การขึ้นเงินเดือนข้าราชการ
คณะรัฐมนตรีที่มีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะได้มีมติครม.เมื่อวันที่ 14 ธันวาคม 2553 ที่ผ่านมาอนุมัติงบประมาณ 13,000 ล้านบาทขึ้นเงินเดือนข้าราชการทั้งข้าราชการประจำ ข้าราชการการเมืองและข้าราชการส่วนท้องถิ่นโดยข้าราชการประจำ ข้าราชการการเมืองทุกประเภท ข้าราชการส่วนท้องถิ่นและพนักงานองค์กรของรัฐจะมีผลตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2554 เป็นต้นไป
ส่วนข้าราชการการเมืองที่เป็น ส.ส.ให้มีผลหลังการเลือกตั้งสมัยต่อไปเพื่อป้งกันข้อครหาว่าสภาผู้แทนราษฎรอนุมัติขึ้นเงินเดือนให้แก่ตัวเอง การขึ้นเงินเดือนดังกล่าวรัฐบาลได้ชี้แจง่าเป็นการปรับเงินเดือนทั้งระบบให้มีความสอดคล้องกันหลังจากได้อนุมัติคณะกรรมการค่าจ้างแรงงานปรับอัตราค่าแรงงานขั้นต่ำทั่วประเทศไปแล้วในอัตรา 8 - 17 บาทต่อวัน
นอกจากนี้ยังให้คณะกรรมการรัฐวิสาหกิจแต่ละแห่งไปทบทวนอัตราค่าจ้างแรงงานภาครัฐวิสาหกิจและองค์กรของรัฐทุกประเภทตามสมควร ซึ่งการขึ้นเงินเดือนครั้งนี้เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของกลุ่มผู้มีรายได้ประจำในรูปของเงินเดือนที่เกิดจากค่าครองชีพที่สูงขึ้น
ข้อเท็จจริงอีกประการหนึ่งที่ประชาชนควรจะทราบก็คือข้าราชการประจำทุกประเภท พนักงานองค์กรของรัฐ พนักงานรัฐวิสาหกิจนั้นจะมีอัตราเงินเดือนและขั้นวิ่งตามตำแหน่งต่างๆอยู่ ถ้าหากข้าราชการผู้นั้นอัตราเงินเดือนยังไม่เต็มเพดานเงินเดือนของอัตรานั้นๆก็จะได้รับเงินเดือนสูงขึ้นเนื่องในความดีความชอบประจำปี
อัตราการเพิ่มจะมีตั้งแต่อัตราร้อยละ 3 ไปจนถึงร้อยละ 13 ตามความดีความชอบของแต่ละคนเช่นเดียวกับพนักงานลูกจ้างภาคเอกชนที่มีกำไรพอสมควรเขาก็จะพิจารณาปรับเงินเดือนให้แก่พนักงานแต่ละคนตามความสามารถและผลานประจำปีอยู่ตามปกติแล้วไม่ใช่เรื่องแปลกแต่อย่างใดทั้งสิ้น
สำหรับข้าราชการการเมืองโดยเฉพาะ ส.ส.และ ส.ว. นั้นอัตราเงินเดือนและรายได้ของนักการเมืองทุกรูปแบบจะเป็นรายได้ตายตัวถ้าหากไม่มีการออกกฎหมายขึ้นเงินเดือน ข้าราชการการเมืองก็จะได้รับเงินเดือนเท่าเดิมตลอดทุกๆปี
ตัวอย่างเช่นนายกรัฐมนตรีมีอัตราเงินเดือนและเงินประจำแหน่งในขณะนี้เดือนละ 114,000 บาทสำหรับอัตราใหม่จะได้รับเป็นเดือนละ 122,590 บาทเป็นอัตราเพิ่มประมาณร้อยละ14 ซึ่งหากนำไปเทียบกับอัตราเงินเดือนของประธานธนาคารใหญ่ๆแล้วต่างกันราวฟ้ากับดินเพราะประธานธนาคารมีเงินเดือนถึง 1 ล้านบาท
หรือกรรมการผู้อำนวยการรัฐวิสาหกิจขนาดใหญ่ๆอย่างบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) บริษัทการบินไทยจำกัด(มหาชน) โรงงานยาสูบ ธนาคารกรุงไทย จำกัด(มหาชน) ฯลฯ ผู้บริหารรัฐวิสาหกิจเหล่านี้มีรายได้เดือนละเป็นเลข 7 ตัวทั้งสิ้น ดังนั้นการที่รัฐบาลปรับอัตราเงินเดือนให้แก่นักการเมืองที่ขออนุมัติครั้งนี้เทียบแล้วไม่ถือว่ามากนักหากนำไปเทียบกับงานที่นักการเมืองแต่ละคนได้กระทำอยู่ยกเว้นนักการเมืองที่ไม่ได้ทำงานเท่านั้น
- - - - - - - - - - - - - - - - - -
พันตรีศิริชัย ทรัพย์ศิริ
นายกสมาคมคนพิการทางการเคลื่อนไหวสากล (ส.พ.ค.)
โทร. 02-990-0331
http://www.apdi2002.com
http://www.youtube.com พิมพ์ apdi. หรือ
สมาคมคนพิการ
1812532021
*********************
| 
