จากคลินิกตาปี2547 จนปัจจุบันกลายเป็น "รพ.จักษุ รัตนิน" โรงพยาบาลเฉพาะทางที่ได้รับการยอมรับจากคนทั่วโลก แถมติดหนึ่งในกลุ่มโรงพยาบาลตาที่ดีที่สุดในโลก บวกกับประสบการณ์อันยาวนาน ความสามารถทางการแพทย์ เทคโนโลยีที่ทันสมัย การบริการที่เป็นเลิศ และการพัฒนาที่ไม่หยุดนิ่ง รวมไปถึงการตอบแทนผลกำไรคืนสู่สังคม คงการันตีให้โรงพยาบาลตาแห่งนี้อยู่ในใจของคนไทยได้ไม่ยาก

แต่ใช่ว่าโรคตาจะลดลงด้วยวิวัฒนาการ ความเป็นอยู่ อาหารการกิน ที่เปลี่ยนแปลงตามกระแสโลก กลับทำให้โรคภัยต่างๆ เกิดขึ้นต่อดวงตาอย่างมากมาย โดยเฉพาะ "โรคต้อกระจก" ที่เป็นได้ตั้งแต่เจ้าตัวเล็กที่อยู่ในครรภ์แม่ที่เป็นหัดเยอรมัน จนถึงผู้สูงวัย โดยเฉพาะผู้สูงวัยมีมากกว่า 90% ของผู้สูงอายุทั่วประเทศต่างเป็นโรคต้อกระจก 

"ตอนนี้มีคนไทยเป็นโรคทางตามาก โดยเฉพาะโรคต้อกระจก ที่พบมากในผู้สูงอายุ ได้แก่ อายุ 55-64 ปี ประมาณ 40% อายุ 65-74 ปี 50% และมากกว่า 74 ปี กว่า 90% ส่วนในเด็กมีประมาณ 2% ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องที่น่าเป็นห่วง เพราะโรคต้อกระจกถ้าไม่ได้รับการรักษาทำให้ผู้ป่วยตาบอดได้ ทางโรงพยาบาลจึงจับมือโรตารี่สากล ภาค 3350 และสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) จัดโครงการตาบอดป้องกันได้ เพื่อต้องการให้ผู้ป่วยได้มีความรู้ วิธีป้องกัน และรู้จักดูแลรักษาดวงตาอย่างถูกวิธี" นางศิริธรรัตนิน กรรมการผู้จัดการรพ.จักษุ รัตนิน เล่าด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม

"ดวงตา" ถือเป็นอวัยวะที่สำคัญสำหรับมนุษย์อย่างมาก เพราะดวงตาสามารถบ่งบอกถึงความรู้สึก ความคิด และจิตสำนึกของคนเราได้ จึงไม่ต้องแปลกใจที่โรงพยาบาลที่มีความเชี่ยวชาญเรื่องนี้ ได้เล็งเห็นความสำคัญ จัด "โครงการตาบอดป้องกันได้" ตั้งแต่เดือนธันวาคม 2549 จนถึงปลายปี 2550 นี้ 

นางศิริธร เล่าต่อว่า โครงการตาบอดป้องกันได้ มีกิจกรรมมากมาย ซึ่งแต่ละกิจกรรมต่างคำนึงถึงประโยชน์ต่อสาธารณชน โดยเฉพะกิจกรรม ผ่าตัดต้อกระจกให้แก่ผู้ยากไร้ 80 ดวงตาฟรี เนื่องในโอกาสเฉลิมฉลองที่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเจริญพระชนมพรรษา 80 พรรษา ที่ถือเป็นกิจกรรมจากใจของโรงพยาบาล ที่ต้องการตอบแทนพ่อหลวงของคนไทย และทำประโยชน์เพื่อสังคม สาธารณชน 

"รู้สึกดีใจ และยินดีเป็นอย่างมาก ที่ทางโรงพยาบาลได้ผ่าตัดต้อกระจกให้แก่ผู้ยากไร้ 31 ดวงตา โดยโรตารี่สากล ภาค 3350 จะเป็นผู้ทำการคัดเลือกผู้ยากไร้ที่ส่งจดหมาย แล้วผ่านเงื่อนไขที่ได้ตั้งไว้ อีกทั้งจัดทำหนังสือ "รอบรู้เรื่องตาเด็ก" จำนวน 6 หมื่นชุด แจกจ่ายให้โรงเรียนประถมทั่วประเทศ ผ่านสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน กระทรวงศึกษาธิการ จำนวน 5.5 หมื่นชุด" นางศิริธร เล่าด้วยใบหน้าเปี่ยมสุข

นอกจากกิจกรรมที่มีประโยชน์ต่อผู้ยากไร้แล้วโรงพยาบาลก็ยังมีแต่กิจกรรมดีๆ เกี่ยวกับโรคตามากมาย อาทิ แผ่นภาพทดสอบสายตา หรือ กล่องทดสอบสายตา ชุดตรวจสายตาเบื้องต้นโดยใช้รูปภาพ สำหรับครู ผู้ปกครอง เพื่อใช้ทดสอบการมองเห็นของเด็กตั้งแต่ 2 ขวบขึ้นไป ให้รู้ถึงปัญหาสายตาของเด็ก โดยเฉพาะ โรคตาขี้เกียจ ที่ถือเป็นภัยมืดของเด็ก เพราะโรคตาขี้เกียจหากไม่ทำการรักษาก่อนอายุ 9 ขวบ โอกาสรักษาโรคนี้แทบไม่มี แต่ชุดแผ่นภาพทดสอบสายตาดังกล่าวนี้ ถือเป็นการตรวจสอบการมองเห็นของเด็กเบื้องต้นที่ช่วยครู ผู้ปกครองได้

ถ้าใครอยากเป็นส่วนหนึ่งที่เข้ารับการรักษาโดยเฉพาะผู้ยากไร้ที่เป็นต้อกระจก สามารถเข้ารับการผ่าตัดฟรี ใน "โครงการตาบอดป้องกัน" หรือถ้าอยากรู้จักวิธีการดูแลดวงตาก็ขอรับ "หนังสือคู่มือรอบรู้เรื่องตา" ส่วนทางโรงเรียน พ่อแม่ ที่ต้องการป้องกัน หรือทดสอบว่าเจ้าหนูน้อยเป็น โรคตาขี้เกียจหรือไม่ ติดต่อขอ "กล่องทดสอบสายตา" ได้ที่โทร.0-2639-3399 หรือผ่าน***ไซต์ www.rutnin.com ทางโรงพยาบาลยินดีจัดส่งให้ฟรี

http://www.apdi2002.com/

สมาคมคนพิการทางการเคลื่อนไหวสากล ช่วยประชาสัมพันธ์

พันตรีศิริชัย  ทรัพย์ศิริ