"พิเชษฐ" งัดข้อมูลแฉ คนใกล้ตัว ผู้ยิ่งใหญ่ ทรท. ซื้อเพชรฟอกเงินหวย
โดย ASTVผู้จัดการ***
|
13 มกราคม 2553 01:30 น.
|
"พิเชษฐ" งัดข้อมูลโต้ "อุ๋ย" ถาม ผู้ใหญ่พรรคใครเอี่ยวประโยชน์ยี่ปั๊วะ เย้ยตอน "อุ๋ย" เฝ้าเก้าอี้ รมว.คลัง ขิงแก่ เคยคิดใช้เงินขายหวยเอามาเลี้ยงดูประเทศ แฉ สมัยรบ.ไทยรักไทย มีการวิ่งเต้นโค้วตาหวยสารพัด โดยรถขนเงินชอบวิ่งเข้า-ออกตึกโทรคมนาคม แถมคนใกล้ตัว ผู้ยิ่งใหญ่ ทรท. เคยนำ 120 ล้านซื้อเพชร เพื่อฟอกเงิน
รายการ “รู้ทันประเทศไทย” ออกอากาศทาง เอเอสทีวี-ทีวีของประชาชน วันจันทร์-ศุกร์ เวลา 18.30-20.00 น. โดยในวันอังคารที่ 12 ม.ค. มี ดร.เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง และนายแสงธรรม ชุนชฎาธาร เป็นผู้ดำเนินรายการ ซึ่งวันนี้ได้มีการเชิญ นายพิเชษฐ พันธุวิชาติกุล อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง สมัยรัฐบาลชวน 1 มาร่วมพูดคุยในฐานะที่เคยดูแลสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล ซึ่งล่าสุดได้ถูก ม.ร.ว.ปรีดิยาธร ออกมากล่าวพาดพิงถึงพรรคประชาธิปัตย์ว่าเหตุที่สั่งยกเลิก*** เพราะเกรงใจยี่ปั๊วะที่คอยให้การสนับสนุนพรรค
นายพิเชษฐ กล่าวประเด็นนี้ว่า ตนได้เข้ามาดำรงตำแหน่งเมื่อปลายปี 2540 มี 5 บริษัท โดยบุคคล 2 คน ได้มีสัญญารับสลากฯ 50,000 เล่ม จากสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล และการที่จะเอาไปรวมเล่ม ไม่ใช่แค่ 50,000 เล่มนี้เท่านั้น ซึ่งตนเข้าใจว่าผู้ที่ได้รับโค้วตาเกือบทั้งหมดนั้น อยู่ในมือคนไม่กี่คน
ดร.เจิมศักดิ์ ตั้งข้อสังเกตว่า ในเมื่อประชาชนชอบซื้อสลากฯที่เป็นชุด ทำให้กองสลากฯ ไม่ดำเนินการจัดแผงขายตั้งแต่แรกเอง ทำไมไปให้เจ้าแม่ 2 ราย ดำเนินการเรื่องนี้ นายพิเชษฐ กล่าวประเด็นนี้ว่า ตนมีความพยายามจะแก้ไขปัญหานี้ตั้งแต่แรกว่าโค้วตาที่มีจำนวนชื่ออยู่หลายหมื่นคน ทำไมให้ใช้วิธีมอบอำนาจผ่านตัวแทน มาจ่ายเงินและรับสลากฯ ทำไมไม่ให้เจ้าตัวมารับเอง คำถามเหล่านี้ก็ได้คำตอบว่า ด้วยขั้นตอนต่างๆ ไม่สามารถดำเนินการเช่นนั้นได้ เพราะสลากฯ มีเวลาแค่ 15 วัน ทำให้เวลาการจ่ายล็อตเตอรี่มีเพียงแค่ 2 วัน จึงมีเวลาเท่านี้เพื่อทำการจ่ายล็อตเตอรี่ให้กับคนหลายหมื่นราย ดังนั้น เกินวิสัยที่จะทำได้ ตนเลยเสนอวิธีการสุ่มผู้รายย่อยที่มีอยู่ ก็หลังจากนั้น มีการใช้วิธีการดังกล่าว มีการนำผู้ค้ารายย่อยจากนิคมโรคเรื้อนแห่งหนึ่ง 100 กว่าคน มานั่งที่สำนักงานสลากฯ เพื่อนำเงินมากองไว้ตรงหน้า ทางเจ้าหน้าที่ จึงไม่กล้าที่จะรับ ทำให้ปัญหาต่างๆเหล่านี้ ยากที่จะแก้ไข
บทความ "อุ๋ย" เจตนาพาดพิง ปชป.
ดร.เจิมศักดิ์ กล่าวถึงสิ่งที่ ม.ร.ว.ปรีดิยาธร ระบุว่า ยี่ปั๊วะหวยที่สูบผลประโยชน์ในกองสลากฯ มีผู้นำที่เก่งมาก ซึ่งเป็นผู้ทำหน้าที่ประสานผลประโยชน์และมีความสัมพันธ์ที่ดีกับนักการเมืองในพรรคใหญ่ และเป็นท่อน้ำเลี้ยงให้กับพรรคดังกล่าวมานานแล้ว นายพิเชษฐ กล่าวประเด็นนี้ว่า เมื่อตนอ่านบทความของ ม.ร.ว.ปรีดิยาธร ทำให้แปลเป็นอย่างอื่นไม่ได้ว่า แท้จริงแล้ว ผู้เขียนต้องการพาดพิงถึงพรรคประชาธิปัตย์โดยตรง ซึ่งตนอยากถามว่า คำว่าผู้ใหญ่ในพรรค ม.ร.ว.ปรีดิยาธร หมายถึงใคร แต่ตนอยากเรียนว่า เมื่อครั้งที่ตนเข้าไปอยู่ในรัฐบาลสมัยชวน 1 เรื่องความคิดในการทำ*** เกิดขึ้นตั้งแต่สมัย นายชาติชาย ชุณหะวัณ พ้นตำแหน่งไป ก็ต่อมาเป็นสมัยรัฐบาล นายอานันท์ ปันยารชุน ก็มีรัฐมนตรีเกี่ยวกับเศรษฐกิจ มีความคิดในการทำ*** ดังนั้น ความคิดนั้นจึงถูกถ่ายทอดต่อไปยังสมัยรัฐบาลชวน 1 โดยตอนนั้น นายบุญชู ตรีทอง เป็นรมช.คลัง ซึ่งเป็นผู้ดูแลสำนักงานสลากฯ แต่รัฐบาลชวน 1 ไม่เอาด้วย จนรัฐบาลชุดนั้น พ้นหน้าที่ไปเมื่อปี 2538
รบ.เติ้ง ฟื้นหวย หลัง ปชป. ไม่เอาด้วย
นายพิเชษฐ กล่าวอีกว่า ต่อมาก็เข้าสู่รัฐบาล นายบรรหาร ศิลปอาชา เรื่อง***ก็ได้รับการผลักดันอีกครั้ง ด้วยการมีการนำคณะไปศึกษาเรื่องต่างๆ สุดท้าย สมัยนั้นได้เซ็นสัญญาทิ้งทวนในช่วงสัปดาห์สุดท้ายในการบริหารประเทศ ซึ่งสัญญาขณะนั้น มีการบอกว่าพวกยี่ปั๊วะเจ้าพ่อเจ้าแม่ทั้งหลาย มันเกิดขึ้นตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว หลังจากนั้น จนถึงรัฐบาลต่อมาของพรรคความหวังใหม่ ก็มี นายจาตุรนต์ ฉายแสง มีรายงานประกอบเรื่องราวว่า การขายสลากฯ และการขาย*** เกรงจะกระทบเชิงสังคมค่อนข้างกว้างขวาง ดังนั้น นายจาตุรนต์ จึงสั่งชะลอเรื่องนี้ไว้ จนถึงเมื่อกลางปี 2540 ถึงเดือนสิงหาคม นายอำนวย วีรวรรณ รมว.คลัง ก็สั่งเดินหน้าเรื่องนี้เต็มที่ จากนั้น 2 เดือนต่อมา ก็เปลี่ยนมาเป็นรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ ดังนั้น เรื่อง***เข้าสู่การรับผิดชอบของพรรค ตั้งแต่ปี 2541
"ผมศึกษารายละเอียด และเชื่อมั่นว่า ***จะสามารถแก้ไขการขายสลากฯเกินราคาได้ ผมไม่เชื่อว่าในการเพิ่มสลากกินแบ่งรัฐบาลแล้ว จะทำให้สลากฯ ราคาถูกลง ตราบใดที่ไม่กำจัดการขายโค้วตาไปให้ยี่ปั๊วะโดยนักการเมืองที่ชั่วๆ หรือบุคคลที่ชั่วๆ ทราบว่ามีการเพิ่มเข้าไป จากต้นทุนที่ 36.50 บาท มีการไปขายเพิ่มฉบับละ 5 บาท ก็เท่ากับต้นทุนประมาณ 41 บาทกว่าๆ บวกด้วยอะไรต่างๆ จนในที่สุดยี่ปั๊วะปล่อยมาก็ 44-45 บาท ทำให้คู่หนึ่งก็เกิน 90 บาท" นายพิเชษฐ กล่าว
นายพิเชษฐ กล่าวต่อว่า ตนเกรงว่าเรื่อง*** หากเกิดขึ้นจะกลายเป็นเครื่องมือมอมเมาประชาชนอันใหม่ ไม่ได้ทำให้หวยใต้ดินหรือคนซื้อสลากฯ ลดน้อยลง ถึงแม้จะลดลง ก็เทียบไม่ได้กับส่วนที่จะไป***เพิ่มขึ้นด้วยสิ่งจูงใจเหล่านั้น ทำให้ในสมัยนั้น ตนได้ชะลอเรื่องดังกล่าว จนถึงวันที่ 4 ธ.ค. 2543 ทางบริษัทคู่สัญญาจึงยื่นให้อนุญาโตตุลาการ ตอนนั้น ระหว่างพิจารณา พรรคประชาธิปัตย์ก็ประกาศยุบสภา จึงทำให้ตนพ้นจากตำแหน่ง ในเดือนก.พ. ปี 2544
ยุค ทรท. เกิดวิ่งเต้นโค้วตาหวย
นายพิเชษฐ กล่าวอีกว่า ต่อมาเป็นสมัยรัฐบาลไทยรักไทย นายวราเทพ วรากร ก็มาดูแลเรื่อง***ต่อ โดยสมัยนั้นมีการไปเพิ่มโค้วตาขึ้นอีก 10 ล้านฉบับ จาก 44 กลายเป็น 54 ล้านฉบับ โดยให้เหตุผลว่า เพื่อป้องกันการขายสลากฯ เกินราคา แต่ช่วงนั้น มีผู้ค้าสลากฯ รายย่อย มาเล่าให้ตนฟังว่า เจ้าของโค้วตาเก่าพยายามวิ่งเต้นชะลอให้มีการเลื่อนโค้วตาเขา โดยมีข่าวว่าได้วิ่งเต้นถึงขนาด วิ่งโร่ไปหาผู้นำประเทศตอนนั้น ถึงร้านทำผม และมีการขนเงินมหาศาลย้ายไปมา สุดท้ายก็คือ โค้วตาเก่า 5 บริษัทเดิม ถูกยกเลิกหมด เพื่อนำโค้วตาไปยกให้กับคนใหม่ ที่จ่ายเงินค่าตอบแทนสูงกว่าอีกหลายเท่าตัว ทำให้การขายโค้วตาสลากฯ ลามเป็นเรื่องใหญ่ตั้งแต่สมัยนั้น
ดร.เจิมศักดิ์ กล่าวว่า มีคนกล่าวหาว่าที่ นายพิเชษฐ ระงับ***สมัยรัฐบาลชวน 1 เพราะกลัวว่าจะไปกระทบสลากฯ ที่พิมพ์ก่อนหน้านั้น ซึ่งจะสร้างความเสียหายให้แก่เจ้าพ่อเจ้าแม่ หรือยี่ปั๊วะ 5 ราย ที่เป็นท่อน้ำเลี้ยงของพรรคประชาธิปัตย์ นายพิเชษฐ กล่าวประเด็นนี้ว่า ยี่ปั๊วะ 5 ราย ไม่ได้เข้ามาสมัยพรรคประชาธิปัตย์ เพราะสัญญาผูกพันทุกอย่างมีมาตั้งแต่เดิมแล้ว ดังนั้น ปัญหาอยู่ที่จะทำอย่างไรกับปัญหาสัญญาที่เกิดขึ้นตั้งแต่ปี 2538 ก็ควรต้องเป็นหน้าที่ของอนุโญตุลาการในการพิจารณา โดยระหว่างที่พิจารณาก็อย่างที่เรียนว่า รัฐบาลชวน 1 ก็ยุบสภา ก็เกิดการเปลี่ยนแปลงในรัฐบาลต่อมา
"***ในรัฐบาลพรรคไทยรักไทย ปัญหามันอยู่ที่ว่า ไม่ใช่***ที่รูปร่างหรือลักษณะเหมือนเดิม เพราะเดิมคือการขายล็อตเตอรี่ด้วยเครื่อง โดยการหยิบล็อตเตอรี่ 5 ล้านฉบับ จาก 34 ล้านฉบับ มาขายด้วยเครื่องทุกอย่าง แต่ตอนหลัง กลับกลายเป็นว่า รัฐบาลชุดดังกล่าว ต้องการเอาเครื่อง***ไปขายหวย 2 ตัว 3 ตัว พูดกันถึงว่ามีการแทงเต็ง แทงโต๊ดได้ บางงวดกองสลากก็จะกำไร บางงวดก็อาจจะขาดทุน ทำให้รายได้ไม่แน่นอน หลักมันก็คือ รัฐบาลจะเอาไปเสี่ยงกับการพนันไม่ได้ เพราะมีขึ้นมีลงตลอด สิ่งที่รัฐบาลสมัยนั้นทำ คือ การกินรวบ ไม่ใช่กินแบ่ง เนื่องจากผิดกฏหมาย ไม่มีการแบ่งรายได้เป็นสัดส่วน เพราะเจ้ามือมีผูกพันกับหมายเลขหวยที่ออก" นายพิเชษฐ กล่าว
"อุ๋ย" หวังใช้เงินบาปอุ้มชูประเทศ
นายพิเชษฐ กล่าวอีกว่า จากนั้น เรื่อง*** ตกทอดมาจนถึงรัฐบาล พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ ซึ่ง ม.ร.ว.ปรีดิยาธร ไปเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้อย่างเต็มตัว เพราะเป็นรมว.คลังสมัยนั้น โดยมีความคิดว่าจะแก้ไขและกู้เศรษฐกิจจากรายได้กองสลากฯ นับเป็นความน่ากลัวที่ สลากฯกินแบ่งมีผู้ซื้อประมาณ 30,000 กว่าล้านบาท แต่หวย 2 ตัว 3 ตัว ผู้ซื้อก็ 30,000 กว่าล้านบาทเช่นกัน ทำให้ปีหนึ่งตก 70,000 ล้านบาท ซึ่งเฉลี่ยประชาชนจ่ายเงินไป 10 บาท ก็จะได้คืน 4 บาท ตนคำนวณแล้วต่อไปคนจนหรือคนซื้อสลากฯ จะถูกดูดไปปีหนึ่งเป็นเงิน 30,000-40,000 ล้านบาท คิดเป็น 10 ปีก็ 300,000-400,000 ล้านบาท หากรัฐทำเช่นนั้นจริง เลือกที่จะได้เงินมาด้วยความยากลำบากของคนจน หรือดูดเงินด้วยวิธีนั้นหรือ
"ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เขียนบทความดังกล่าว โดยใช้จินตนาการตัวเอง จับข้อมูลผสมกันจนมั่วไปหมด แกบอกเรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อประมาณ 20 ปีที่แล้ว ก็คือรัฐบาลนายกฯ ชาติชาย ปี 2532 แต่ขณะนั้น ไม่มีใครรู้เรื่อง*** โดยแท้จริงเรื่องนี้มีการกล่าวขานกันขึ้นในปี 2535 สมัยรัฐบาลปฏิวัติ รสช. ซึ่ง ม.ร.ว.ปรีดิยาธร ก็เข้ามาทุกครั้งหลังเกิดการปฏิวัติ ไม่ว่าสมัย รสช. หรือ คมช." นายพิเชษฐ กล่าว
เทปยัน 2 สตรีข้างบิ๊ก ทรท. เอี่ยวประโยชน์หวย
นายแสงธรรม กล่าวว่า ครั้งหนึ่ง นายพิเชษฐ ได้เปิดเผยเรื่องราวที่น่าสนใจ ว่า สลากฯ ที่พิมพ์เพิ่ม 10 ล้านฉบับ มีผู้ได้รับประโยชน์จากการขายโค้วตาที่เพิ่มขึ้น ฉบับละ 6 บาท เป็นเงินถึงงวดละ 60 ล้านบาท หรือเดือนละ 120 ล้านบาท ซึ่งปีหนึ่งก็เท่ากับ 1,440 ล้านบาท โดยมีคำยืนยันจากผู้ที่เกี่ยวข้องว่า เคยมีการขนเงิน 120 ล้านบาท ไปยังพรรคการเมืองหนึ่ง แต่สุดท้ายมีอุปสรรคในการส่งมอบ ต้องขนย้ายอย่างทุลักทุเลไปตึกใหญ่แห่งหนึ่ง ที่มีธุรกิจเกี่ยวกับการโทรคมนาคม มีคำกล่าวขานว่า มีการไปซื้อเครื่องเพชรชุดใหญ่ ราคาหลายสิบล้านบาท ที่ร้านเพชรในโรงแรมใหญ่แห่งหนึ่ง เมื่อออกหลักฐานการรับเงินแล้ว ผู้ซื้อไม่ได้รับเครื่องเพชรไป แต่บอกให้เจ้าของร้านส่งเครื่องเพชรแก่สุภาพสตรีอีกท่านหนึ่ง สุดท้าย สุภาพสตรีคนดังกล่าว ได้นำเครื่องเพชรมาคืนเจ้าของร้าน ทำหลักฐานว่า ได้ขายเครื่องเพชรและรับเงินจากการขายไป จากนั้น มีคำกล่าวขานอีกว่า มีการนำเงินสดหลายสิบล้านบาท ไปที่ห้องรัฐมนตรีท่านหนึ่ง เพียงส่งผ่านไปยังสุภาพสตรี ที่รัฐมนตรีเรียกแม่ ซึ่งไปรอรับอยู่ในห้องติดกัน
ดร.เจิมศักดิ์ ยิงคำถามตรงว่า สิ่งที่ระบุ หมายถึงพรรคไทยรักไทยใช่หรือไม่ นายพิเชษฐ กล่าวยอมรับว่า ใช่ ซึ่งตนได้ข้อมูลจากคนที่มาเล่าให้ฟัง โดยปัจจุบันยังมีการเก็บเทปเสียงที่บันทึกนั้นไว้อยู่
ดร.เจิมศักดิ์ กล่าวถามต่อว่า ที่ซื้อและขายเครื่องเพชรอยู่ที่ไหน นายพิเชษฐ กล่าวตอบว่า อยู่ศูนย์การค้าเพนนิซูลา
ดร.เจิมศักดิ์ ตั้งคำถามว่า ในเมื่อผู้ซื้อไปซื้อเพชร แต่ไม่ยอมเอาของไป และสั่งให้มีการส่งมอบให้แก่สุภาพสตรีอีกคนหนึ่ง อยากถามว่า เป็นสุภาพสตรีที่สูงศัก |