นยาวิเศษของผู้ป่วยตับแข็ง

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์

 

เอเจนซี - ดาร์กช็อกโกแลต ซึ่งอุดมไปด้วยโกโก้ อาจใช้เป็นยาสำหรับคนที่มีอาการ "ตับแข็ง" ได้ในอนาคต หลังผลการวิจัยล่าสุดชี้ถึงประโยชน์ที่มีต่อสุขภาพของช็อกโกแลต
       
       
นักวิจัยชาวสเปนเผยว่า การกินดาร์กช็อกโกแลตหลังทานอาหารมื้อปกติจะช่วยเพิ่มความดันโลหิตบริเวณช่องท้องได้ แต่ก็อาจทำให้ความดันพุ่งสูงจนถึงระดับที่จะเป็นอันตรายต่อผู้ป่วยโรคตับแข็ง โดยเฉพาะในรายที่มีอาการเรื้อรัง และนำไปสู่อาการเส้นเลือดแตกได้
       
       
สารแอนตี้อ๊อกซิแดนซ์ ที่ชื่อว่า ฟลาวานอล ที่พบในโกโก้นั้น เชื่อว่าเป็นเหตุผลที่ทำให้ช็อกโกแลตดีต่อความดันโลหิต เนื่องจากสารเคมีดังกล่าวจะช่วยให้เซลล์กล้ามเนื้อเรียบของหลอดเลือดผ่อนคลาย และขยายตัวได้ดี
       
       
ในการศึกษาผู้ป่วย 21 ราย ซึ่งมีอาการตับแข็งระยะสุดท้าย พบว่า เมื่อได้รับดาร์กช็อกโกแลต ที่มีโกโก้อยู่ 85% นั้นพวกเขาจะมีความดันโลหิตในตับ หรือ ความดันในหลอดเลือดดำของตับ (portal hypertension) สูงกว่าผู้ที่ได้รับไวท์ช็อกโกแลตอย่างเห็นได้ชัด
       
       "
การศึกษาชิ้นนี้แสดงให้เห็นความเกี่ยวข้องอย่างชัดเจนระหว่างการกินดาร์กช็อกโกแลต และความดันโลหิตในหลอดเลือดดำของตับ และพิสูจน์ให้เห็นถึงความสำคัญอย่างมากต่อพัฒนาการปรับตัวของผู้ป่วยโรคตับแข็ง" มาร์ก ธูร์ซ ศาสตราจารย์ผู้เชี่ยวชาญด้านอาการของตับ แห่งวิทยาลัยอิมพีเรียในกรุงลอนดอนเผย
       
       
ผลการศึกษาถูกนำเสนอในการประชุมประจำปีของสมาคมการศึกษาเกี่ยวกับตับของยุโรปในกรุงเวียนนา และยังมีการศึกษาทางวิทยาศาสตร์ก่อนหน้านี้อีกตำนวนหนึ่ง ที่ชี้ให้เห็นถึงประโยชน์ของดาร์กช็อกโกแลตต่อสุขภาพหัวใจด้วย
       
       
โรคตับแข็งคืออาการของตับที่เป็นแผลเนื่องจากได้รับความเสียหายมาเป็นระยะเวลานาน อันเนื่องมาจากหลายปัจจัย ไม่ว่าจะเป็นการติดเชื้อ หรือการดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์

- - - - - - - - - - - - - - - - - -  

พันตรีศิริชัย   ทรัพย์ศิริ

นายกสมาคมคนพิการทางการเคลื่อนไหวสากล (ส.พ.ค.)

โทร. 02-990-0331

http://www.apdi2002.com

http://www.youtube.com พิมพ์ apdi. หรือ

สมาคมคนพิการ

1804531643

*********************

 

ผู้แสดงความคิดเห็น พันตรีศิริชัย ทรัพย์ศิริ (apdmajor1-at-yahoo-dot-com)วันที่ตอบ 2010-04-18 16:43:26 IP : 124.121.140.240



[1]


แสดงความคิดเห็น
ความคิดเห็น *
ผู้แสดงความคิดเห็น  *
อีเมล 
ไม่ต้องการให้แสดงอีเมล



สมาคมคนพิการทางการเคลื่อนไหวสากล 802/410 หมู่12 หมู่บ้านวังทองริเวอร์ปาร์ค ซอย10/4 ตำบลคูคต อำเภอลำลูกกา จังหวัดปทุมธานี 12130 โทร : 02-990-0331 Copyright © 2010 All Rights Reserved.