เพราะฉะนั้น ก็เป็นบทพิสูจน์อีกครั้งหนึ่งว่า ความเชื่อที่ว่า "โกงก็ได้ แต่ขอให้ทำงาน" นั้น ไม่ถูกต้อง เพราะถ้าทำงานแล้วโกง ก็จะก่อความเสียหายแก่แผ่นดินมหาศาล ยิ่งกว่าเงินที่เขาโกงไปเสียอีก
ที่เหลือ จึงเป็นหน้าที่โดยตรงของฝ่ายบริหาร คือ รัฐบาล และกลไกของรัฐทั้งหลาย ที่จะต้องติดตามทวงคืนผลประโยชน์ที่รัฐสูญเสียไปกลับคืนมาให้ครบถ้วน
หน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องจึงมีหน้าที่โดยตรง โดยมิอาจละเว้นได้ ไม่ว่าใครจะเป็นรัฐบาล จะต้องติดตามเรียกค่าเสียหายที่เกิดขึ้นต่อแผ่นดินกลับคืนมา เช่น การแก้ไขสัญญาสัมปทานใด ทำให้รัฐเสียหายไปมูลค่าเท่าใด ก็ต้องติดตามเรียกค่าเสียหายที่สูญเสียไปกลับคืนมาจากผู้เกี่ยวข้อง เป็นต้น
มิใช่ไล่เบี้ยเอากับทักษิณเท่านั้น แต่จะต้องทวงคืนจากภาคเอกชนที่ได้รับผลประโยชน์อันมิควรได้ไปพร้อมกับทักษิณด้วย และเอาตัวนักการเมืองและเจ้าหน้าที่ที่รู้เห็นเป็นใจมาลงโทษอีกด้วย
3. การติดตามการดำเนินการหลังคำพิพากษา
3.1 คณะรัฐมนตรี มีมติเมื่อวันที่ 2 มี.ค. 2553 มอบให้อัยการทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางของการดำเนินการ โดยประสานกับกระทรวงที่เกี่ยวข้อง
ปรากฏว่า ผ่านมา 1 ปี ความเสียหายของภาครัฐซึ่งมีมูลค่ารวมกว่า 100,000 ล้านบาท ยังไม่ได้รับการชดเชยเยียวยา โดยที่การเจรจาหรือการฟ้องร้องดำเนินคดี เพื่อรักษาผลประโยชน์ของแผ่นดิน ก็ยังไม่มีความคืบหน้าชัดเจน
น่าสังเกตว่า ในยุคคุณระนองรักษ์ สุวรรณฉวี เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) ได้แต่งตั้ง พ.ต.อ.สุชาติ วงษ์อนันตชัย เป็นประธานสอบตามคำพิพากษาศาล โดยที่ พ.ต.อ.สุชาตินั้น เคยเป็นรองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษในยุคทักษิณ
ทั้งๆ ที่ ผู้เกี่ยวข้องกับการทำให้รัฐได้รับความเสียหายในยุคทักษิณ ปรากฏชื่อในคำพิพากษาของศาลนั้น ล้วนแต่เป็นนักการเมืองตัวใหญ่ๆ ในระบอบทักษิณทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็น นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี กรณีภาษีสรรพสามิตโทรคมนาคม, นายวันมูฮัมหมัด นอร์มะทา อดีตรัฐมนตรีคมนาคม กรณีดาวเทียมไอพีสตาร์ เป็นต้น
3.2 กรณีแก้สัญญากิจการโทรศัพท์มือถือ
กรณีแก้สัญญามือถือในยุคทักษิณ ซึ่งทำให้รัฐเสียหายร้ายแรงนั้น เจ้าหน้าที่รัฐที่เกี่ยวข้องจะต้องมีส่วนรับผิดชอบ แต่ปรากฏว่า 1 ปีที่ผ่านมา ทศท.ในฐานะหน่วยงานของรัฐคู่สัญญา ยังไม่สามารถติดตามทวงคืนผลประโยชน์อันพึงมีพึงได้ของรัฐคืนมา
คนทำให้เกิดความเสียหายก็ยังลอยนวล
แม้แต่จะแก้สัญญาสัมปทานที่ทำให้รัฐเสียเปรียบ เพื่อให้กลับไปสู่สัญญาเดิมก่อนที่จะถูกแก้ไขในยุคทักษิณ ก็ยังไม่สามารถกระทำได้
จะฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายจากเอกชน ก็ยังชักเข้าชักออก
สาเหตุสำคัญส่วนหนึ่งก็เพราะเจ้าหน้าที่ระดับสูงในหน่วยงานคู่สัญญาไม่ให้ความร่วมมือ เนื่องจากตนเองก็มีส่วนเกี่ยวข้องกับการแก้สัญญาที่ทำให้รัฐเสียหายในยุคทักษิณ
พูดง่ายๆ กลัวว่าพวกตนจะต้องรับผิดด้วย
3.3 กรณีกิจการดาวเทียม ก็ไม่ต่างกัน
1 ปี ผ่านไป ผลประโยชน์ที่รัฐสูญเสียไปก็ยังไม่ได้กลับคืนมา
3.4 นอกจากนี้ กรณี พ.ต.ท.ทักษิณปกปิดการถือครองหุ้นชินคอร์ปฯ ของตนเองไว้ในชื่อบุคคลอื่น ซึ่งศาลฎีกาฯ ได้พิพากษาชี้ขาดข้อเท็จจริงอย่างชัดแจ้งไปแล้วนั้น ยังทำให้ต้องมีคดีความผิดติดตามมาอีกมากมาย อาทิ แจ้งบัญชีทรัพย์สินเป็นเท็จหรือจงใจปกปิดทรัพย์สิน, เป็นรัฐมนตรีโดยคงไว้ซึ่งหุ้นสัมปทาน, การทำผิดกฎหมายตลาดหลักทรัพย์ ฯลฯ
การติดตามการดำเนินคดีเหล่านี้ ล้วนเป็นหน้าที่โดยตรงของฝ่ายบริหาร หากปรากฏว่ามีการจงใจละเว้น หรือประวิงคดี หรือทำลายหลักฐาน เจ้าหน้าที่รัฐที่เกี่ยวข้องก็อาจต้องกลายเป็นผู้รับผิดติดคุกไปด้วย
หน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้อง อาทิ ป.ป.ช. สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ตลาดหลักทรัพย์หรือ กลต. รวมถึงรัฐมนตรีที่มีหน้าที่กำกับดูแลหน่วยงานเหล่านี้ ย่อมอยู่ในข่ายที่จะต้องรับผิดชอบ
4. บทบาทของฝ่ายค้าน
น่าเสียดายว่า ในการอภิปรายไม่ไว้วางใจของฝ่ายค้านที่จะเริ่มขึ้นช่วงสัปดาห์หน้า ไม่ปรากฏว่า ฝ่ายค้านจะหยิบยกปัญหาความล่าช้า หรือการละเว้นในการติดตามการดำเนินการตามแนวทางแห่งคำพิพากษาของศาลฎีกาฯ เลยแม้แต่ประเด็นเดียว
ทั้งๆ ที่ เรื่องเหล่านี้ เกี่ยวข้องโดยตรงกับการรักษาผลประโยชน์ของแผ่นดิน
ติดแต่เพียงเป็นเรื่องที่กระทบกับเครือข่ายผลประโยชน์ทางธุรกิจของนายใหญ่และพวก
ตรงกันข้าม แกนนำพรรคเพื่อไทยกลับเปิดเผยแนวทางการเคลื่อนไหวทางการเมืองของตนเองอีกด้วยว่า การเลือกตั้งครั้งหน้า ยังจะมุ่งที่ช่วยเหลือ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เพราะการเป็นผู้ถูกยึดทรัพย์จากการร่ำรวยผิดปกติจะขาดคุณสมบัติการเป็น ส.ส.ไปตลอดชีวิต โดยประกาศจะพาทักษิณกลับบ้าน อันหมายถึงจะต้องนิรโทษกรรมคดีความผิดทั้งหลาย ซึ่งจะกระทบกับการติดตาทวงคืนผลประโยชน์ที่รัฐสูญเสียไปโดยตรง
1 ปี ของคำพิพากษาในคดีประวัติศาสตร์ จึงยังไม่บังเกิดผลประโยชน์แก่แผ่นดินส่วนรวมอย่างที่ควรจะเป็น
ดร.เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง
ศาสตราภิชาน มหาวิทยาลัยรังสิต
- - - - - - - - - - - - - - - - - -
พันตรีศิริชัย ทรัพย์ศิริ
นายกสมาคมคนพิการทางการเคลื่อนไหวสากล (ส.พ.ค.)
โทร. 02-990-0331
http://www.apdi2002.com
http://www.youtube.com พิมพ์ apdi. หรือ
สมาคมคนพิการ
703541616
*********************
|