ReadyPlanet.com


แม่เด็กพิการ ฟ้องหมอชนะคดีได้ 18 ล้าน


ศาลสั่งบำรุงราษฎร์ ชดใช้ 12 ล้าน เมีย"วอลเตอร์ลี"

 

ศาล สั่ง รพ.บำรุงราษฎร์ ชดใช้เงิน 12 ล้านบาท แก่เมีย วอลเตอร์ ลี พิธีกรรายการอาหารคนดัง หลังแพทย์วินิจฉัยผลอัลตราซาวนด์ผิดพลาด ทำให้ลูกที่คลอดออกมาพิการแขนขาขาด

ที่ห้องพิจารณาคดีที่ 29 ศาลจังหวัดพระโขนง เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 25 ธ.ค. ศาลนัดอ่านคำพิพากษาในคดีหมายเลขดำที่ พ.8964/2550 ที่ นางประภาพร แซ่จึง อายุ 36 ปี และ เด็กชายซาย เค่อ ลี หรือ น้องซาย อายุ 3 ปี บุตรชาย เป็นโจทก์ที่ 1 และ 2 ยื่นฟ้อง บริษัทโรงพยาบาลบำรุงราษฏร์ จำกัด (มหาชน) นพ.เดชะพงษ์ ภู่เจริญ แพทย์สูตินารีเวช และ พญ.อรชาติ อุดมพาณิชย์ แพทย์รังสีวิทยา เป็นจำเลยที่ 1
3 เรื่องละเมิด เรียกค่าเสียหาย จำนวน 390,966,293 บาท

กรณีเมื่อวันที่ 30 ก.ย.2549 นางประภาพร ภรรยาของ นายวอลเตอร์ ลี อายุ 44 ปี สัญชาติมาเลเซีย พิธีการรายการอาหาร "
@ 5 dairy" ทางสถานีโทรทัศน์กองทัพบก ช่อง 5 ไปคลอด น้องซาย ที่โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ ปรากฏว่าเด็กออกมามีความพิการแขนขวาและขาทั้งสองข้างขาด ทั้งที่ก่อนหน้านั้นแพทย์ทั้งสองคนในคดีนี้ ระบุผลอัลตราซาวนด์ว่าบุตรในครรภ์ของ นางประภาพร สมบูรณ์และแข็งแรงดี ศาลพิเคราะห์แล้ว เห็นว่ามีปัญหาต้องวินิจฉัยว่าจำเลยที่ 2
3 การกระทำการละเมิดต่อโจทก์หรือไม่

พิเคราะห์ว่า มูลเหตุที่โจทก์นำคดีมาฟ้องจำเลยที่ 2
3  มาจากการอัลตราซาวนด์ ที่จำเลยที่ 2 3 ไม่ได้ตรวจดูถึงความพิการของน้องซาย โจทก์ที่ 2 ขณะอยู่ในครรภ์ ทั้งที่จำเลยที่ 2 3 ต้องบอกกล่าวให้โจทก์ทราบ เมื่อวันที่ 9 พ.ค.2549 ขณะที่โจทก์ตั้งครรภ์ได้ 4 5 เดือน จำเลยที่ 2 ส่งตัวโจทก์ไปให้จำเลยที่ 3 ตรวจอัลตราซาวนด์ ใช้เวลาตรวจนาน 5
10 นาที จำเลยที่ 3 ระบุว่าบุตรในครรภ์สมบูรณ์ดีทุกประการ ก่อนส่งตัวโจทก์กลับไปพบกับจำเลยที่ 2 หลังจำเลยที่ 2 ดูภาพอัลตราซาวนด์แล้ว บอกแก่โจทก์ว่า ยินดีด้วยที่ได้บุตรชาย และเด็กสมบูรณ์ดี หลังจากนั้นไม่มีการตรวจซ้ำอีก แต่ไปพบแพทย์เพื่อตรวจการเต้นของหัวใจเท่านั้น จนกระทั่งบุตรคลอดออกหมาแล้วมีความพิการ แขนขวา และขาทั้งสองข้างขาด ไม่มีเบ้าสะโพก

ขณะที่จำเลยที่ 2 เบิกความว่า หลังการอัลตราซาวนด์ ได้แนะนำให้โจทก์กลับมาทำอัลตราซาวนด์ เพื่อดูความเจริญเติบโตของทารกในครรภ์อีกครั้ง แต่โจทก์ไม่ทำ โดยรู้สึกเห็นใจต่อโจทก์ ส่วนจำเลยที่ 3 เบิกความว่า ได้รับมอบหมายให้ตรวจอัลตราซาวนด์ในระดับที่ 1 พบว่ามีการเจริญเติบโตตามปกติ แต่รู้สึกเสียใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นอย่างยิ่ง

ศาลเห็นว่าจากบันทึกเวชระเบียนของโจทก์ ตั้งแต่วันที่ 20 ก.พ.2549 กระทั่งคลอดบุตร ไม่ปรากฏว่ามีการระบุให้โจทก์กลับมาอัลตราซาวนด์ซ้ำ รวมถึงไม่ระบุถึงความพิการของทารกในครรภ์ ฟังได้ว่าจำเลยที่ 2 ไม่เคยอธิบาย ผลดี ผลเสีย ของบุตรในครรภ์ให้โจทก์ทราบ ดังนั้นโจทก์จึงไม่ทราบถึงความพิการของทารกในครรภ์ ทั้งที่จำเลยที่ 2- 3 ควรตรวจถึงความพิการของทารกในครรภ์ เพื่อแจ้งให้โจทก์มีสิทธิที่จะตัดสินใจว่าจะรักษาอย่างไร หรือจะรักษาหรือไม่ แพทย์มีหน้าที่บอกอธิบายวิธีการรักษา โดยให้ผู้ป่วยรับทราบและยินยอม การกระทำของจำเลยที่ 2
3 จึงต้องรับผิดฐานประมาทเลินเล่อละเว้นหน้าที่ที่ต้องระวัง จำเลยที่ 2 3 ทำละเมิดต่อโจทก์ทั้งสอง อีกทั้งการยุติครรภ์ในกรณีที่ไม่ขัดศีลธรรมสามารถทำได้ตามมติของแพทยสภา ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับตัวผู้ป่วย และคำแนะนำของแพทย์ และจำเลยที่ 1 ต้องร่วมรับผิดกับจำเลยที่ 2
3 ด้วย ในฐานะเป็นคู่สัญญากับโจทก์โดยตรง มีปัญหาต้องวินิจฉัยว่าจำเลยทั้งสามต้องรับผิดเพียงใด

ศาลกำหนดค่าเสียหายที่จำเลยทั้งสามต้องร่วมกันชดใช้ให้แก่โจทก์ทั้งสอง แบ่งเป็นค่าเสียหายทางจิตใจของโจทก์ที่ 1 จำนวน 1 ล้านบาท ค่าเสียหายจากการขาดรายได้ของโจทก์ที่ 1 จำนวน 1 ล้านบาท ค่าจ้างคนเลี้ยงดูน้องซาย จำนวน 3 ล้านบาท ค่าอุปกรณ์ที่ช่วยให้น้องซาย สามารถพยุงตัวยืนได้ ที่ต้องเปลี่ยนไปตามวัย จำนวน 5 ล้านบาท ค่ารักษาผ่าตัดในอนาคตจำนวน 1 ล้านบาท ค่ารักษาทางจิตใจต่อน้องซาย โจทก์ที่ 2 จำนวน 1 ล้านบาท สำหรับค่าสินไหมทดแทนที่ศาลกำหนดนั้นไม่เต็มจำนวนตามที่โจทก์ฟ้อง เนื่องจากการกระทำการละเมิดของจำเลยทั้งสาม ไม่ได้มีเจตนาร้าย ไม่ได้ส่อไปในทางเป็นอาชญากรรม จึงให้จำเลยทั้งสามร่วมกันชดใช้เงินรวมจำนวน 12 ล้านบาท แก่โจทก์ พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 นับตั้งแต่วันฟ้อง

นายวอลเตอร์ ลี กล่าวว่า ต้องไปปรึกษากับทนายความและครอบครัวอีกครั้งว่าจะยื่นอุทธรณ์หรือไม่ วันนี้ดีใจที่สิทธิของคนไข้ได้รับการเยียวยารักษา หลังเกิดเหตุการณ์นี้กับครอบครัว จึงได้พาน้องซาย ไปรักษาตัวที่ประเทศเยอรมนี หลังจากแพทย์ในประเทศต่างพูดตรงกันว่าต้องรอให้เด็กโตก่อนจึงจะรักษาได้ ทั้งที่ความจริงแล้วเมื่อเกิดปัญหาขึ้น สามารถแก้ไขปัญหานั้นได้ในทันที เช่นเดียวกับกรณี น้องซาย ที่แพทย์ประเทศเยอรมนี สามารถทำขาเทียม ทั้งที่น้องซาย ยังไม่มีเบ้าสะโพก แม้จะหมดเงินไปนับล้านบาทก็ตาม แต่ตนเห็นว่าวัสดุอุปกรณ์ที่ให้การรักษาผู้ป่วยที่พิการตั้งแต่แรกคลอดนั้น ประเทศไทยมีศักยภาพที่จะสร้างขาเทียมสำหรับเด็กแรกคลอดที่ช่วยในการพยุงตัว ได้ในราคาถูกกว่า ที่ผ่านมาได้ขอความร่วมมือจากแพทย์ประเทศเยอรมนี ให้เดินทางมาให้ความรู้กับแพทย์คนไทย โดยทางแพทย์ทางเยอรมนี ยินดีที่จะสอนให้โดยไม่มีค่าใช้จ่าย ทางมูลนิธิซาย มูฟเม้นท์ จึงเป็นเหมือนสะพานเชื่อมระหว่างแพทย์ไทยให้ได้เรียนรู้การรักษาจากแพทย์ของ ประเทศเยอรมนี เชื่อว่าจะเกิดประโยชน์ต่อเด็กพิการตั้งแต่กำเนิดอีกจำนวนมากในประเทศ รวมไปถึงในแถบภูมิภาคนี้

พิธีกรคนดัง กล่าวว่า สุดท้ายตนมุ่งหวังว่าผู้พิการเป็นคนที่มีสมองมีหัวใจ ฉะนั้นการรักษาทางจิตใจเป็นเรื่องที่สำคัญ สังคมต้องเปิดโอกาสให้ผู้พิการสามารถใช้ชีวิตร่วมกับคนในสังคมได้ตามปกติ เช่นที่ประเทศออสเตรเลีย มีการจัดให้เด็กพิการเรียนร่วมกับเด็กปกติในทุกๆห้องเรียน ทำให้เด็กพิการไม่คิดว่าตัวเองผิดปกติแต่อย่างใด เพราะสามารถใช้ชีวิตร่วมกับคนอื่นได้ โดยที่คนรอบข้างไม่ต้องกังวลว่าจะอยู่กับคนพิการอย่างไร

 

 

- - - - - - - - - - - - - - - - - -  

พันตรีศิริชัย   ทรัพย์ศิริ

นายกสมาคมคนพิการทางการเคลื่อนไหวสากล (ส.พ.ค.)

โทร. 02-990-0331

http://www.apdi2002.com

http://www.youtube.com พิมพ์ apdi. หรือ

สมาคมคนพิการ

2512522341

         

 



ผู้ตั้งกระทู้ พันตรีศิริชัย ทรัพย์ศิริ (apdmajor1-at-yahoo-dot-com) :: วันที่ลงประกาศ 2009-12-25 23:41:26 IP : 124.122.26.149


[1]

ความคิดเห็นที่ 1 (3140858)

 

แก้ไข...ข้อมูลที่ถูกต้อง

หัวข้อข่าวกระทู้....นี้ครับ

12 ล้าน ถูกต้องครับ

18 ล้าน ผิดครับ

- - - - - - - - - - - - - - - - - -  

พันตรีศิริชัย   ทรัพย์ศิริ

นายกสมาคมคนพิการทางการเคลื่อนไหวสากล (ส.พ.ค.)

โทร. 02-990-0331

http://www.apdi2002.com

http://www.youtube.com พิมพ์ apdi. หรือ

สมาคมคนพิการ

2512522346

ผู้แสดงความคิดเห็น พันตรีศิริชัย ทรัพย์ศิริ (apdmajor1-at-yahoo-dot-com)วันที่ตอบ 2009-12-25 23:46:13 IP : 124.122.26.149


ความคิดเห็นที่ 2 (3200414)

ต่อไปก็อาจเกิดกรณี  คนขับรถสองแถว  วินมอร์เตอร์ไซค์รับจ้าง คงออกมาเรียกร้องขอความเป็นธรรมจากสังคม ขอความเห็นใจกันเยอะครับว่า อย่าฟ้องพวกเขาเลยเวลาพวกเขาประมาทและคนตาย เพราะไม่มีใครอยากให้เกิดอุบัติเหตุหรอก และพวกเขาก็มีหน้าที่ดูแลชีวิตเช่นเดียวกัน ถ้ามีคดีฟ้องสองแถวหรือวินมอร์ไซค์ บ่อยๆ พวกเขาอาจเสียใจท้อใจจนไม่อยากขับรถให้พวกเรานั่ง

ผู้แสดงความคิดเห็น จิจิ วันที่ตอบ 2010-08-03 12:46:15 IP : 203.131.217.33


ความคิดเห็นที่ 3 (3214508)

ขอความกรุณาคุณประภาพร หรือทนายความของคุณประภาพร หรือใครที่รู้ชื่อของทนายความ กรุณาติดต่อกลับ 0806653800 จีจี้  จะขอคำปรึกษาทางด้านคดีเนื่องจากอยุธยาก็มีเหมือนกัน ตอนนี้ยื่นฟ้องแล้ว หรือใครที่รู้จักช่วยแจ้งด้วย จักเป็นพระคุณอย่างสูง

ผู้แสดงความคิดเห็น จีจี้ วันที่ตอบ 2010-09-26 12:21:12 IP : 113.53.68.83


ความคิดเห็นที่ 4 (3224528)

ส่วนตัวผมเห็นใจน้องซายและครอบครัวน้องมากๆ แต่ผมอยากให้คนในสังคมเห็นใจหมอผู้ดูแลรักษาคนในสังคมบ้างว่าพวกเขาจะรู้สึกอย่างไร เพราะว่าหมอไม่ใช่พระเจ้า ไม่มีทางจะรู้ทุกสิ่งทุกอย่างได้ ทุกอย่างสามารถผิดพลาดกันได้และก็อาจจะไม่ใช่เพราะว่าหมอประมาท หมอก็วินิฉัยไปตามที่เขาเห็นและที่เครื่องมือแสดงผล ไม่สามารถมีตาทิพย์ไปดูภายในร่างกายได้แต่อย่างใด การฟ้องแพทย์ก็ยังสร้างความท้อแท้ในการทำงานของแพทย์ด้วยเพราะพวกเขาก็ไม่เคยอยากให้เหตุการณ์พวกนี้เกิดขึ้น การเรียกร้องจากสังคมและการขอความช่วยเหลือสามารถทำได้ แต่ไม่ใช่โทษแต่แพทย์เพียงผู้เดียวว่าเป็นต้นเหตุ ถ้าเอาแต่ฟ้องๆแบบนี้ ทีหน้าทีหลัง ใครจะมารักษาพยาบาลให้กับคุณละครับ

 

ส่วนตัวไม่ใช่หมอแต่เห็นใจคนทำอาชีพนี้จริงๆ ทั้งนี้ ก็ไม่ได้หมายความว่าผมไม่เห็นใจและเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับน้องเค้านะครับ

ผู้แสดงความคิดเห็น อีกมุมหนึ่ง วันที่ตอบ 2010-11-16 20:46:14 IP : 124.76.114.238


ความคิดเห็นที่ 5 (4116952)

 ปี2543 คุณหมอสูติและหมอวิสัญญีที่รพ.บางโพ ทำให้ชีวิตและครอบครัวผมเปลี่ยนแปลงยิ่งใหญ่ ลูกสาวคนแรกของเราเกิดมาพร้อมกับอาการตัวเขียวชักนิ่ง ปากคล้ำขาดออกซิเจน จากนั้นก็ชักเกร็งมาตลอด กลายเป็นเด็กพิการทางสมอง แฟนผมฝากท้องกับคุณหมอและตั้งใจคลอดลูกที่รพ.บางโพ เห็นสะดวกใกล้บ้านเป็นรพ.เอกชน และเชื่อถือคุณหมอสูติที่แนะนำให้ฝากครรภ์ แต่แล้ว แฟนผมเล่าให้ฟังว่า หมอวางยาสลบ ฉีดยาบล้อคหลังให้เพื่อทำการผ่าท้องคลอด เขาไม่รู้สึกชาครึ่งท่อนล่าง แต่เขากลับรู้สึกชาครึ่งตัวด้านซีกซ้ายทั้งซีก และเริ่มหายใจไม่ออก จึงบอกหมอว่าคุณหมอฉันหายใจไม่ออกแล้วช่วยด้วย และคำสุดท้ายที่ได้ยินก่อนสลบไปคือ หมอร้องบอกกันว่า แย่แล้วบล้อคหลังผิด รีบแก้ไขให้สลบไปเลย จากนั้นแฟนผมก็ไม่รู้สึกตัวอีกเลย ผมไม่กล้าเข้าไปดูในห้องคลอดเพราะเป็นคนกลัวเลือด กว่าแฟนและลูกจะออกจากห้องคลอดก็2ชม.กว่า ผมรู้สึกถึงความล่าช้าผิดปกติ คุณหมอสูติออกมาแจ้งว่าลูกสาวตัวใหญ่สายสะดือพันคอ หลังจากนั้นก็มีอาการปากเขียวคล้ำ เหมือนขาดหายใจ ตัวเขียวม่วง หลังแรกเกิดไม่ถึง24ชม. แล้วก็เป็นเช่นนี้วันนึงหลายครั้ง เหมือนเขาขาดอาการหายใจไป โชคดีที่แฟนผมรอดมาได้เป็นปกติ แต่ลูกสาวกลายเป็นเด็กพิการทางสมอง แฟนทำงานไม่ได้ต้องดูแลลูกพิการตลอดมา เสียค่าใช้จ่ายเองหมด รพ.บางโพไม่เคยมารับความผิดพลาดครั้งนี้ และผมก็ไม่ได้ฟ้องร้อง แฟนบอกผมไม่ได้เข้าไปในห้องคลอด แต่ผมคิดว่ารพ.จะและทางคุณหมอที่ร่วมในการทำคลอดทั้งหมดจะแสดงความรับผิดชอบเอง แต่สุดท้ายที่เราตั้งความหวังจะมีลูก3คนมีครอบครัวที่สมบูรณ์ก็พังทลาย ต้องรักษาลูกพิการ ไม่มีเวลาคิดถึงลผูกคนต่อไป ไม่มีแม้เวลาส่วนตัวเพื่อความสบาย ผมทำงานหนักคนเดียว เพื่อให้ลูกและภรรยาใช้จ่ายรักษาบำบัดความพิการ จนคุณหมอที่รพ.รามาฯบอกว่าให้ทำใจกับลูกคนนี้และมีลูกใหม่พวกเราทำใจกว่า5ปี จนแฟนผมคลอดลูกสาวคนที่2ที่รพ.รามาฯสมบูรณ์ทุกอย่าง. และลูกสาวคนโตก็เสียชีวิตหลังจากเราดูแลกันอย่างดีที่สุด หมดค่าดูแลไป6ปีกับ2เดือน และสูญเสียโอกาสไป5ปีกว่า ในการทำงานของแฟนผม ตอนนี้ผมขออโหสิกรรมให้กับคุณหมอทุกคนที่ทำคลอดลูกผม ตอนนี้ครอบครัวผมมีความสุขตามอัถภาพกับลูกสาวอายุ13ปีที่สวยน่ารักเรียนเก่งมาก พวก เราอุทิศส่วนกุศลให้ลูกสาวคนแรกและจดจำเขาตลอดไป

ผู้แสดงความคิดเห็น ทัศนีย์ เฉิน วันที่ตอบ 2018-12-14 22:23:15 IP : 182.232.73.45


ความคิดเห็นที่ 6 (4313052)

 เรามีน้องสาคลอดลูกที่ รพ.อยุธยา เด็กก่อนคลอด 3.8 โล แต่หมอให้คลอดเองจนน้องขาดอ๊อกซินเจน อาการน้อวตอนนี้ไม่ดี 5เดือนแล้วไม่รุ้จะติดต่อหน่อยงานให้ รบกวนผู้รุ้ติดต่อหาหน่อยนะคะ 0828984481​

ผู้แสดงความคิดเห็น Noon (noon_noon87-at-hotmail-dot-com​)วันที่ตอบ 2022-06-19 18:28:51 IP : 182.232.166.191


ความคิดเห็นที่ 7 (4313142)

 

 

 เรียน คุณ Noon

ต้องโทรคุยกับผมน่ะครับ จะได้แนะนำท่านได้ครับ

 

 พันตรีศิริชัย ทรัพย์ศิริ

นายกสมาคมคนพิการทางการเคลื่อนไหวสากล

โทร 02 9900331 0817352316  www.apdi2002.com

E-mail :apdi9000@gmail.com

FB.สมาคมคนพิการทางการเคลื่อนไหวสากล

20 มิถุนายน  2565

ผู้แสดงความคิดเห็น พันตรีศิริชัย ทรัพย์ศิริ วันที่ตอบ 2022-06-20 09:10:49 IP : 49.48.247.123



[1]


แสดงความคิดเห็น
ความคิดเห็น *
ผู้แสดงความคิดเห็น  *
อีเมล 
ไม่ต้องการให้แสดงอีเมล



สมาคมคนพิการทางการเคลื่อนไหวสากล 802/410 หมู่12 หมู่บ้านวังทองริเวอร์ปาร์ค ซอย10/4 ตำบลคูคต อำเภอลำลูกกา จังหวัดปทุมธานี 12130 โทร : 02-990-0331 Copyright © 2010 All Rights Reserved.