ReadyPlanet.com


โคนแสงแดดนาน ๆ เป็นมะเร็งได้


อันตรายจากแสงแดด! ตากนานๆ ถึงมะเร็ง-มองแสงจ้าบ่อยมีสิทธิ์บอด

กรมควบคุมโรค แนะนำประชาชนที่ตากแดดหรืออยู่กลางแจ้งบ่อยๆ รวมถึงการมองบริเวณที่มีแสงมากเป็นเวลานาน เสี่ยงต่อการเกิดอาการผิวหนังอักเสบและไหม้ หน้าลอก ตาอักเสบ หากจ้องมองบริเวณที่มีแสงจ้านานเกินไปอาจทำให้ตาบอดได้ นอกจากนี้การตากแดดยังทำให้แก่เร็วและมีความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งผิวหนังอีกด้วย
       
       
วันนี้ (7 มี.ค.) นพ.มานิต ธีระตันติกานนท์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า จากเหตุการณ์เมื่อปี 2552 นักเรียนของโรงเรียนแห่งหนึ่งในจังหวัดพังงาเกิดอาการเจ็บตาหมู่ กรมควบคุมโรคได้ส่งทีมสอบสวนโรคของสำนักโรคจากการประกอบอาชีพและสิ่งแวดล้อมลงพื้นที่สอบสวนโรคร่วมกับหน่วยงานต่างๆ ในพื้นที่ พบว่า
        
       
มีนักเรียนจำนวนกว่า 50 ราย ได้รับรังสียูวีจากแสงแดดที่สะท้อนมาจากหลังคาอาคารหลังใหม่ ตกมากระทบตรงตำแหน่งที่นักเรียนนั่งทำกิจกรรมโดยได้รับรังสีนานกว่า 30 นาที และส่งผลให้นักเรียนเกิดอาการตาอักเสบ ผิวหนังอักเสบและไหม้ หน้าลอก
        
       
ในจำนวนนี้พบนักเรียนที่มีอาการรุนแรง จำนวน 21 ราย ซึ่งเป็นอาการของโรค UV BURN หรืออาการผิวหนังไหม้จากรังสียูวี (อัลตราไวโอเลต) ซึ่งรังสียูวีวัดได้โดยใช้ค่าดัชนีของรังสียูวี เริ่มตั้งแต่น้อยกว่าระดับ 2 ถือว่าบริเวณนั้นมีรังสียูวีต่ำ ระดับ 3-5 เป็นระดับที่พอดีและให้ประโยชน์แก่ผิวหนัง เช่น การตากแดดช่วงเช้าตั้งแต่เวลา 06.00-09.00 น. จะช่วยสร้างภูมิคุ้มกัน ทำให้กระดูกและฟันแข็งแรงป้องกันโรคกระดูกพรุน และช่วยทำให้จิตใจแจ่มใส ระดับ 6-10 เป็นระดับที่สูงเกินไปและมีผลต่อผิวหนังแต่ยังไม่ปรากฏอาการชัดเจนมากนัก ระดับมากกว่า 11 เป็นระดับที่ถือว่าอันตราย เพราะหากตากแดดติดต่อกันเป็นเวลานานเกินไป จะทำให้เกิดอาการผิวหนังหรือหน้าแดง มีการลอกของผิวหนังหรือมีการไหม้แดดตามมา และอาจเป็นโรคมะเร็งผิวหนัง ถ้ามองแสงสว่างจัดมากเกินไปอาจทำให้กระจกตาอักเสบหรือถึงขั้นตาบอดได้
        
       
โดยรังสียูวีจะมีผลต่อผิวหนังของคนเราที่ต่างกันออกไป เพราะผิวหนังของแต่ละคนจะมีความไวต่อแสงแดดไม่เท่ากัน ขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆ ได้แก่ สีผิวและสภาพผิว เชื้อชาติ ช่วงอายุ ช่วงเวลาที่โดนแสงแดด ซึ่งหมายถึงความเข้มของแสงที่ได้รับในแต่ละวัน ระยะเวลาที่โดนแสงแดด และสะสมเป็นเวลานาน ส่วนพื้นที่ที่มีค่าดัชนีของรังสียูวีมาก ก็คือ บริเวณพื้นที่ภาคใต้ของไทย มีค่าดัชนีของรังสียูวีเป็น 11 เมื่อเทียบกับภาคอื่นๆ ที่มีค่าดัชนีของรังสียูวีประมาณ 8 เท่านั้น
       
       
นพ.มานิต กล่าวต่อไปว่า วิธีดูแลรักษาตนเองให้ปลอดภัยจากโรค UV BURN หรืออาการผิวหนังไหม้จากรังสียูวี โดยการหลีกเลี่ยงการอยู่กลางแจ้งเป็นเวลานานๆ โดยเฉพาะระหว่างเวลา 09.00-16.00 น. พยายามหลบแสงแดดให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ในทุกที่ทุกเวลา สวมหมวกปีกกว้าง แว่นตากันแดดหรือกางร่มเมื่อต้องเจอแสงแดดและทำกิจกรรมต่างๆกลางแจ้ง สวมเสื้อผ้าให้ปิดร่างกายมิดชิด ทาครีมกันแดดในบริเวณผิวหนังที่ไม่สามารถป้องกันด้วยเสื้อผ้า เช่น บริเวณใบหน้าหรือหลังมือ หลีกเลี่ยงการจ้องมองแสงโดยตรงหรือแสงที่สะท้อนจากวัตถุต่างๆ เช่น ป้าย หลังคา รถยนต์ เป็นต้น สำหรับโครงการก่อสร้างหรือการออกแบบอาคารใดๆ ควรมีการประเมินผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมด้วยทุกครั้ง เพื่อเป็นการป้องกันปัญหาสุขภาพหรือเหตุรำคาญที่อาจเกิดขึ้น

 

 

 

- - - - - - - - - - - - - - - - - -  

พันตรีศิริชัย   ทรัพย์ศิริ

นายกสมาคมคนพิการทางการเคลื่อนไหวสากล (ส.พ.ค.)

โทร. 02-990-0331

http://www.apdi2002.com

http://www.youtube.com พิมพ์ apdi. หรือ

สมาคมคนพิการ

0703531734

*********************

 



ผู้ตั้งกระทู้ พันตรีศิริชัย ทรัพย์ศิริ (apdmajor1-at-yahoo-dot-com) :: วันที่ลงประกาศ 2010-03-07 17:35:05 IP : 124.122.26.101


[1]

ความคิดเห็นที่ 1 (4019559)

"การตากแดดยังทำให้แก่เร็วและมีความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งผิวหนัง" แง งานหนูอยู่กลางแจ้งๆ

ผู้แสดงความคิดเห็น ยอดหญิง วันที่ตอบ 2016-09-14 12:46:26 IP : 223.207.251.251



[1]


แสดงความคิดเห็น
ความคิดเห็น *
ผู้แสดงความคิดเห็น  *
อีเมล 
ไม่ต้องการให้แสดงอีเมล



สมาคมคนพิการทางการเคลื่อนไหวสากล 802/410 หมู่12 หมู่บ้านวังทองริเวอร์ปาร์ค ซอย10/4 ตำบลคูคต อำเภอลำลูกกา จังหวัดปทุมธานี 12130 โทร : 02-990-0331 Copyright © 2010 All Rights Reserved.