ReadyPlanet.com


โลกร้อน......ไทยสะเทือน


ปัญหา "โลกร้อน" ทำท่องเที่ยวไทยสะเทือน

ร่วมมือกันลดปัญหาภาวะโลกร้อนก่อนจะสายเกิน
       หากใครที่ได้มีโอกาสรับชมภาพยนตร์สารคดีเรื่อง "An Inconvenient Truth"ที่ ดำเนินเรื่องโดย อัล กอร์ อดีตรองประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา สมัย บิลล์ คลินตัน และผู้ท้าชิงตำแหน่งประธานาธิบดีเมื่อปี ค.ศ. 2000 คงอดจะหวาดวิตกต่อข้อเท็จจริงอย่างตรงไปตรงมาเกี่ยวกับวิกฤตการณ์สภาวะโลกร้อน (Global Warming) ที่ถูกถ่ายทอดออกมาไม่ได้ และคงไม่ปฏิเสธว่าภาพยนตร์สารคดีเรื่องนี้เป็นสิ่งหนึ่งที่สามารถกระตุ้นเตือนให้ประชาชนทั่วโลก หันมาสนใจและใส่ใจต่อปัญหาสภาวะโลกร้อนกันมากขึ้น
       
       ด้วยเหตุนี้จึงทำให้เรื่องภาวะโลกร้อน (ซึ่งไม่ใช่เรื่องใหม่) เป็นกระแสไปทั่วโลก โดยล่าสุด ในการประชุมความร่วมมือทางเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก (เอเปค) ครั้งที่ 15 ณ ประเทศออสเตรเลีย เหล่าผู้นำชาติต่างๆก็ได้ร่วมหารือในประเด็นดังกล่าวด้วย

www.waddeeja.com

สมาคมคนพิการทางการเคลื่อนไหวสากล

พันตรีศิริชัย  ทรัพย์ศิริ

 



ผู้ตั้งกระทู้ พันตรีศิริชัย ทรัพย์ศิริ :: วันที่ลงประกาศ 2007-09-10 19:15:32 IP : 124.121.142.156


[1]

ความคิดเห็นที่ 1 (1151670)

ลดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในบรรยากาศลดโลกร้อน

       "โลกร้อน" ปัญหาทั่วโลก
       
       โลกร้อนเกิดขึ้นจากหลายสาเหตุ แต่อันดับหนึ่งคือเกิดจากการที่มีก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในบรรยากาศ ซึ่งเป็นสาเหตุให้รังสีความร้อนที่ผ่านชั้นบรรยากาศเข้ามาถูกกักไว้ในโลก โดยไม่สามารถสะท้อนกลับออกไปได้ หรือที่เรียกว่า "ภาวะเรือนกระจก" ทำให้เกิดปรากฏการณ์ที่อุณหภูมิเฉลี่ยของผิวโลกและผืนมหาสมุทรสูงขึ้น
       
       โดยเฉพาะช่วง 50 ปีหลังอุณหภูมิของโลกพุ่งขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยบรรดาปีที่ติดอันดับ 10 ปีที่ร้อนที่สุดของโลกจนได้รับการบันทึกไว้นั้น ล้วนแต่เกิดขึ้นหลังปี พ.ศ.2533และปีที่ร้อนมากที่สุดในรอบ 1,000 ปี ก็คือ ปีพ.ศ.2543 และ ขณะนี้สถานการณ์โลกร้อนเริ่มปรากฏให้เห็นเด่นชัดขึ้นเรื่อยๆ
       
       ผลกระทบจากภาวะโลกร้อนประการหนึ่งที่คาดว่าจะรุนแรงมากที่สุดคือ ประเทศที่เป็นเกาะมีพื้นที่ต่ำ เช่น มัลดีฟส์ จะไม่เพียงได้รับผลกระทบจากน้ำทะเลที่สูงขึ้นและกัดเซาะชายฝั่งเท่านั้น แต่ในอนาคตเกาะทั้งเกาะอาจจะจมอยู่ใต้น้ำ
       
       ในด้านของแหล่งท่องเที่ยวทั่วโลกก็มีแนวโน้มที่จะได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของโลกเช่นกัน เช่น ในเขตเทือกเขาแอลป์ของยุโรปและสถานที่เล่นสกีอื่นๆ ของโลกจะประสบกับภาวะที่มีหิมะตกน้อยลง และมีฤดูกาลเล่นสกีที่สั้นลงเนื่องจากอุณหภูมิที่สูงขึ้น ผลกระทบของการถอยร่นของแนวหิมะจะเกิดขึ้นอย่างเด่นชัดในสกีรีสอร์ทที่อยู่ในพื้นที่ต่ำ เช่น Megeve ในประเทศสวิสเซอร์แลนด์ และ Kiizbuhel ในประเทศออสเตรีย เป็นต้น

www.waddeeja.com

สมาคมคนพิการทางการเคลื่อนไหวสากล

พันตรีศิริชัย  ทรัพย์ศิริ

ผู้แสดงความคิดเห็น พันตรีศิริชัย ทรัพย์ศิริ วันที่ตอบ 2007-09-10 19:17:48 IP : 124.121.142.156


ความคิดเห็นที่ 2 (1151671)

โลกร้อนกระทบการท่องเที่ยวไทย
       
       สำหรับประเทศไทยก็ใช่ว่าจะสามารถลอยตัวอยู่เหนือวิกฤตปัญหาโลกร้อนไปได้ โดยเฉพาะด้านการท่องเที่ยว ดร.อานนท์ สนิทวงศ์ ณ อยุธยา ผู้อำนวยการศูนย์เครือข่ายงานวิเคราะห์วิจัยและฝึกอบรมการเปลี่ยนแปลงของโลกแห่งภูมิภาคตะวันออกเฉียงใต้ ได้กล่าวภายในงานเสวนาเรื่องของภาวะโลกร้อน
       
       ในหัวข้อเรื่อง "ผลกระทบภาวะโลกร้อนกับอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย"เมื่อวันที่ 21 ส.ค. 2550 ที่ผ่านมาว่า สิ่งที่ประเทศไทยอาจจะต้องเผชิญจากปัญหาภาวะโลกร้อน คือ ลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่จะแรงขึ้นและใหญ่ขึ้น จะทำให้พื้นที่ภูมิภาคเอเชียร้อนมากขึ้น รวมถึงประเทศไทย หินร้อนขึ้น ลมแรงขึ้น และไอน้ำมากขึ้น
       
       "สิ่งที่เกิดขึ้นอย่างแรกคือฝน จะมีฝนมากขึ้นตามชายทะเล โดยเฉพาะภาคใต้ และภาคตะวันออกจะได้รับผลกระทบแน่นอน ฤดูกาลท่องเที่ยวต้องสั้นลงแน่ๆ ลมมรสุมจากทางเหนือก็จะน้อยลง ระดับน้ำทะเลที่เพิ่มสูงขึ้น น้ำท่วมเป็นครั้งคราวบ่อยขึ้น ฝนตกบ่อยขึ้น และนำไปสู่โรคจากความชื้น ยุงระบาดอย่างต่อเนื่อง" ดร.อานนท์กล่าว
       
       นอกจากนี้ ดร.อานนท์ยังได้กล่าวต่อด้วยความเป็นห่วงอีกว่า ระดับน้ำที่เพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อย แต่ส่งผลกระทบต่อการกัดเซาะชายหาดที่มากขึ้น ชายฝั่ง 2,000 กิโลเมตร หายไป 1-100 ตารางกิโลเมตรต่อปี เฉลี่ยแล้วทั้งประเทศชายฝั่งที่หายไปเท่ากับเมืองขนาดใหญ่หรือขนาดกลางเมืองหนึ่ง อีกทั้งเรื่องของอากาศ จากหน้าร้อนที่เคยร้อนเพียงร้อยกว่าวันจะกลายเป็นสองร้อยกว่าวัน และส่งผลให้มีการใช้พลังงานมากขึ้น ใช้เครื่องปรับอากาศมากขึ้น และจะทำให้โลกร้อนมากขึ้นอีก
       
       ดูเหมือนว่าปัญหาที่เกิดขึ้นนั้น มีแต่ผลกระทบต่อทั้งนักท่องเที่ยว และอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของไทย และปัญหาเหล่านี้ยังไม่จบสิ้นอย่างแน่นอน ถ้ามนุษย์ยังคงเพิ่มปริมาณก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ให้มากขึ้น สภาพภูมิอากาศก็จะเปลี่ยนแปลงมากขึ้นเช่นกันภายใน 30- 40 ปีข้างหน้า

 www.waddeeja.com

สมาคมคนพิการทางการเคลื่อนไหวสากล

พันตรีศิริชัย  ทรัพย์ศิริ

ผู้แสดงความคิดเห็น พันตรีศิริชัย ทรัพย์ศิริ วันที่ตอบ 2007-09-10 19:20:09 IP : 124.121.142.156


ความคิดเห็นที่ 3 (1151674)

ด้าน ภราเดช พยัฆวิเชียร ที่ปรึกษา 11 การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย กล่าวในงานเดียวกันว่า สภาวะโลกร้อนเป็นผลกระทบต่อการท่องเที่ยวโดยตรง เพราะการที่เราจะท่องเที่ยว ก็จะต้องคำนึงถึงสภาวะอากาศ ต้องดูสภาพอากาศที่ดีและไม่เป็นช่วงฤดูมรสุม การเปลี่ยนแปลงสภาวะโลกร้อน จึงเป็นผลกระทบโดยตรงต่อการท่องเที่ยวไทย
       
       "การเปลี่ยนแปลงสภาวะโลกร้อนที่เราสามารถจับต้องได้ 3 สภาวะคือ หนึ่ง อุณหภูมิโลกที่สูงขึ้น สอง ระดับน้ำทะเลที่สูงขึ้น สาม ดินฟ้าอากาศที่แปรปรวนอย่างรุนแรง ทำให้ฤดูกาลท่องเที่ยวสั้นลง การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้มีผลกระทบมาก และปัญหาที่ใหญ่อีกปัญหาคือมลภาวะจากการเดินทาง ซึ่งเป็นปัจจัยหนึ่งที่มีผลต่อการเปลี่ยนแปลงสภาวะต่างๆ
       
       โดยการเดินทางทางอากาศจะมีผลต่อสภาวะเรือนกระจกมากกว่าทางบก 2-4 เท่า เพราะมลพิษการเดินทางทางอากาศสามารถเข้าสู่สภาวะเรือนกระจกได้เป็นอย่างดี จึงเป็นจุดที่ประเทศพัฒนาแล้ว โจมตีประเทศที่ยังไม่ได้พัฒนาหรือกำลังพัฒนาอย่างไทยในการเข้ามาท่องเที่ยว และรณรงค์ไม่สนับสนุนให้ท่องเที่ยวในประเทศไม่มีความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม" ภราเดช กล่าว
       
       ดังนั้น อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวไทย จึงควรที่จะเริ่มต้นในการปรับเปลี่ยนรณรงค์การท่องเที่ยวแบบอนุรักษ์ธรรมชาติ เพื่อลดสภาวะโลกร้อน และมีการจัดการของผู้ที่เกี่ยวข้องอย่างโรงแรม หรือสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ให้มีการจัดการต่อสิ่งแวดล้อมเพื่อรับผิดชอบต่อสังคม จึงจะสามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวได้

 www.waddeeja.com

สมาคมคนพิการทางการเคลื่อนไหวสากล

พันตรีศิริชัย  ทรัพย์ศิริ

ผู้แสดงความคิดเห็น พันตรีศิริชัย ทรัพย์ศิริ วันที่ตอบ 2007-09-10 19:21:52 IP : 124.121.142.156


ความคิดเห็นที่ 4 (1151678)

อุณหภูมิโลกสูงขึ้นการก่อตัวของพายุก็รุนแรงมากขึ้นเช่นกัน

       เตรียมรับมือโลกร้อน
       
       ดร.ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ อาจารย์คณะประมง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ผู้เชี่ยวชาญด้านแนวปะการังและการท่องเที่ยวซึ่งเป็นผู้หนึ่งที่สนใจศึกษาภาวะโลกร้อน ได้กล่าวไว้ในคอลัมน์ Around & Outside ในหนังสือพิมพ์ผู้จัดการรายวัน เกี่ยวกับการรับมือภาวะโลกร้อนว่า
       
       ในภาพรวมนั้นการรับมือแบ่งเป็น "บรรเทา" หรือการลดก๊าซเรือนกระจก (Mitigation) และ "ปรับตัว" หรือการปรับให้เข้ากับภาวะโลกแปรปรวน (Adaptation)
       
       ทางแรกคือการบรรเทาภาวะโลกร้อนด้วยการประหยัดพลังงาน การประหยัดพลังงานไฟฟ้า โดยเฉพาะเครื่องปรับอากาศ ส่วนการปรับตัว ต้องเริ่มจากการอนุรักษ์สิ่งที่มีอยู่ให้ดีสุด อย่าทำอะไรไปช่วยกระตุ้นปัญหา เช่น การกัดเซาะชายฝั่ง ปัญหาส่วนหนึ่งเกิดจากการก่อสร้างโน่นนี่นั่นลงไปในทะเล จึงควรมีการดูแลในเรื่องนี้อย่างจริงจัง
       
       และการอนุรักษ์ยังรวมถึงแนวปะการัง ป่าชายเลน และแหล่งหญ้าทะเล ที่เป็นเสมือนกำแพงธรรมชาติอยู่แล้ว คลื่นที่เกิดจากพายุในภาวะโลกร้อน แม้ไม่รุนแรงเท่าสึนามิ แต่เกิดขึ้นบ่อยครั้ง มากันเป็นประจำ กำแพงธรรมชาติเหล่านี้ยิ่งมีความสำคัญ จำเป็นต้องเก็บไว้อย่างดี หรืออาจจะช่วยเสริม เช่น การปลูกป่าชายเลนเพิ่ม
       
       "การปรับตัวเพื่อรับมือกับผลกระทบทางอ้อม ทำได้โดยสร้างความมั่นใจให้นักท่องเที่ยว ทั้งระบบรักษาความปลอดภัย ที่ไม่ต้องว่ากันถึงขั้นระดับชาติหรือระดับภูมิภาค เอาแค่ระดับเล็กใกล้ตัว เช่น ถนนหนทางต้องปลอดภัย อยู่ในสภาพดี พาหนะทุกรูปแบบได้รับการดูแล ให้ถูกต้องตามกฎหมาย โดยเฉพาะเรือที่อาจต้องเผชิญกับพายุหรือคลื่นหนักขึ้น ต้องมีชูชีพให้ครบ รับคนไม่เกินกำหนด หน่วยงานที่ควบคุมต้องตรวจสอบเป็นประจำ
       
       การรายงานข่าวและการแจ้งเตือนภัยต่าง ๆ เช่น น้ำป่า ดินถล่ม ต้องยกระดับให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น รวมทั้งมีรูปแบบการอพยพที่ชัดเจน เพื่อรับมือกับภัยพิบัติแบบต่าง ๆ ที่ไม่จำกัดเฉพาะสึนามิหรือแผ่นดินไหว เมื่อเราทำเช่นนั้นได้ ประชาสัมพันธ์ออกไป จะสร้างความมั่นใจให้นักท่องเที่ยวได้เยอะ" อ.ธรณ์ กล่าว
       
       ณ วันนี้วิกฤตโลกร้อนไม่ใช่เรื่องไกลตัวอีกต่อไป ดังนั้นเราจึงควรตระหนักและใส่ใจร่วมมือป้องกันก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินแก้ไข

www.waddeeja.com

สมาคมคนพิการทางการเคลื่อนไหวสากล

พันตรีศิริชัย  ทรัพย์ศิริ

ผู้แสดงความคิดเห็น พันตรีศิริชัย ทรัพย์ศิริ วันที่ตอบ 2007-09-10 19:23:55 IP : 124.121.142.156


ความคิดเห็นที่ 5 (1154123)
่่ผลจากการเห็น แก่ตัวของทั้งนั้น
ผู้แสดงความคิดเห็น Man วันที่ตอบ 2007-09-13 09:07:24 IP : 203.113.44.73


ความคิดเห็นที่ 6 (1218662)

คิดสวนทาง-โลกร้อนแล้ว รู้แล้วหรือยัง

เรื่องสภาวะโลกร้อนดูจะเป็นประเด็นนำไปสู่หัวข้อในการพูดคุยกันมากขึ้นในระยะนี้กระแสความตื่นตัวนี้ต้องยกเครดิตให้กับ อดีตรองประธานาธิบดีของสหรัฐอเมริกา Al Gore

ที่ได้ศึกษาค้นคว้าและนำไปสู่การรณรงค์ต่อต้านปัจจัยต่างๆ ที่เป็นสาเหตุทำให้เกิดสภาวะโลกร้อนขึ้น โดยเฉพาะเนื้อหาสาระจากภาพยนตร์สารคดีเรื่อง The Inconvenient Truth ของเขาที่เพิ่งได้รับรางวัลตุ๊กตาทองสาขาภาพยนตร์สารคดียอดเยี่ยมไปเมื่อต้นปีนี้ แต่กลุ่มนี้มีการเคลื่อนไหวอย่างเอาจริงเอาจังก่อนหน้านี้กว่า 20 ปี น่าจะเป็นกลุ่มที่เรียกตัวเองว่า Green Peace

ในปัจจุบันกลุ่มนักวิทยาศาสตร์ทั่วโลกได้กำลังศึกษาค้นคว้าและติดตามสังเกตการณ์การเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิของโลกอย่างใกล้ชิดโดยคณะทำงานระหว่างประเทศที่มีชื่อย่อว่า IPCC (Intergovernmental Panel on Climate Change) ซึ่งได้ทำการติดตามการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิในบรรยากาศของโลกมานานกว่า 20 ปี ได้มีรายงานสรุปผลออกมาว่า สาเหตุที่ทำให้เกิดภาวะโลกร้อนคือ Green House Effect อันเป็นผลมาจากน้ำมือมนุษย์นี้ถึง 90% โดยเฉพาะจากโรงงานอุตสาหกรรมที่ใช้พลังงานความร้อนจากถ่านหิน (Fossil Fuel)

คณะทำงานชุดนี้ได้แบ่งการศึกษาค้นคว้าการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิในบรรยากาศของโลกนี้ออกเป็น4 เรื่อง คือ

1. Drivers of Climate Change ตัวผลักดันให้เกิดความเปลี่ยนแปลงของภูมิอากาศ

2. Observed Climate Change การสังเกตการเปลี่ยนแปลงของภูมิอากาศ

3. Attribution of Observed Change ผลอันสืบเนื่องมาจากการเปลี่ยนแปลง

4. Projections of Future Change การประมาณการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นในอนาคต

เนื่องจากพื้นที่มีจำกัดสำหรับผู้ที่สนใจหาอ่านได้จากนิตยสารScientific American ฉบับเดือนสิงหาคม หรือเข้าไปใน http://www.sciam.com/ เพื่อหาข้อมูลเพิ่มเติม

สิ่งที่น่าหวาดหวั่นคือเนื้อหาในหัวข้อที่4. โดยเฉพาะในทวีปเอเชีย เมื่ออุณหภูมิของโลกเพิ่มขึ้น จะทำให้น้ำแข็งบนยอดเขาหิมาลัยละลายและจะต้องเจอกับภัยจากดินถล่ม ระดับน้ำทะเลจะสูงขึ้น ทำให้เกิดภาวะน้ำท่วมมากมาย แต่น้ำดื่มน้ำใช้จะขาดแคลน เกิดโรคระบาด การเพาะปลูกไม่ได้ผล ในขณะเดียวกันประชากรกลับเพิ่มขึ้น ทำให้เกิดการอดอยากเนื่องจากอาหารไม่พอเพียง และอนาคตที่ว่านี้คืออีก 10 กว่าปีข้างหน้านี้เอง

นักวิทยาศาสตร์ประมาณการว่าปริมาณคาร์บอนไดออกไซด์ในบรรยากาศต้องเกิน 445 ppm (parts per million, 1:1,000,000 ส่วน) ในปี 2015 ถึงจะทำให้โลกยังอยู่กันเป็นปกติสุข แต่ในปี 2007 นี้ ปริมาณคาร์บอนไดออกไซด์ในอากาศขึ้นไปเฉียด 440 ppm แล้ว ถ้ามนุษย์ยังไม่ยอมเปลี่ยนแปลงแก้ไขพฤติกรรมการบริโภคของตัวเอง เราจะต้องประสบกับเหตุการณ์ต่างๆ ที่เขาทำนายไว้ทั้งสิ้น

เป็นนักดนตรีทำไมมาสนใจเรื่องนี้ผู้อ่านคงนึกสงสัย ก็เพราะว่าลูกสาวผมเพิ่งอายุ 6 ขวบ ผมไม่รู้ว่า เธอจะต้องไปผจญกับภัยพิบัติจากสภาวะโลกร้อนนี้อย่างไรบ้าง รุ่นผมก็คงจะได้สัมผัสบ้างในระยะต้นๆ แต่รุ่นลูกทั้งลูกผมลูกคุณจะต้องไปเจอกับมันเต็มๆ เรายังพอมีกำลังมีความรู้ความสามารถที่จะเข้าร่วมด้วยช่วยกันอย่างไรให้มันมากขึ้นกว่านี้ มากกว่าแค่เป็นหัวข้อพูดคุยฟังดูโก้เก๋ว่า เป็นคนทันสมัยทันต่อเหตุการณ์แค่นั้น

จิรพรรณ อังศวานนท์

http://www.apdi2002.com

สมาคมคนพิการทางการเคลื่อนไหวสากล

พันตรีศิริชัย ทรัพย์ศิริ

ผู้แสดงความคิดเห็น พันตรีศิริชัย วันที่ตอบ 2007-10-23 18:35:20 IP : 124.121.136.150


ความคิดเห็นที่ 7 (1233081)

นักวิทยาศาสตร์เตือน การสูญพันธุ์พืช-สัตว์ครั้งที่ 6


อุณหภูมิในโลกสูงขึ้นเรื่อยๆ ทำให้นักวิทยาศาสตร์ชาวอังกฤษเตือนว่า อาจเกิด "การสูญพันธุ์ครั้งใหญ่ครั้งที่ 6" โดยจะทำให้สัตว์และพืชราว 50% สูญหายไปจากโลก

ดร.ปีเตอร์ เมย์ฮิว หัวหน้านักวิทยาศาสตร์จากยูนิเวอร์ซิตี้ ออฟ ยอร์ก และยูนิเวอร์ซิตี้ ออฟ ลีดส์ เปิดเผยว่า ในประวัติศาสตร์ของโลกนั้นพบความเกี่ยวโยงระหว่างอุณหภูมิและการสูญพันธุ์ โดย 4 ใน 5 การสูญพันธุ์ครั้งใหญ่ของโลกนั้น เกี่ยวข้องกับขั้นกรีนเฮ้าส์ คือ อากาศร้อนและมีความชื้นสูง

สำหรับการสูญพันธุ์ครั้งใหญ่ของโลก เกิดขึ้นมาแล้ว 5 ครั้ง คือ ในยุคออร์โดวิเชียน ยุคเดโวเนี่ยน ยุคเพอร์เมียน ยุคไทรอัสสิค และยุคครีเทเชียส โดยสิ่งมีชีวิตราว 80-85% สูญพันธุ์ในยุคเดโวเนียน หรือประมาณ 365 ล้านปีก่อน ส่วนการสูญพันธุ์ครั้งใหญ่ที่สุดเกิดขึ้นในยุคเพอร์เมียน หรือประมาณ 250 ล้านปีก่อน มีพืชและสัตว์สูญพันธุ์ถึง 96% ขณะที่ไดโนเสาร์สูญพันธุ์ในยุคครีเทเชียส หรือ 65 ล้านปีก่อน โดยพบอิริเดียมอยู่ในฟอสซิลในช่วงนั้นสูงกว่าปกติราว 300-500 เท่า คาดว่าโลกอาจชนกับสะเก็ดดาวเคราะห์

สาเหตุที่ทำให้เกิดการสูญพันธุ์ครั้งใหญ่ มีทั้งอากาศร้อน อากาศหนาว ก๊าซมีเทนที่ระเหิดออกจากพื้นทะเล ขาดออกซิเจนในทะเล เกิดโรคระบาด แผ่นดินไหว ระดับน้ำเปลี่ยนแปลงอันเนื่องมาจากภูเขาไฟระเบิด แสงอัลตราไวโอเลต รังสีเอกซเรย

http://www.apdi2002.com

สมาคมคนพิการทางการเคลื่อนไหวสากล

พันตรีศิริชัย ทรัพย์ศิริ

ผู้แสดงความคิดเห็น พันตรีศิริชัย วันที่ตอบ 2007-11-01 19:21:32 IP : 124.121.141.81


ความคิดเห็นที่ 8 (1236392)

"โลกร้อน" จะทำคนอดอยากหลายร้อยล้าน จีน-ออสซี่ขาดแคลนน้ำถึงขั้นวิกฤต

โรงงานถ่านหินหนึ่งในตัวการพลังงานจากฟอสซิลที่สร้างปัญหาให้แก่โลกไม่น้อย

เอเจนซี/เอเอฟพี - อุณหภูมิที่เพิ่มสูงขึ้นจะทำให้ผู้คนอีกหลายร้อยล้านหิวโหย ภายในปี 2080 และเป็นสาเหตุให้เกิดการขาดแคลนน้ำถึงขั้นวิกฤตในจีนและออสเตรเลีย รวมไปถึงบางส่วนของยุโรปและสหรัฐฯ นักวิทยาศาสตร์เตือนไว้ในรายงานสภาพภูมิอากาศโลกฉบับใหม่ที่รั่วออกมา
       
       ยังไม่ทันที่ตัวรายงานของคณะกรรมาธิการระหว่างรัฐบาลว่าด้วยความเปลี่ยนแปลงของภูมิอากาศ (IPCC) จะประกาศออกมาอย่างเป็นทางการ ซึ่งเหล่านักวิทยาศาสตร์กำลังแก้ไข แต่ข้อมูลบางส่วนที่เกี่ยวกับร่างรายงานดังกล่าวก็ได้รั่วไหลออกมา โดยระบุว่า ภายในสิ้นศตวรรษนี้ การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศจะทำให้ผู้คนประมาณ 1,100 ล้าน ถึง 3,200 ล้านคน ขาดแคลนน้ำ ขณะที่อุณหภูมิจะเพิ่มสูงขึ้นประมาณ 2-3 องศาเซลเซียส
       
       รายงานส่วนที่สองดังกล่าว ซึ่งมีกำหนดจะเผยแพร่ในเดือนเมษายน แต่ นสพ.ดิเอจ (The Age) ของออสเตรเลีย นำรายละเอียดมาตีพิมพ์ก่อน ระบุว่า คนทั่วโลกอีก 200 ถึง 600 ล้านคน จะขาดแคลนอาหารในอีก 70 ปีข้างหน้า และน้ำท่วมชายฝั่งจะทำลายบ้านเรือนอีก 7 ล้านหลัง
       
       "ข่าวสารที่ได้ออกมาก็คือ ทุกภูมิภาคของโลกจะได้รับผลกระทบ" ดร.แกรม เพียร์แมน ซึ่งเป็นผู้ช่วยร่างรายงานชิ้นนี้ กล่าว
       
       "ถ้าลองดูที่จีน เช่นเดียวกับออสเตรเลีย ปริมาณน้ำฝนในพื้นที่เกษตรกรรมของพวกเขาจะขาดหายไปเป็นจำนวนมาก" เพียร์แมน อดีต ผอ.ด้านสภาพภูมิอากาศขององค์การศึกษาวิจัยวิทยาศาสตร์และอุตสาหกรรมของออสเตรเลีย เผย
       
       ทวีปแอฟริกาและประเทศยากจน เช่น บังกลาเทศ จะเป็นที่ซึ่งได้รับผลกระทบมากที่สุด เพราะพวกเขามีความพร้อมจะรับมือกับภัยตามชายฝั่งและความแห้งแล้งที่ทวีความรุนแรงขึ้นน้อยที่สุด เพียร์แมนกล่าว
       
       ไอพีซีซี ซึ่งประกอบด้วยผู้เชี่ยวชาญระดับท็อปด้านภูมิอากาศจากทั่วโลก กำหนดจะเผยแพร่ส่วนแรกของรายงานฉบับนี้ในวันศุกร์ที่ 2 ก.พ.ที่กรุงปารีส โดยจากเนื้อหาซึ่งรั่วออกมาแล้วเช่นกัน ไอพีซีซีคาดไว้ในเนื้อหาของส่วนแรกนี้ว่า ภายในปี 2100 อุณหภูมิโลกจะเพิ่มสูงขึ้นประมาณ 2 ถึง 4.5 องศาเซลเซียส จากระดับก่อนยุคอุตสาหกรรม โดยมีการ "ประมาณแบบเจาะจงที่สุด" อยู่ที่ 3 องศา
       
       รายงานส่วนแรกนี้ มุ่งสรุปรวบรวมหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ล่าสุดที่เกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ ส่วนรายงานส่วนที่สองของเดือนเม.ย. จะกล่าวถึงรายละเอียดผลกระทบของภาวะโลกร้อนและทางเลือกต่างๆสำหรับการปรับตัวรับมือ
       
       ตามข่าวของดิเอจ ร่างรายงานส่วนที่สอง มีบทหนึ่งที่กล่าวถึงออสเตรเลียทั้งบท โดยเวลานีี้้แดนจิงโจ้ก็กำลังเผชิญกับภัยแล้งรุนแรงที่สุดนับแต่มีการบันทึกมา รายงานเตือนว่า ปรากฏการณ์ปะการังฟอกขาวในแนวปะการัง Great Barrier Reef อาจกลายเป็นปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นทุกปี ภายในปี 2030 เป็นอย่างเร็ว เนื่องจากอุณหภูมิน้ำทะเลที่เพิ่มสูงขึ้น และเป็นกรดมากยิ่งขึ้น ทั้งยังเตือนด้วยว่า แนวปะการังดังกล่าว อาจ "สูญพันธุ์" ลงได้
       
       นอกจากนี้ หิมะจะหายไปจากเทือกเขาฝั่งตะวันออกเฉียงใต้ของออสเตรเลีย ขณะที่ปริมาณน้ำที่ไหลเข้าไปยังลุ่มแม่น้ำเมอร์เรย์-ดาร์ลิง ซึ่งเป็นเขตเพาะปลูกสำคัญของประเทศ จะลดลงประมาณ 10 ถึง 25% ภายในปี 2050
       
       สำหรับในยุโรป ธารน้ำแข็งจะหายไปจากเทือกเขาแอลป์ตอนกลาง ส่วนประเทศที่เป็นเกาะในมหาสมุทรแปซิฟิกจะถูกเล่นงานอย่างหนักจากระดับน้ำทะเลที่เพิ่มสูงขึ้นและพายุโซนร้อนที่จะเกิดบ่อยขึ้น
       
       นอกจากรายงานของไอพีซีซีแล้ว เมื่อวันที่ 29 ม.ค. ก็มีรายงานข้อมูลโดยโครงการสิ่งแวดล้อมของยูเอ็น (UNEP) ระบุว่า ธารน้ำแข็งทั่วโลกกำลังละลายเพิ่มมากขึ้น ซึ่งก็เป็นสัญญาณเด่นชัดว่า ปรากฏการณ์สภาพภูมิอากาศเปลี่ยนแปลงใหญ่ ได้เริ่มก่อตัวขึ้นแล้ว
       
       ธารน้ำแข็งที่อ้างในรายงานจำนวน 30 แห่ง ซึ่งหน่วยงาน World Glacier Monitoring Service เป็นผู้เฝ้าติดตาม มีความหนาลดลงโดยเฉลี่ยประมาณ 66 ซม. ในปี 2005
       
       "ข้อมูลชิ้นใหม่นี้ ยืนยันแนวโน้มการละลายที่รวดเร็วขึ้นในช่วง 2 ทศวรรษครึ่งที่ผ่านมา" คำแถลงของUNEP ระบุ
       
       การก่อตัวของธารน้ำแข็งทั่วโลกลดลงโดยเฉลี่ยประมาณ 10.5 เมตร ตั้งแต่ปี 1980 ในทศวรรษนี้ ธารน้ำแข็งดังกล่าว ละลายโดยเฉลี่ยแต่ละปีเร็วกว่าในช่วงทศวรรษ 90 ประมาณ 1.6 เท่า และละลายเร็วกว่า ในทศวรรษ 80 ประมาณ 6 เท่า

http://www.apdi2002.com

สมาคมคนพิการทางการเคลื่อนไหวสากล

พันตรีศิริชัย ทรัพย์ศิริ

ผู้แสดงความคิดเห็น พันตรีศิริชัย วันที่ตอบ 2007-11-03 15:48:53 IP : 124.121.139.208


ความคิดเห็นที่ 9 (1238950)
 
วันที่ 05 พฤศจิกายน พ.ศ. 2550 ปีที่ 30 ฉบับที่ 10831

An Inconvenient Fact : ความจริงที่ อัล กอร์ ไม่ได้บอก!


คอลัมน์ Active Opinion

โดย สุรพล จินดาอินทร์




แสงอาทิตย์ที่แผ่รังสีมายังโลกทุกวันนี้ ปริมาณความร้อนราว 70% ถูกดูดซับไว้ เกิดเป็นความอบอุ่นในอุณหภูมิที่พอเหมาะแก่การเจริญพันธุ์ของสิ่งมีชีวิตทั้งหลาย รวมทั้งมนุษย์ อีกราว 30% สะท้อนกลับไปยังดวงอาทิตย์ จะถึงหรือไม่ ไม่สำคัญ มันเป็นเช่นนี้มานับล้านปีแล้ว

แต่ไม่กี่สิบปีที่ผ่านมา 30% ที่ว่าสะท้อนกลับไปยังดวงอาทิตย์ไม่ได้ มันถูก "มือดี" ที่เรียกว่า "ก๊าซเรือนกระจก" กักตัวไว้ ความร้อนจึง "สะสม" อยู่บนผิวโลกมากขึ้น เรื่องนี้ที่สำคัญ

ในทางวิชาการจะเรียก ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ก๊าซมีเธน ไนตรัสอ๊อกไซด์ ซัลเฟอร์เฮ็กซ่าฟลูออไรด์ ฯลฯ หรือแม้แต่น้ำที่ระเหยกลายเป็นไอ รวมๆ กันว่าเป็น "ก๊าซเรือนกระจก" ที่ก่อให้เกิด "ภาวะ" ที่เหมือนกับที่เกิดขึ้นใน "เรือนกระจก" ที่เราใช้เพาะชำต้นไม้ คือมีความร้อนเกิดขึ้นสูงกว่าบริเวณข้างเคียง คล้ายกับความร้อนที่เกิดขึ้นและไม่สามารถระบายออกได้ใน "โปง" ผ้าห่ม ก๊าซเหล่านี้ส่วนใหญ่เกิดจากการใช้พลังงานที่มาจาก "ฟอสซิล" เช่น น้ำมัน ถ่านหิน ก๊าซธรรมชาติ หรือสารประกอบไฮโดรคาร์บอน ส่งผลให้ระดับคาร์บอนไดออกไซด์ในปัจจุบันสูงเกิน 300 ppm (300 ส่วนในล้านส่วน) เป็นครั้งแรกในรอบกว่าหกแสนปี

นี่คือ "ความจริง" ที่อัล กอร์ อธิบายไว้ในภาพยนตร์รางวัลเกียรติยศจากเวทีออสการ์ครั้งที่ 79 เรื่อง An Inconvenient Truth เขาทำได้ดีทีเดียว ใช้ข้อมูล สถิติต่างๆ ที่สะสมไว้อย่างมีศิลปะ โน้มน้าวให้ผู้ชมเห็นคล้อยกับสิ่งที่นำเสนอ นี่ถ้าไม่ถูกจอร์จ บุช "โกง" ที่ฟลอริด้า คงได้เป็นประธานาธิบดีไปแล้วเมื่อ พ.ศ.2543 บุชผู้ลูก-นอกจากจะไม่ช่วย "ลด" ยังชอบ "เพิ่ม" อีกต่างหาก โดยเฉพาะอุณหภูมิการเมืองระหว่างประเทศ



แต่ไม่เป็นไรเพราะทันทีที่ราชบัณฑิตของสวีเดน ประกาศว่า อัล กอร์ และ IPCC - Intergovernmental Panel on Climate Change ได้รับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพ เชื่อว่าทุกคนคงยอมรับได้ว่าเขาคือ "ประธานาธิบดี"

เขาทำให้พวกเราผิวเหลืองๆ "สุก" เปล่งปลั่งดั่งสีทอง การลำดับขั้นตอน ตัวเลข ภาพกราฟิคจากคอมพิวเตอร์ ทำได้ยิ่งกว่ามืออาชีพ ไม่เสียแรงที่เป็นถึงผู้บริหารของบริษัทชั้นนำอย่างแอปเปิ้ล

แม้ว่าศาลสูงในอังกฤษจะบอกผู้บริหารโรงเรียนว่า หากจะนำไปฉายให้เด็กนักเรียนดู ต้องเตือนกันไว้ก่อนว่ามันก็แค่ "หนังไซ-ไฟ" เรื่องหนึ่ง มันมี "ความจริง" ที่โต้แย้งได้ถึง 11 จุด ที่สำคัญหนังยังฝักใฝ่การเมืองแบบ "เลือกข้าง" ซึ่งผิดกฎหมายอังกฤษ แท้จริงแล้วไม่มีใครรู้ว่าอังกฤษกำลังป้องกันตัวเองออกไปเป็น "พยาน" หรือเปล่า? เพราะมันมี "ความจริง" ที่ใครๆ ก็รู้ว่าอังกฤษ คือ "ตัวการใหญ่" ในการปล่อย "ก๊าซเรือนกระจก" เหมือนกัน

หากธรรมชาติจะผิดเพี้ยนไป น้ำแข็งที่ขั้วโลกละลายแบบผิดปกติ อุณหภูมิเปลี่ยนแปลงกะทันหัน เกิดพายุฝนฟ้าคะนองที่รุนแรงขึ้นทุกวัน แผ่นดินเลื่อนลั่น ยุบตัว น้ำท่วม ภัยแล้ง อีกจิปาถะ ที่เป็นภัยพิบัติคุกคามมนุษย์ทุกวันนี้ ก็ไม่น่าจะมา "ปะทุ" ขึ้นในวันนี้ ธรรมชาติต้องใช้เวลาในการ "สะสม" พลังงาน นานนับล้านปี ที่สำคัญธรรมชาติมีกลไกบางอย่างที่จะรักษา "สมดุล" เอาไว้

เป็นที่น่าสงสัยว่า "ภาวะโลกร้อน" มี "ก๊าซเรือนกระจก" เป็นผู้ต้องหาเพียงรายเดียวหรือ?

หากไปถามชาวเมืองฮิโรชิมาและนางาซากิว่า ยังจำภาพความย่อยยับจากการโดนถล่มด้วยระเบิดนิวเคลียร์ได้หรือไม่? เชื่อว่าผู้ยังมีชีวิตอยู่คงอธิบายถึง "อานุภาพ" ความเสียหายร้ายแรงของ "Little Boy" มี "ความกลัว" ตามหลอกหลอนมนุษยชาติ กลัวว่าคนอื่นจะมาทำร้ายตนเอง จึงหาความชอบธรรม "ปกป้อง" ตัวเอง ด้วยการสะสมอาวุธนิวเคลียร์ที่เชื่อกันว่าจะนำ "สันติภาพ" และขจัดความกลัวออกไปได้

นี่คือที่มาของการทดลองระเบิดนิวเคลียร์ใต้ดิน บนดิน ในน้ำ (มหาสมุทร) ในอากาศ ในอวกาศ หรือในที่ลับตาอื่นๆ ที่ไม่มีใครรู้ มหาอำนาจและพวกที่อยากเป็นมหาอำนาจคงปฏิเสธไม่ได้ว่าตนก็คือ "จำเลยร่วม" กับก๊าซเรือนกระจกเช่นกัน ถ้าหากมีการศึกษาค้นคว้า สอบสวนกันอย่างจริงจัง เราอาจจะพบว่านี่คือ "จำเลยหลัก" ผู้กระทำความผิดแต่เพียงผู้เดียวก็เป็นได้

An Inconvenient Truth จึงเป็นความจริงที่ประเทศโลกที่สามอย่างไทย พึง "ตระหนัก" ให้ดี เพราะเกษตรกรไทยก็ตกเป็นหนึ่งใน "ผู้ต้องหา" ที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกเช่นกัน จากการปล่อยให้น้ำท่วมท้องไร่ ท้องนา เป็นเหตุเกิดการหมักหมมและย่อยสลายของพืชพันธุ์และสารอินทรีย์ต่างๆ เกิดเป็น "ก๊าซมีเธน" ขึ้น นอกเหนือไปจากการไม่ช่วยกัน "ควบคุม" ปริมาณก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จากการใช้รถยนต์และเครื่องจักร

เชื่อว่าอีกไม่นานคงมี "กระบวนการ" ลดก๊าซพวกนี้ แน่นอนต้องจ่ายเป็น "เงิน" ให้กับเจ้าของเทคโนโลยี เหมือนกับที่เราต้องจ่ายค่า ISO หรืออาจถูกนำมาเป็น "เงื่อนไข" สำคัญในการไม่รับสินค้าที่ส่งออกไป เพียงเพราะว่า สินค้าเหล่านั้น ไม่มีขบวนการ "ลด" ก๊าซเจ้าปัญหาเหล่านี้

"ความจริง" ที่อัล กอร์ ไม่ได้บอก! เป็น "ฝีมือ" มนุษย์ด้วยกันเองต่างหาก ...หลับตา แล้วจินตนาการว่า ทุกประเทศ "เลิก" การสะสมอาวุธนิวเคลียร์ทั้งหมด นอกจากเราจะได้โลกที่ "เย็น" ลงแล้ว เรายังจะได้โลกที่ "ร่มเย็น" อีกด้วย!

http://www.apdi2002.com

สมาคมคนพิการทางการเคลื่อนไหวสากล

พันตรีศิริชัย ทรัพย์ศิริ


 

ผู้แสดงความคิดเห็น พันตรีศิริชัย วันที่ตอบ 2007-11-05 09:17:49 IP : 124.121.137.87


ความคิดเห็นที่ 10 (1241387)

"บิล คลินตัน"จะแก้ปัญหาโลกร้อนใน 15 นคร รวมกทม.

 

อดีตประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ประกาศแผนโครงการมูลค่า 5พันล้านเหรียญ ช่วยแก้ปัญหาโลกร้อนใน 15 นครใหญ่ของโลก รวมทั้งกรุงเทพฯ

กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ : อดีตประธานาธิบดีบิล คลินตันของสหรัฐฯ ประกาศเมื่อวันพุธ เรื่องแผนฟื้นฟูการสร้างพลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ มูลค่า 5,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือ 175,000 ล้านบาท เพื่อช่วยให้ตึกระฟ้า ตามนครใหญ่ 15 แห่งทั่วโลก ประกอบด้วยกรุงเทพฯ ,กรุงเบอร์ลิน,นครชิคาโก,นครฮุสตัน,นครนิวยอร์ค,นครโจฮันเนสเบิร์ก ,นครการาจี, กรุงลอนดอน,กรุงเม็กซิโก ซิตี้,กรุงโรม,นครเซา เปาโล,กรุงโซล,กรุงโตเกียว และนครโตรอนโต ใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น และช่วยแก้ปัญหาโลกร้อนได้มากขึ้น

แผนการนี้เป็นการร่วมมือกัน ระหว่างมูลนิธิ"คลินตัน" กับบริษัทพลังงานยักษ์ใหญ่สุดของโลก 4 แห่ง และสถาบันการเงินใหญ่สุดของโลกอีก 5 แห่ง ในอันที่จะให้เงินทุนแก่นครต่างๆ รวมทั้งเอกชนที่เป็นเจ้าของตึกระฟ้า เพื่อนำวิธีประหยัดพลังงานต่างๆ ซึ่งเป็นผลดีต่อสภาพแวดล้อมมาใช้ โดยคาดว่าจะช่วยลดการใช้พลังงานลงได้ร้อยละ 20-50 ด้วยการทำให้ระบบการทำความร้อน ระบบแสงสว่าง และระบบปรับอากาศตามอาคารมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

คำประกาศเรื่องนี้มีขึ้นในวันที่ 2 ของการประชุมสุดยอดสภาพอากาศในนครใหญ่ๆของโลก หรือ ซี 40 ที่อดีตประธานาธิบดีคลินตันเป็นเจ้าภาพจัดขึ้นที่นครนิวยอร์ค ซึ่งเริ่มขึ้นเมื่อวันอังคาร เพื่อให้นายกเทศมนตรีจากนครใหญ่สุดและมีมลภาวะมากสุดของโลก 40 เมือง ได้ร่วมกันหารือเรื่องหนทางรับมือกับปัญหาโลกร้อน

สำหรับสถาบันการเงิน 5 แห่งที่ว่า ประกอบด้วย Citigroup Inc., Deutsche Bank AG,  JP MorganChase & Co., UBS AG และ ABN Amro ส่วนบริษัทยักษ์ใหญ่ 4 แห่งประกอบด้วย Honeywell International Inc., Johnson Controls Inc., Siemens AG และ American Standard Cos

 

www.waddeeja.com

สมาคมคนพิการทางการเคลื่อนไหวสากล

พันตรีศิริชัย  ทรัพย์ศิริ

ผู้แสดงความคิดเห็น พันตรีศิริชัย วันที่ตอบ 2007-11-06 22:28:57 IP : 124.121.142.240


ความคิดเห็นที่ 11 (1260984)

กูรูมอง IPCC ชักช้าแก้โลกร้อนไม่ทัน

 

เอเอฟพี – ไอพีซีซีจะแถลงรายงานสำคัญว่าด้วยปัญหาโลกร้อนและวิธีหลีกเลี่ยงผลกระทบที่เลวร้ายที่สุดจากปัญหาดังกล่าว ในการประชุมที่เมืองบาเลนเซีย สเปน ทว่า ผู้เชี่ยวชาญหลายคนกังวลว่ากลไกอันอืดอาดอุ้ยอ้ายของไอพีซีซี ไม่ว่าจะเป็นหลักฉันทามติและการหลีกเลี่ยงความขัดแย้ง อาจส่งผลให้ไม่สามารถแก้ปัญหาภาวะโลกร้อนได้ทันการณ์
       
       
หลังจากคว้ารางวัลโนเบลสาขาสันติภาพ ร่วมกับอดีตรองประธานาธิบดีอัล กอร์ แห่งสหรัฐฯ เมื่อเดือนที่แล้ว คณะกรรมาธิการระหว่างรัฐบาลว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศหรือไอพีซีซี (Intergovernmental Panel on Climate Change: IPCC) ชุดนี้ซึ่งจัดตั้งโดยสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ได้ประชุมกันที่เมืองบาเลนเซีย ในสเปน เมื่อวันที่ 12 พ.ย. ที่ผ่านมา เพื่อจัดทำรายงานสำคัญที่กล่าวถึงปัญหาโลกร้อนและวิธีแก้ไข ให้เสร็จสมบูรณ์ โดยไอพีซีซีมีกำหนดแถลงรายงานฉบับนี้ในการประชุมที่บาเลนเซีย ในวันเสาร์ที่ 17 พ.ย. นี้
       
       
แม้ว่าจะเพิ่งได้รับรางวัลอันทรงเกียรติมาหมาดๆ แต่ไอพีซีซีก็ถูกตั้งข้อกังขามากขึ้นเรื่อยๆ เกี่ยวกับความคืบหน้าที่สำคัญ ทั้งนี้ หลายคนซึ่งรวมถึงผู้ที่อยู่ในไอพีซีซี เกรงว่ารายงานฉบับสำคัญนี้จะล้าสมัยก่อนที่จะตีพิมพ์เผยแพร่เสียอีก ขณะที่คนอื่นๆ วิพากษ์วิจารณ์อย่างเงียบๆ ว่าไอพีซีซีหัวเก่าเกินไปในการตระหนักหยั่งรู้ถึงภัยคุกคามจากภาวะโลกร้อน
       
       
รายงานที่ไอพีซีซีจะแถลงในวันเสาร์นี้ เป็นการสรุปรายงานประเมินซึ่งแบ่งออกเป็น 3 ส่วน ยาว 2,500 หน้า ซึ่งนำออกเผยแพร่ในช่วงต้นปีนี้ ย่อยเนื้อหาลงเป็น“รายงานสังเคราะห์” ซึ่งประกอบด้วยบทสรุปสำหรับผู้กำหนดนโยบาย ยาว 25 หน้า และเอกสารเชิงเทคนิค ยาวประมาณ 70 หน้า
       
       
ผลวิเคราะห์ชิ้นนี้มีน้ำหนักทางการเมืองอย่างมาก โดยจะเป็นเข็มทิศที่ชี้นำแนวทางในการแก้ปัญหาโลกร้อน โดยเริ่มจากการประชุมครั้งสำคัญของยูเอ็นที่จะมีขึ้นที่บาหลี อินโดนีเซีย ในเดือนหน้า
       
       
อย่างไรก็ดี ผู้เชี่ยวชาญบางคนวิตกกังวลว่า กลไกอันอืดอาดอุ้ยอ้ายของไอพีซีซี ซึ่งจัดทำรายงานสรุปฉบับใหม่ได้เพียงในทุกๆ 5 หรือ 6 ปี กำลังล้าหลังอย่างอันตรายยิ่งต่อสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นกับระบบภูมิอากาศของโลก
       
       
ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่ารายงานฉบับใหม่ของไอพีซีซียังไม่ได้รวบรวมหลักฐานใหม่ๆอันน่าตกใจ ซึ่งค้นพบกันในช่วงที่ผ่านมานี้ หลักฐานเหล่านี้รวมถึงภูเขาน้ำแข็งที่กินบริเวณกว้างในแถบขั้วโลกเหนือ ลดขนาดลงเรื่อยๆ ธารน้ำแข็งละลายที่กรีนแลนด์ ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เพิ่มสูงขึ้นในชั้นบรรยากาศ และหลักฐานชัดเจนที่ชี้ว่าโลกมีความสามารถในการดูดซับก๊าซเรือนกระจกได้ช้าลง
       
       
แหล่งข่าวกล่าวว่าเมื่อนำปรากฏการณ์ข้างต้นมารวมเข้าด้วยกัน จะชี้ให้เห็นว่าการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศเกิดขึ้นเร็วกว่าที่คาดไว้ และอาจจะถึงจุดสูงสุดซึ่งเมื่อเลยจุดนี้ไปแล้ว ความเสียหายก็อาจพุ่งสูงขึ้นจนควบคุมไม่ได้
       
       
เจมส์ แฮนเซน นักวิทยาการด้านภูมิอากาศชั้นนำ ซึ่งเป็นผู้อำนวยการสถาบันเพื่อการศึกษาอวกาศก็อดดาร์ด ขององค์การบริหารการบินอวกาศสหรัฐฯ (นาซา) ซึ่งตั้งอยู่ในนครนิวยอร์ก กล่าวว่าในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เราตระหนักว่าการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ ดังเช่นการที่แผ่นน้ำแข็งแยกตัว และระดับน้ำทะเลเพิ่มสูงขึ้นนั้น อาจเกิดขึ้นได้เร็วกว่าที่ไอพีซีซีคาดการณ์ไว้มาก
       
       
ผู้เชี่ยวชาญคนอื่นๆกล่าวว่าไอพีซีซียังมีจุดอ่อนอีกประการก็คือ มักจะหลีกเลี่ยงไม่แสดงความคิดเห็นที่ขัดแย้งที่จะทำให้เกิดการโต้เถียง
       

       
จริงๆ แล้ว ยิ่งคณะกรรมาธิการชุดนี้มีข้อสรุปที่เด็ดขาดหนักแน่นเพียงใด ก็จะยิ่งเพิ่มแรงกดดันต่อผู้กำหนดนโยบายให้ใช้มาตรการแก้ปัญหาโลกร้อน ซึ่งบางมาตรการก็มีผลด้านการเมือง ไม่ว่าจะเป็นการเก็บภาษีจากคาร์บอน มาตรการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์โดยบังคับ ไปจนถึงการลงทุนมหาศาลเพื่อแสวงหาพลังงานหมุนเวียน
       
       
ทว่า บ่อยครั้งเกินไปที่ในเนื้อหาในร่างรายงานได้เน้นย้ำถึงผลจากปัญหาโลกร้อนที่อาจเกิดขึ้น แต่ในรายงานฉบับสุดท้ายกลับลดน้ำเสียงแสดงความวิตกกังวลต่อปัญหาดังกล่าว
       
       
นอกจากนี้ เจมส์ เลิฟล็อก นักวิทยาศาสตร์ชาวอังกฤษยังวิจารณ์ว่า การที่หลักฉันทามติเป็นกลไกควบคุมการดำเนินงานของไอพีซีซี ทำให้ตัวแทนของรัฐบาลเข้าไปยุ่งวุ่นวายกับสิ่งที่ผู้เชี่ยวชาญพยากรณ์อย่างตรงไปตรงมาแต่เป็นเรื่องที่รัฐบาลไม่อยากรับรู้         

 

www.waddeeja.com

สมาคมคนพิการทางการเคลื่อนไหวสากล

พันตรีศิริชัย  ทรัพย์ศิริ

 

ผู้แสดงความคิดเห็น พันตรีศิริชัย วันที่ตอบ 2007-11-15 21:19:40 IP : 124.121.140.145


ความคิดเห็นที่ 12 (1265142)

ภาพถ่ายทางอากาศแสดงสถานีพลังงานบนเกาะ Lamma ซึ่งใช้ถ่านหินผลิตไฟฟ้า ที่ตอบสนองความต้องการพลังงานในฮ่องกงและส่วนอื่นๆของดินแดน ขณะนี้ เป็นที่คาดว่ากลุ่มโรงงานพลังงานในจีนจะแซงหน้าสหรัฐฯในด้านการแพร่ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ตัวการใหญ่ที่ก่อภาวะโลกร้อน-เอเอฟพี

เอเจนซี-คาดการแพร่กระจายก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) จากดงโรงงานพลังงานในจีน แซงหน้าภาคบริการสาธารณะอเมริกาในปี 2017 กลายเป็นแชมป์แพร่กระจายคาร์บอนไดออกไซด์ ตัวการก่อปรากฏการณ์เรือนกระจก
       
       ศูนย์เพื่อการพัฒนาโลก (Centre for Global Development-CGD) หน่วยคลังสมองสหรัฐฯ ที่มีบทบาทหลักในการลดความยากจนโลก ได้เปิดเผยการคาดการณ์ดังกล่าวเมื่อวันพุธ(14 พ.ย.) และยังได้ระบุอีกว่าการขยายตัวทางเศรษฐกิจของจีน จะยิ่งโหมการแพร่กระจายก๊าซเรือนกระจก
       
       รายงานดังกล่าว เปิดเผยในช่วงก่อนหน้าการประชุมรัฐมนตรีสิ่งแวดล้อมโลก ที่บาหลี ประเทศอินโดนีเซียในต้นเดือนธันวาคมนี้ ซึ่งเป็นที่คาดว่าจีนจะโดนนานาชาติรุมกดดันให้ยอมรับข้อตกลงที่เป็นกฎข้อบังคับผูกมัด จำกัดการแพร่กระจายก๊าซตัวการก่อโลกร้อน ในขณะที่จีนพยายามดิ้นรนหามาตรการอื่นๆที่จะช่วยบรรเทาภาวะโลกร้อน เพื่อหลีกเลี่ยงข้อตกลงที่มีผลบังคับหรือผูกมัด โดยอ้างว่าจีนเป็นชาติกำลังพัฒนาที่ยังต้องพัฒนาอีกมากเพื่อแก้ไขปัญหาปากท้องประชาชนกว่า 1,300 ล้านคน ที่ส่วนใหญ่ยังยากจนในประเทศ
       
       CGD ได้สำรวจการแพร่กระจายก๊าซคาร์บอนฯจากโรงงาน 50,000 แห่ง ทั่วโลก ก็พบว่าสหรัฐฯเป็นแชมป์ปล่อยก๊าซโลกร้อนตัวเอ้นี้มากที่สุดในโลกตามด้วยจีน โดยภาคบริการสาธารณะในสหรัฐฯนั้น พ่นก๊าซคาร์บอนฯในแต่ละปี ถึง 2,800 ล้านตัน ขณะที่กลุ่มโรงงานพลังงานในจีน พ่นก๊าซคาร์บอนฯปีละ 2,700 ล้านตัน
       
       “ในแต่ละปี พวกโรงงานพลังงานทั่วโลก ที่มีอยู่ราว 50,000 แห่งนั้น ได้ปล่อยก๊าซคาร์บอนฯ ถึง 10,000 ล้านตัน เฉพาะในสหรัฐฯมีโรงงานพวกนี้ กว่า 8,000 แห่ง คิดเป็นสัดส่วนราวร้อยละ 25 ของโรงงานฯทั้งหมดในโลก”
       
       ในรายงานยังได้ระบุอีกว่าแชมป์ปล่อยคาร์บอนฯมากสุดในสหรัฐฯในแต่ละปี คือ Southern Co ปล่อยก๊าซคาร์บอน 172 ล้านตัน, ตามด้วย American Eletric Power Company Inc, Duke Energy Corp, และ AES Corp
       
       สำหรับแชมป์ปล่อยก๊าซคาร์บอนฯของฝ่ายจีน ได้แก่ Huaneng Power International ปล่อยก๊าซคาร์บอนฯ 292 ล้านตัน ในแต่ละปี
       
       กลุ่มนักวิจัยชี้ว่าการปล่อยก๊าซโลกร้อนของสหรัฐฯนั้น ส่วนหนึ่งก็เนื่องจากมาตรการการดำเนินชีวิตระดับสูง แต่ก็เป็นผลจากนโยบายด้านพลังงานด้วย ขณะที่ยุโรปมีมาตรฐานชีวิตพอๆกับเมกา แต่ภาคพลังงานปล่อยก๊าซคาร์บอนฯน้อยกว่าครึ่งของสหรัฐฯ.

 

www.waddeeja.com

สมาคมคนพิการทางการเคลื่อนไหวสากล

พันตรีศิริชัย  ทรัพย์ศิริ

ผู้แสดงความคิดเห็น พันตรีศิริชัย วันที่ตอบ 2007-11-18 08:10:44 IP : 124.121.136.5


ความคิดเห็นที่ 13 (1276668)

แนะเอเชียพัฒนาศก.คู่แก้วิกฤตโลกร้อน


กรุงเทพฯ/มะนิลา (เอเอฟพี/ เอพี) *** ยูเอ็นแนะชาติกำลังพัฒนาในเอเชียเร่งขยายเศรษฐกิจ ควบคู่ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก

ฮันซุงซู ผู้แทนพิเศษด้าน การเปลี่ยนแปลงสภาวะอากาศ โลก จากองค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) กล่าวเมื่อวันที่ 23 พ.ย. ว่า ประเทศกำลังพัฒนาในเอเชียจำเป็นต้องหาทางขยายการเติบโตทางเศรษฐกิจที่สามารถดำเนินการควบคู่ไปกับการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก

“สิ่งสำคัญที่สุดสำหรับประเทศต่างๆ ในภูมิภาคนี้คือการขจัดความยากจนผ่านการเจริญเติบโตตามเป้าหมายที่น่าจะเป็นไปได้” ฮัน กล่าวระหว่างร่วมงานสัมมนาว่าด้วยสภาวะอากาศโลกเปลี่ยนแปลงในกรุงเทพฯ

ฮัน กล่าวด้วยว่า ประเทศในเอเชียปล่อยก๊าซเรือนกระจกรวมกันคิดเป็น 34% ของการปล่อยก๊าซเรือนกระจกโดยรวมของโลก ทั้งนี้ ก๊าซเรือนกระจกเป็นสาเหตุทำให้เกิดโลกร้อน และการปล่อยก๊าซเรือนกระจกส่วนใหญ่เกิดจากการบริโภคพลังงานจำนวนมากและการตัดไม้ทำลายป่า

นอกจากนี้ ฮัน กล่าวด้วยว่าประเทศกำลังพัฒนาอยู่ระหว่างการจำกัดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ทว่าประเทศเหล่านี้ไม่อาจดำเนินนโยบายดังกล่าวได้อย่างมีประสิทธิภาพเพียงพอที่จะต่อสู้กับการเปลี่ยนแปลงของสภาวะอากาศโลกได้ด้วยตัวเอง

“พวกเขาไม่อาจช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้อย่างที่โลกต้องการ” ฮัน กล่าว พร้อมทั้งเรียกร้องให้ทั่วโลกออกมาตรการร่วมกันในการแก้ปัญหานี้ระหว่างการประชุมระดับนานาชาติที่เกาะบาหลี ในวันที่ 3-14 ธ.ค. นี้

“เราจำเป็นต้องบรรลุถึงข้อตกลงที่เข้าใจได้และหนักแน่น” ฮัน กล่าว ทั้งนี้ ยูเอ็นหวังว่าภายใต้กรอบดำเนินการประชุมของคณะทำงานว่าด้วยสภาวะอากาศโลกเปลี่ยนแปลงที่บาหลีจะนำไปสู่ข้อตกลงร่วมกันของประเทศที่ร่วมการประชุมในการวางโรดแมปสำหรับการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกนับจากปี 2555 ซึ่งเป็นปีที่สนธิสัญญาเกียวโตหมดอายุ

วันเดียวกันมีรายงานว่า ธนาคารเพื่อการพัฒนาเอเชีย (เอดีบี) เปิดเผยว่า ญี่ปุ่นและอังกฤษจะให้ เงินสนับสนุนภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกในการเพิ่มศักยภาพของภูมิภาค ต่อสู้กับการเปลี่ยนแปลงของสภาวะอากาศโลกรวม 3.6 ล้านเหรียญสหรัฐ (ราว 113 ล้านบาท) โดย เอดีบีในกรุงมะนิลาจะเป็นผู้ดูแลโครงการดังกล่าว

 

www.waddeeja.com

สมาคมคนพิการทางการเคลื่อนไหวสากล

พันตรีศิริชัย  ทรัพย์ศิริ

ผู้แสดงความคิดเห็น พันตรีศิริชัย วันที่ตอบ 2007-11-24 16:07:26 IP : 124.121.142.27


ความคิดเห็นที่ 14 (1304208)

เลขาฯ ยูเอ็น หวังข้อตกลงปัญหาโลกร้อนแล้วเสร็จภายปี 52

 

          นายบัน คี มุน เลขาธิการสหประชาชาติ กล่าวว่า ตนอยากให้กำหนดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่มีผลผูกมัด และการประชุมเรื่องการเปลี่ยนแปลงของอากาศโลกที่เมืองบาหลีของอินโดนีเซีย ควรมุ่งเน้นไปที่การกำหนดตารางเวลาสำหรับการทำข้อตกลงให้แล้วเสร็จภายในปี 2552 นายบัน กล่าวก่อนออกเดินทางไปร่วมประชุมที่บาหลีว่า เป้าหมายสุดท้าย คือ ข้อตกลงเบ็ดเสร็จเรื่องการเปลี่ยนแปลงของอากาศโลกที่ทุกชาติสามารถรับได้ การประชุมที่บาหลีต้องกำหนดวาระหรือแผนไปสู่อนาคตที่ดีกว่า พร้อมทั้งตารางเวลาที่จะทำข้อตกลงให้ได้ภายในปี 2552


        เมื่อวานนี้ จีนระบุว่า จะไม่สนับสนุนข้อเสนอใดๆ ที่บาหลี ถ้าขัดแย้งกับกรอบการทำงานปัจจุบันที่ ยกเว้นประเทศที่เศรษฐกิจกำลังรุ่งเรืองจากการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก จีน และประเทศที่เศรษฐกิจกำลังขยายตัวอย่างคึกคักเช่นอินเดีย กำลังถูกกดดันอย่างหนักจากยุโรป และประเทศอื่นๆ ให้ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกตามที่ประชุม ที่เมืองบาหลีเสนอ

 

www.waddeeja.com

สมาคมคนพิการทางการเคลื่อนไหวสากล

พันตรีศิริชัย  ทรัพย์ศิริ

ผู้แสดงความคิดเห็น พันตรีศิริชัย วันที่ตอบ 2007-12-07 11:41:23 IP : 124.121.137.147


ความคิดเห็นที่ 15 (1307359)

ทั่วโลกเซ็งอีก สหรัฐปัดไม่ลงนามข้อตกลงลดโลกร้อน

สหรัฐออกโรงยันจะไม่ลงนามข้อตกลงลดภาวะโลกร้อนในการประชุมกรุงบาลี ระบุจะหารือกับกลุ่ม 16 ชาติเศรษฐกิจกันเอง ขณะที่อียูโชว์สปิริต ประกาศลงนามลดปล่อยก๊าซคาร์บอนฯแล้ว

สำน้กข่าวต่างประเทศรายงานเมื่อวันที่ 9 พ.ย.ว่า ตัวแทนเจรจาระดับสูงด้านภาวะโลกร้อนของกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐกล่าวว่า สหรัฐจะไม่ลงนามข้อตกลงใด ๆ ในการประชุมลดภาวะโลกร้อนที่กรุงบาหลี ประเทศอินโดนีเซีย เนื่องจากสหรัฐยังไม่มีความพร้อมในเรื่องนี้ แต่สหรัฐจะเปิดการหารือรอบใหม่กับกลุ่ม 16 ประเทศเศรษฐกิจใหญ่ ได้แก่ ยุโรป,ญี่ปุ่น,จีน และอินเดีย เกี่ยวกับแผนลดก๊าซคาร์บอนไดอ๊อกไซด์และก๊าซอื่น ๆ ที่ก่อภาวะเรือนกระจก หลังมีการจัดตั้งกลุ่มดังกล่าวขึ้นเมื่อเดือนก.ย.ปีที่แล้ว

อย่างไรก็ตาม ในการประชุมครั้งนี้ กลุ่มสหภาพยุโรป ได้ตกลงจะลดก๊าซก่อปฎิกิริยาเรือนกระจกลง 20% ก่อนปี 2020 ด้วย

รายงานระบุว่า การประชุมนี้ซึ่งมี 180 ประเทศเข้าร่วม หลายฝ่ายคาดหวังว่า สหรัฐจะยอมลงนามข้อตกลงช่วยลดภาวะโลกรัอน ในขณะที่ทั่วโลกกำลังร่วมกันวางกรอบข้อตกลงต่อจากอนุสัญญากรุง   เกียวโดที่ใกล้จะหมดวาระลงในปี 2555

 

www.waddeeja.com

สมาคมคนพิการทางการเคลื่อนไหวสากล

พันตรีศิริชัย  ทรัพย์ศิริ

ผู้แสดงความคิดเห็น พันตรีศิริชัย วันที่ตอบ 2007-12-09 14:13:34 IP : 124.121.140.171


ความคิดเห็นที่ 16 (1313563)

ผู้นำออสซียื่นเอกสารร่วม “พิธีสารเกียวโต”

 

เมื่อ 12 ธ.ค.ที่ผ่านมา นายเควิน รัดด์ นายกรัฐมนตรีคนใหม่ของออสเตรเลียที่เดินทางไปประชุมเกี่ยวกับปัญหาสภาพภูมิอากาศเปลี่ยนแปลง ที่เกาะบาหลี ของอินโดนีเซีย ได้ยื่นเอกสารที่เขาลงนามเข้าร่วมใน “พิธีสารเกียวโต” กับนายบัน กี มูน เลขาธิการสหประชาชาติ เป็นการรับรองว่าออสเตรเลียได้เห็นด้วยกับข้อตกลงดังกล่าวอย่างเป็นทางการ ทิ้งให้สหรัฐฯกลายเป็นประเทศพัฒนาแล้วชาติเดียวที่ไม่ลงนามในข้อตกลงนี้

 

รายงานระบุการลงนามในพิธีสารเกียวโตจะมีผลบังคับใช้ใน 90 วัน นั่นหมายถึงว่าออสเตรเลียจะเริ่มเป็นสมาชิกข้อตกลงนี้แบบเต็มตัวก็ในวันที่ 11 มี.ค.ปีหน้า หลังมอบเอกสารให้นายบัน ผู้นำออสเตรเลียยังกล่าวอีกว่า เขาจะให้การสนับสนุนเรื่องการผลักดันให้ประเทศพัฒนาแล้วทุกประเทศเข้ามามีส่วนในการแก้ปัญหาภาวะโลกร้อน ด้านสมาชิกพิธีสารเกียวโต 36 ชาติ ให้คำมั่นจะลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลง 5% ในปี 2551-2555

 

เนื่องจากพิธีสารเกียวโตจะหมดอายุลงในปี 2555 และจำเป็นต้องกำหนดข้อตกลงใหม่มาใช้แทน นายบัน เลขาธิการยูเอ็น เรียกร้องให้กำหนดเส้นตายในปี 2552 เพื่อกำหนดมาตรการที่จะนำมาใช้ในข้อตกลงต่อสู้โลกร้อน   

 

www.waddeeja.com

สมาคมคนพิการทางการเคลื่อนไหวสากล

พันตรีศิริชัย  ทรัพย์ศิริ

ผู้แสดงความคิดเห็น พันตรีศิริชัย วันที่ตอบ 2007-12-13 09:02:43 IP : 124.121.137.67


ความคิดเห็นที่ 17 (1453020)

“ปราโมทย์” ยกย่องในหลวงทรงจุดประกายปัญหาโลกร้อน

โดย ผู้จัดการออนไลน์ 29 มกราคม 2551

มก.เสนอผลงานวิจัย 528 เรื่อง หวังกระตุ้นให้เกิดการเรียนรู้ ต่อยอดในการพัฒนามาใช้ได้จริง ขณะที่ “ปราโมทย์” เทิดพระเกียรติพระราชกรณียกิจพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว กับการจัดการสิ่งแวดล้อม พระองค์ยังจุดประกายแก้ปัญหาสภาวะโลกร้อนโดยใช้ระบบธรรมชาติ

วันนี้ (29 ม.ค.) ที่ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ (มก.) จัดประชุมวิชาการ ครั้งที่ 46 “เกษตรศาสตร์เทิดพระเกียรติ 80 พรรษา เพื่อประชาไทยอยู่เย็นเป็นสุข” จัดขึ้นระหว่างวันที่ 29 ม.ค.- 1 ก.พ.นี้ รศ.วุฒิชัย กปิลกาญจน์ อธิการบดี มก.กล่าวว่า วันนี้มีข้าราชการ บุคลากร นิสิต นักศึกษา จากสถาบันการศึกษาและหน่วยงานต่างๆ ทั่วประเทศ ทั้งภาครัฐและเอกชนเป็นผู้ส่งผลงานเข้าร่วมการประชุมจำนวน 624 เรื่อง ใน 12 สาขา ในจำนวนดังกล่าวมีผลงานผ่านการพิจารณากลั่นกรองจากคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิของสาขา ทั้งสิ้น 528 เรื่อง แบ่งเป็นภาคบรรยาย 273 เรื่อง และภาคโปสเตอร์ 255 เรื่อง ซึ่งผลงานเหล่านี้ต้องการกระตุ้นให้เกิดการเรียนรู้ แล้วนำมาพัฒนาต่อยอดและนำมาใช้ได้ในชีวิตจริง

นอกจากจะมีการนำเสนอผลงานวิจัยแล้ว ยังจัดการบรรยาย อภิปราย และเสวนา อาทิ วันที่ 29 ม.ค.มีการบรรยายพิเศษ เรื่อง พระราชกรณียกิจพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว กับการจัดการสิ่งแดล้อม เพื่อแก้ปัญญาโลกร้อน หรือวันที่ 31 ม.ค.2551 มีการอภิปรายพิเศษเรื่อง นักล่าฝันกับวัยรุ่นไทย เป็นต้น

ด้าน นายปราโมทย์ ไม้กลัด นายกสภามก.และผู้บรรยายพิเศษ เรื่องพระราชกรณียกิจพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว กับการจัดการสิ่งแวดล้อม เพื่อแก้ปัญหาโลกร้อน กล่าวว่า ปัจจุบันชาวโลกมีการตื่นตัวกับคำว่า สภาวะโลกร้อน ซึ่งคนส่วนมากต่างวิตกเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงของสภาพดินฟ้าอากาศ ซึ่งมีความแปรปรวนเกิดขึ้นในหลายภูมิภาค พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯทรงสนพระราชหฤทัยและห่วงใยเกี่ยวกับเรื่องนี้ พระองค์ได้มีพระราชกรณียกิจการจัดการสิ่งแวดล้อมและพัฒนาเพื่อการแก้ปัญหาโลกร้อน ทรัพยากรธรรมชาติ ดิน น้ำ ป่าไม้ และสิ่งแวดล้อมตั้งแต่ต้นรัชกาล

อย่างไรก็ตาม มาตรการหลักในการแก้ปัญหาสภาวะโลกร้อน มี 2 มาตรการ คือ 1.มาตรการบรรเทาหรือลดภาวะโลกร้อนโดยตรง เช่น ทรงอนุรักษ์พื้นที่ป่าและสิ่งแวดล้อม ทรงฟื้นฟูสภาพป่าและปลูกป่าทดแทน ทรงอนุรักษ์และฟื้นฟูทรัพยากรดิน ทรงแก้ปัญหาน้ำเน่าเสีย การแก้ปัญหาจราจรในกรุงเทพมหานครและเมืองใหญ่ ทรงเน้นการพัฒนาพลังงานทดแทนเพื่อกู้วิกฤต 2.มาตรการจัดการให้สามารถดำรงชีวิตได้ด้วย ความพอเพียง ที่พอดี เช่น ทรงแก้ปัญหาขาดแคลนน้ำ การทำเกษตรผสมผสาน แบบพึ่งพาธรรมชาติ ปราศจากสารเคมี เป็นต้น

“พระองค์ทรงห่วงประชาชน ทรงจุดประกายการจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเพื่อแก้ปัญหาโลกร้อนอย่างเป็นรูปแบบระบบบูรณาการ และพระราชดำรัสในแต่ละครั้ง ถือว่าพระองค์ทรงเริ่มต้นให้เห็นถึงความสำคัญของปัญหาโลกร้อนที่กระทบต่อประเทศไทย ต่อประชาชนทุกคน และทำให้วงการต่างๆ ทั้งฝ่ายราชการ เอกชน และประชาชน ตระหนักถึงภัยที่จะเกิดขึ้น แล้วตื่นตัวเพื่อร่วมกันแก้ปัญหาสภาวะโลกร้อน” นายกสภา มก.กล่าวทิ้งท้าย

พันตรีศิริชัย ทรัพย์ศิริ

นายกสมาคมคนพิการทางการเคลื่อนไหวสากล

โทร. 02-990-0331

http://www.apdi2002.com

http://www.youtube.com พิมพ์ apdi. หรือ สมาคมคนพิการ

3001510842

smile ยิ้ม

ผู้แสดงความคิดเห็น พันตรีศิริชัย ทรัพย์ศิริ วันที่ตอบ 2008-01-30 08:32:17 IP : 124.121.137.83


ความคิดเห็นที่ 18 (1572274)

29 มี.ค. 2551 รณรงค์ปิดไฟ 1 ชั่วโมง ลดโลกร้อน

นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) เปิดเผยว่า กทม. มีนโยบายจัดกิจกรรมการลดภาวะโลกร้อนอย่างต่อเนื่อง หลังจากจัดกิจกรรมครั้งแรกเมื่อวันที่ 9 พ.ค. 2550 “ปิดไฟ 15 นาที เพื่อกรุงเทพฯ ของเรา” เวลา 19.00-19.15 น. ในถนนสายหลักและในบ้านเรือนซึ่งสามารถลดการใช้ไฟลงได้ถึง 30 เมกะวัตต์ พร้อมจัดกิจกรรมทุกวันที่ 9 ของเดือนมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งในวันที่ 9 ก.พ. 2551 ก็จะจัดกิจกรรมการลดพลังงานในอาคารนั้น สำหรับเดือน มี.ค.นี้ กทม.เตรียมจัดกิจกรรมยิ่งใหญ่กว่าทุกครั้ง โดยนอกจากสานต่อการลดพลังงานในอาคาร ในวันที่ 9 มี.ค. แล้ว ในวันที่ 29 มี.ค.นี้ กทม. เตรียมจัดกิจกรรมอย่างยิ่งใหญ่กว่าทุกครั้ง เพราะจะร่วมกับหลายเมืองทั่วโลกจัดกิจกรรมปิดไฟนาน 1 ชม. ซึ่งเมืองซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย ได้เคยทำ เมื่อเดือน มี.ค. 2550 ประสบผลสำเร็จ สามารถลดพลังงานลงได้ ซึ่งในวันที่ 29 มี.ค.นี้ ที่ซิดนีย์จะมีการปิดไฟ 1 ชม. อีก กทม. ได้รับการประสานให้ร่วมกิจกรรม

นายชาญชัย วิทูรปัญญากิจ ผู้อำนวยการสำนักสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า ภายในเดือนนี้ ผู้ว่าฯกทม. จะเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง 33 หน่วยงานที่เคยลงนามปฏิญญาร่วมกันเช่น การไฟฟ้านครหลวง การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ห้างสรรพสินค้าในเครือข่าย สมาคมโรงแรมไทย สภาอุตสาหกรรม กระทรวง พลังงาน เพื่อวางแคมเปญรณรงค์ให้ปิดไฟในอาคารและถนนสายต่าง ๆ เวลา 20.00-21.00 น. ในวันที่ 29 มี.ค. โดยใช้วิธีสมัครใจ เพื่อวัดผลการใช้พลังงาน จากนั้นวันที่ 30 มี.ค. จะรายงานผลการปิดไฟ โดยในส่วนของ กทม. จะปิดไฟที่ศาลาว่าการ กทม. 1 และ 2 สำนักงานเขตทั้ง 50 เขต ในโรงพยาบาลในส่วนที่ไม่จำเป็น ซึ่งในวันดังกล่าวเมืองต่าง ๆ ทั่วโลกจะร่วมโครงการด้วย เช่น เมืองซิดนีย์ เมืองเมลเบิร์น ออสเตรเลีย เมืองโทรอนโต แคนาดา เมืองโคเปนเฮเกน เดนมาร์ก เมืองชิคาโก อเมริกา เมืองมะนิลา ฟิลิปปินส์.

----------------------------

พันตรีศิริชัย ทรัพย์ศิริ

นายกสมาคมคนพิการทางการเคลื่อนไหวสากล

โทร. 02-990-0331

http://www.apdi2002.com

http://www.youtube.com พิมพ์ apdi. หรือ สมาคมคนพิการ

1802510909

smile ยิ้ม

ผู้แสดงความคิดเห็น พันตรีศิริชัย ทรัพย์ศิริ วันที่ตอบ 2008-02-17 09:00:31 IP : 124.121.138.238


ความคิดเห็นที่ 19 (1684187)
 
วันที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2551 ปีที่ 31 ฉบับที่ 10946


จัดระเบียบเตาเผาลดโลกร้อน




พล.อ.ต.ดร.เพียร โตท่าโรง ผู้อำนวยการสถาบันมาตรวิทยาแห่งชาติ (มว.) กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (วท.) เปิดเผยว่า จากการสำรวจพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่และลำปาง พบว่า มีโรงงานอุตสาหกรรมเซรามิคกว่า 200 แห่ง ซึ่งอุตสาหกรรมดังกล่าวมีกระบวนการที่ก่อให้เกิดการเผาไหม้ และเป็นสาเหตุของภาวะก๊าซเรือนกระจก ล่าสุดได้ลงพื้นที่ที่นิคมส่งเสริมอุตสาหกรรมเครื่องเคลือบ จังหวัดลำปาง ภายใต้ "โครงการยกระดับคุณภาพเครื่องมือวัดของอุตสาหกรรมเซรามิค ที่มีผลต่อภาวะโลกร้อน" พบว่า อุตสาหกรรมดังกล่าวมีกระบวนการที่ก่อให้เกิดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จากการเผาไหม้เกินมาตรฐานเพราะเครื่องวัดอุณหภูมิความร้อนในการผลิตเครื่องเซรามิคไม่ได้มาตรฐานทำให้เครื่องเคลือบต่างๆ เสียคุณภาพกว่าร้อยละ 10 การเผาไหม้เกินความจำเป็นนอกจากสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง ยังก่อให้เกิดก๊าซเรือนกระจกส่งผลเสียต่อสภาพแวดล้อม

พล.อ.ต.ดร.เพียรกล่าวว่า จะนำเครื่องมือวัดอุณหภูมิไปทำการสอบเทียบคุณภาพกับห้องบริการสอบเทียบ ทั้งภาครัฐและเอกชนกว่า 130 แห่งทั่วประเทศ ซึ่งเป็นห้องบริการฯ ที่ได้มาตรฐานโลก ทำให้เครื่องวัดอุณหภูมิสำหรับผลิตเครื่องเซรามิคมีความแม่นยำ ซึ่งจะส่งผลต่อคุณภาพการผลิต และยังช่วยรักษาสิ่งแวดล้อม ปัจจุบันประเทศไทยมีเครื่องมือวัดคุณภาพผลิตภัณฑ์ต่างๆ กว่า 8 ล้านเครื่อง แต่เป็นเครื่องมือที่ได้รับการสอบเทียบจนได้มาตรฐานสากลเพียง 5 แสนเครื่องเท่านั้น หรือคิดเป็นร้อยละ 5 แสดงให้เห็นว่า ที่ผ่านมายังไม่ค่อยมีการเอาใจใส่ถึงคุณภาพของเครื่องมือวัดมาตรฐาน ในอนาคตจะมุ่งสร้างความเข้าใจในโรงงานอุตสาหกรรมเครื่องปั้นดินเผา ที่จังหวัดเพชรบุรี ราชบุรี และนนทบุรี ซึ่งยังมีการเผาเครื่องปั้นดินเผาอีกจำนวนมาก

----------------------------

พันตรีศิริชัย ทรัพย์ศิริ

นายกสมาคมคนพิการทางการเคลื่อนไหวสากล

โทร. 02-990-0331

http://www.apdi2002.com

http://www.youtube.com พิมพ์ apdi. หรือ สมาคมคนพิการ

2802512302

smile ยิ้ม

ผู้แสดงความคิดเห็น พันตรีศิริชัย ทรัพย์ศิริ วันที่ตอบ 2008-02-28 22:52:49 IP : 124.121.144.39


ความคิดเห็นที่ 20 (2862561)

 

พันตรีศิริชัย ทรัพย์ศิริ

นายกสมาคมคนพิการทางการเคลื่อนไหวสากล

โทร. 02-990-0331

www.waddeeja.com

Tel.02-990-0331

1906511828

ผู้แสดงความคิดเห็น พันตรีศิริชัย ทรัพย์ศิริ (apdmajor1-at-yahoo-dot-com)วันที่ตอบ 2008-06-19 18:28:52 IP : 124.121.135.179


ความคิดเห็นที่ 21 (2871063)

ผลกระทบจากสภาวะโลกร้อน

แม้ว่าโดยเฉลี่ยแล้วอุณหภูมิของโลกจะเพิ่มขึ้นไม่มากนัก แต่ผลกระทบที่เกิดขึ้นจะส่งผลต่อเป็นทอด ๆ และจะมีผลกระทบกับโลกในที่สุด ขณะนี้ผลกระทบดังกล่าวเริ่มปรากฏให้เห็นแล้วทั่วโลก รวมทั้งประเทศไทย ตัวอย่างที่เห็นได้ชัด คือ การละลายของน้ำแข็งทั่วโลก ทั้งที่เป็นธารน้ำแข็ง (glaciers) แหล่งน้ำแข็งบริเวณขั้วโลก และในกรีนแลนด์ซึ่งจัดว่าเป็นแหล่งน้ำแข็งที่ใหญ่ที่สุดในโลก น้ำแข็งที่ละลายนี้จะไปเพิ่มปริมาณน้ำในมหาสมุทร เมื่อประกอบกับอุณหภูมิเฉลี่ยของน้ำสูงขึ้น น้ำก็จะมีการขยายตัวร่วมด้วย ทำให้ปริมาณน้ำในมหาสมุทรทั่วโลกเพิ่มมากขึ้นเป็นทวีคูณ ทำให้ระดับน้ำทะเลสูงขึ้นมาก ส่งผลให้เมืองสำคัญ ๆ ที่อยู่ริมมหาสมุทรตกอยู่ใต้ระดับน้ำทะเลทันที

มีการคาดการณ์ว่า หากน้ำแข็งดังกล่าวละลายหมด จะทำให้ระดับน้ำทะเลสูงขึ้น 6-8 เมตรทีเดียว

ผลกระทบที่เริ่มเห็นได้อีกประการหนึ่งคือ การเกิดพายุหมุนที่มีความถี่มากขึ้น และมีความรุนแรงมากขึ้นด้วย ดังเราจะเห็นได้จากข่าวพายุเฮอริเคนที่พัดเข้าถล่มสหรัฐหลายลูกในช่วงสองสามปีที่ผ่านมา แต่ละลูกก็สร้างความเสียหายในระดับหายนะทั้งสิ้น สาเหตุอาจอธิบายได้ในแง่พลังงาน กล่าวคือ เมื่อมหาสมุทรมีอุณหภูมิสูงขึ้น พลังงานที่พายุได้รับก็มากขึ้นไปด้วย ส่งผลให้พายุมีความรุนแรงกว่าที่เคย

นอกจากนั้น สภาวะโลกร้อนยังส่งผลให้บางบริเวณในโลกประสบกับสภาวะแห้งแล้งอย่างอย่างไม่เคยมีมาก่อน เช่น ขณะนี้ได้เกิดสภาวะโลกร้อนรุนแรงขึ้นอีกเนื่องจากต้นไม้ในป่าที่เคยทำหน้าที่ดูดกลืนแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ ได้ล้มตายลงเนื่องจากขาดน้ำ นอกจากจะไม่ดูดกลืนแก๊สต่อไปแล้ว ยังปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ออกมาจากกระบวนการย่อยสลายด้วย และยังมีสัญญาณเตือนจากภัยธรรมชาติอื่น ๆ อีกมา ซึ่งหากเราสังเกตดี ๆ จะพบว่าเป็นผลจากสภาวะนี้ไม่น้อย

 

พันตรีศิริชัย ทรัพย์ศิริ

นายกสมาคมคนพิการทางการเคลื่อนไหวสากล

โทร. 02-990-0331

www.waddeeja.com

Tel.02-990-0331

0607511800

ผู้แสดงความคิดเห็น พันตรีศิชัย ทรัพย์ศิริ (apdmajor1-at-yahoo-dot-com)วันที่ตอบ 2008-07-06 18:00:28 IP : 124.121.137.131


ความคิดเห็นที่ 22 (2957194)

สวัสดีปีฉลู 2552 ทุก ๆ ท่าน ที่เข้าเยี่ยมชมข้อมูลภาวะโลกร้อน...ครับ.

 

* * * * * * * * * * * * *

พันตรีศิริชัย  ทรัพย์ศิริ

สมาคมคนพิการทางการเคลื่อนไหวสากล

www.waddeeja.com

Tel. 02-990-0331

0601522354

ผู้แสดงความคิดเห็น พันตรีศิริชัย ทรัพย์ศิริ (apdmajor1-at-yahoo-dot-com)วันที่ตอบ 2009-01-06 23:54:29 IP : 124.121.143.99


ความคิดเห็นที่ 23 (3206259)
no surprise to those living in south louisiana that the tracks tendency is to revert to its original form of mudhole ugg boot for sale ugg shoes women"s ugg handbags riders will find ugg boot
ผู้แสดงความคิดเห็น 1 (kezpbv-at-263-dot-com)วันที่ตอบ 2010-08-25 02:00:06 IP : 125.121.215.19


ความคิดเห็นที่ 24 (3206481)
gs and other e*** handbag stylist sales replica bag the bag is heavy leather design and thick jewelry western men"s bag for sale replica handbags lock you are e*** handbag men"s gucci ties
ผู้แสดงความคิดเห็น 1 (opyjce-at-bigstring-dot-com)วันที่ตอบ 2010-08-25 03:15:17 IP : 125.121.215.19


ความคิดเห็นที่ 25 (3206506)
and burrows into forests it is surprising to find such a trail in an immersive natural setting literally tucked into a suburban area ugg for sale cheapest ugg classic mini boots ugg boot ugg
ผู้แสดงความคิดเห็น 1 (opdsfs-at-hushmail-dot-com)วันที่ตอบ 2010-08-25 03:21:28 IP : 125.121.215.19


ความคิดเห็นที่ 26 (3220490)
A history of GHD locks straighteners Do you would like the accomplished journey abaft ghd The grownup secrets of how an all-around super brand name was born Nicely aboriginal issues aboriginal afore we get agitated away let"s get a handful of details straight GHD is really a British corporation as well as additional as that itกฏs a Yorkshire corporation "Flippin" eck" we apprehend you say and you"d be correct Becoming a correct Yorkshire company the journey of ghd (or Jemella Ltd are they"re accepted on a Sunday) is according to harder strategy at t"forefront of all-around curly hair care All of it began if the blow of us were just accepting around our millennium celebrations Because the aggregate hangovers cleared several people have been acquainted that a anarchy was just demography place an insurgence inside the head of hair affliction apple that was to banish bad hair canicule for suitable and actualize a movement that will go on to become in time a new adoration for head of hair! When the aboriginal bowl locks straightening adamant was accustomed inside UK cipher obtained anytime obvious annihilation like ghd ghd straighteners it Being an ex-hairdresser to get a prime salon Robert Powls the guy who happened up this expense possession knew a lot if it came to head of hair Convinced he was assimilating a winner he and two business enterprise ally acquired the rights to your item alleged it the appropriate hair day locks straightener ("GHD") and started trading To activate with loads of hairdressers anticipation they had been badinage if they reply the GHD curly hair straightener with a retail amount of about $100! It really is genuinely could have an attempt!
ผู้แสดงความคิดเห็น 1 (xoxqfx-at-bigstring-dot-com)วันที่ตอบ 2010-10-30 04:29:56 IP : 125.121.201.235


ความคิดเห็นที่ 27 (3220646)
Your Guide For Shopping for GHD Curly hair ghd straighteners The trend of hair follicles straightening has grow to be very popular nowadays and majority of females love to straighten their locks Inside the past it was frequent to straighten the hair follicles only on special events but currently women prefer to straighten their curly hair each day to look elegant and attractive It can be observed that hair follicles are damaged mainly because of exposure for the heat of your straightener so it can be needed to go by way of all safety measures that will minimize the harmful impacts of curly hair straighteners You will find various sorts of hair straighteners which have diverse features so the selection of your most suitable curly hair straightener is essential in accordance to the type of hair follicles so that you can stay away from the damaging effects ghd curly hair straightener could be the greatest straightener that offers quite a few advantageous capabilities You"ll find distinct models of ghd locks straighteners that happen to be suitable for certain sorts of head of hair GHD IV styler may be the most ideal tool that can be used for all forms of locks GHD IV salon styler is helpful for thick hair It has wider plates that make it effortless to straighten the curly hair in brief duration of time For those having brief hair follicles GHD IV mini styler may be the greatest option to buy and it can create waves or curls too For acquiring GHD hair follicles straightener it"s far better to evaluate the features and prices to select 1 which is in accordance to private demands There are lots of accessories that purchaser can obtain with the straightener so earlier than buying GHD hair follicles straightener the info about all equipment must be taken There are many ghd hair follicles straighteners that happen to be created in unique colors The coloration in the straightener has nothing to do with its features Individuals can choose any color of their choice Earlier than acquiring GHD locks straightener it"s vital to make sure that it provides the warranty of two years You will discover some pretend GHD hair follicles straighteners obtainable inside the markets so the buyer ought to be sure that the item he/she is getting is original If the GHD hair follicles straightener is bought from a reputable retailer then it"s going to not be a pretend straightener Cautious inspection earlier than buying the straightener lessens the dangers of getting a faux straightener
ผู้แสดงความคิดเห็น 1 (nfiabz-at-qq-dot-com)วันที่ตอบ 2010-10-30 12:16:53 IP : 125.121.201.235


ความคิดเห็นที่ 28 (3221478)
A history of GHD locks straighteners Do you would like the accomplished journey abaft ghd The grownup secrets of how an all-around super brand name was born Nicely aboriginal issues aboriginal afore we get agitated away let"s get a handful of details straight GHD is really a British corporation as well as additional as that itกฏs a Yorkshire corporation "Flippin" eck" we apprehend you say and you"d be correct Becoming a correct Yorkshire company the journey of ghd (or Jemella Ltd are they"re accepted on a Sunday) is according to harder strategy at t"forefront of all-around curly hair care All of it began if the blow of us were just accepting around our millennium celebrations Because the aggregate hangovers cleared several people have been acquainted that a anarchy was just demography place an insurgence inside the head of hair affliction apple that was to banish bad hair canicule for suitable and actualize a movement that will go on to become in time a new adoration for head of hair! When the aboriginal bowl locks straightening adamant was accustomed inside UK cipher obtained anytime obvious annihilation like ghd ghd straighteners it Being an ex-hairdresser to get a prime salon Robert Powls the guy who happened up this expense possession knew a lot if it came to head of hair Convinced he was assimilating a winner he and two business enterprise ally acquired the rights to your item alleged it the appropriate hair day locks straightener ("GHD") and started trading To activate with loads of hairdressers anticipation they had been badinage if they reply the GHD curly hair straightener with a retail amount of about $100! It really is genuinely could have an attempt!
ผู้แสดงความคิดเห็น 1 (xxwqwz-at-ovi-dot-com)วันที่ตอบ 2010-11-01 19:47:17 IP : 125.122.102.4


ความคิดเห็นที่ 29 (3221480)
Your Guide For Shopping for GHD Curly hair ghd straighteners The trend of hair follicles straightening has grow to be very popular nowadays and majority of females love to straighten their locks Inside the past it was frequent to straighten the hair follicles only on special events but currently women prefer to straighten their curly hair each day to look elegant and attractive It can be observed that hair follicles are damaged mainly because of exposure for the heat of your straightener so it can be needed to go by way of all safety measures that will minimize the harmful impacts of curly hair straighteners You will find various sorts of hair straighteners which have diverse features so the selection of your most suitable curly hair straightener is essential in accordance to the type of hair follicles so that you can stay away from the damaging effects ghd curly hair straightener could be the greatest straightener that offers quite a few advantageous capabilities You"ll find distinct models of ghd locks straighteners that happen to be suitable for certain sorts of head of hair GHD IV styler may be the most ideal tool that can be used for all forms of locks GHD IV salon styler is helpful for thick hair It has wider plates that make it effortless to straighten the curly hair in brief duration of time For those having brief hair follicles GHD IV mini styler may be the greatest option to buy and it can create waves or curls too For acquiring GHD hair follicles straightener it"s far better to evaluate the features and prices to select 1 which is in accordance to private demands There are lots of accessories that purchaser can obtain with the straightener so earlier than buying GHD hair follicles straightener the info about all equipment must be taken There are many ghd hair follicles straighteners that happen to be created in unique colors The coloration in the straightener has nothing to do with its features Individuals can choose any color of their choice Earlier than acquiring GHD locks straightener it"s vital to make sure that it provides the warranty of two years You will discover some pretend GHD hair follicles straighteners obtainable inside the markets so the buyer ought to be sure that the item he/she is getting is original If the GHD hair follicles straightener is bought from a reputable retailer then it"s going to not be a pretend straightener Cautious inspection earlier than buying the straightener lessens the dangers of getting a faux straightener
ผู้แสดงความคิดเห็น 1 (oluxfj-at-qq-dot-com)วันที่ตอบ 2010-11-01 19:49:15 IP : 125.122.102.4


ความคิดเห็นที่ 30 (3221743)
Your Guide For Shopping for GHD Curly hair ghd straighteners The trend of hair follicles straightening has grow to be very popular nowadays and majority of females love to straighten their locks Inside the past it was frequent to straighten the hair follicles only on special events but currently women prefer to straighten their curly hair each day to look elegant and attractive It can be observed that hair follicles are damaged mainly because of exposure for the heat of your straightener so it can be needed to go by way of all safety measures that will minimize the harmful impacts of curly hair straighteners You will find various sorts of hair straighteners which have diverse features so the selection of your most suitable curly hair straightener is essential in accordance to the type of hair follicles so that you can stay away from the damaging effects ghd curly hair straightener could be the greatest straightener that offers quite a few advantageous capabilities You"ll find distinct models of ghd locks straighteners that happen to be suitable for certain sorts of head of hair GHD IV styler may be the most ideal tool that can be used for all forms of locks GHD IV salon styler is helpful for thick hair It has wider plates that make it effortless to straighten the curly hair in brief duration of time For those having brief hair follicles GHD IV mini styler may be the greatest option to buy and it can create waves or curls too For acquiring GHD hair follicles straightener it"s far better to evaluate the features and prices to select 1 which is in accordance to private demands There are lots of accessories that purchaser can obtain with the straightener so earlier than buying GHD hair follicles straightener the info about all equipment must be taken There are many ghd hair follicles straighteners that happen to be created in unique colors The coloration in the straightener has nothing to do with its features Individuals can choose any color of their choice Earlier than acquiring GHD locks straightener it"s vital to make sure that it provides the warranty of two years You will discover some pretend GHD hair follicles straighteners obtainable inside the markets so the buyer ought to be sure that the item he/she is getting is original If the GHD hair follicles straightener is bought from a reputable retailer then it"s going to not be a pretend straightener Cautious inspection earlier than buying the straightener lessens the dangers of getting a faux straightener
ผู้แสดงความคิดเห็น 1 (cnfxdn-at-qq-dot-com)วันที่ตอบ 2010-11-01 23:11:57 IP : 125.122.102.4


ความคิดเห็นที่ 31 (3221766)
A history of GHD locks straighteners Do you would like the accomplished journey abaft ghd The grownup secrets of how an all-around super brand name was born Nicely aboriginal issues aboriginal afore we get agitated away let"s get a handful of details straight GHD is really a British corporation as well as additional as that itกฏs a Yorkshire corporation "Flippin" eck" we apprehend you say and you"d be correct Becoming a correct Yorkshire company the journey of ghd (or Jemella Ltd are they"re accepted on a Sunday) is according to harder strategy at t"forefront of all-around curly hair care All of it began if the blow of us were just accepting around our millennium celebrations Because the aggregate hangovers cleared several people have been acquainted that a anarchy was just demography place an insurgence inside the head of hair affliction apple that was to banish bad hair canicule for suitable and actualize a movement that will go on to become in time a new adoration for head of hair! When the aboriginal bowl locks straightening adamant was accustomed inside UK cipher obtained anytime obvious annihilation like ghd ghd straighteners it Being an ex-hairdresser to get a prime salon Robert Powls the guy who happened up this expense possession knew a lot if it came to head of hair Convinced he was assimilating a winner he and two business enterprise ally acquired the rights to your item alleged it the appropriate hair day locks straightener ("GHD") and started trading To activate with loads of hairdressers anticipation they had been badinage if they reply the GHD curly hair straightener with a retail amount of about $100! It really is genuinely could have an attempt!
ผู้แสดงความคิดเห็น 1 (harhah-at-fepg-dot-com)วันที่ตอบ 2010-11-01 23:28:34 IP : 125.122.102.4



[1]


แสดงความคิดเห็น
ความคิดเห็น *
ผู้แสดงความคิดเห็น  *
อีเมล 
ไม่ต้องการให้แสดงอีเมล



สมาคมคนพิการทางการเคลื่อนไหวสากล 802/410 หมู่12 หมู่บ้านวังทองริเวอร์ปาร์ค ซอย10/4 ตำบลคูคต อำเภอลำลูกกา จังหวัดปทุมธานี 12130 โทร : 02-990-0331 Copyright © 2010 All Rights Reserved.