ReadyPlanet.com


*** - เงินบาป - รัฐบาลอภิสืทธิ์


***พิสูจน์ ครม.อภิสิทธิ์

จะเอาสังคมหรือเลือก เงินบาป

รายงาน
       
โดย...แสงตะวัน
       
       ภายในต้นปีหน้าคงจะมีความชัดเจนเกี่ยวกับโครงการจำหน่ายรางวัลเลขท้าย 2 ตัว 3 ตัว ด้วยเครื่องจำหน่ายอัตโนมัติ หรือที่เรารู้จักกันดีในชื่อของ***ว่าจะได้คลอดออกมาอย่างเต็มตัวหรือไม่
       
       
ล่าสุด กระทรวงการคลังเปิดไฟเขียวผลักดันให้เดินหน้าต่อ โดยอ้างถึงพันธสัญญาที่มีข้อผูกพันทางกฎหมายกับภาคเอกชนมาเป็นหลักในการขับเคลื่อน
       
       
ขณะที่ผู้บริหารบริษัท ล็อกซ์เล่ย์ จีเทค เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) หรือ แอลจีที ซึ่งเทียวไล้ เทียวขื่อ เข้าพบ ประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ รมช.คลัง และนายสถิตย์ ลิ่มพงศ์พันธุ์ ปลัดกระทรวงการคลัง ในฐานะประธานคณะกรรมการสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล อยู่บ่อยครั้ง
       
       
เพื่อเร่งรัดให้เดินหน้าโครงการนี้โดยเร็ว ไม่เช่นนั้นอาจจะมีการฟ้องเรียกค่าเสียหายทางแพ่งกับภาครัฐในฐานะละเมิดข้อตกลงในสัญญา ด้วยการพูดถึงตัวเลขกลมๆ
       
       
ที่รัฐอาจต้องจ่ายชดเชยให้กับเอกชน หากตัดสินใจยกเลิกโครงการนี้กว่าสามพันล้านบาท
       
       
และมีคำขู่ว่าจะมีการหยิบเรื่องนี้ฟ้องเป็นคดีอาญา ฐานความผิดปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ทำให้รัฐเกิดความเสียหายตาม ม.157 กฎหมายอาญา
       
       
ซึ่งกลายเป็นเหล็กแหลมค้ำคอรัฐบาล บีบบังคับไม่ให้ตัดสินใจไปในทางอื่น เว้นแต่จะต้องปฏิบัติตามสัญญาที่ทำร่วมกันเท่านั้น
       
       
ทางเลือกของรัฐบาลจึงเล็ก แคบ อยู่ใน 4 ทางเลือก คือ
       
       1.
รัฐเดินหน้า***ต่อไปเพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้เอกชนฟ้องเรียกค่าเสียหาย ซึ่งแน่นอนว่ารัฐหมดประตูสู้ เนื่องจากมีสัญญาผูกมัดอยู่ และรัฐไม่ต้องเสียค่าชดเชยกว่าสามพันล้านบาท
       
       2.
รัฐปล่อยให้มีการเดินหน้า*** แต่แสดงเจตนารมณ์ว่าไม่ขอรับรายได้จากหวย แต่โอนรายรับทั้งหมดไปให้มูลนิธิแห่งใดแห่งหนึ่ง ถือเป็นสลากการกุศลที่เอกชนทำร่วมกับมูลนิธิ และจบตามพันธสัญญา
       
       
เพื่อส่งสัญญาณต่อสังคมว่า รัฐไม่ส่งเสริมและไม่สนับสนุนเรื่อง*** แต่จำเป็นต้องปฏิบัติเพราะมีสัญญาบังคับอยู่
       
       3.
เจรจากับบริษัทเอกชนที่ได้รับสัมปทานให้เข้าใจว่า รัฐบาลชุดนี้ไม่ต้องการส่งเสริมการพนัน และขอยกเลิกโครงการดังกล่าว แต่จะให้สิทธิพิเศษกับบริษัทรายดังกล่าวในโครงการอื่น เพื่อแลกเปลี่ยนกับข้อผูกมัดที่เกิดขึ้นในโครงการนี้ ซึ่งผลลัพธ์ของเรื่องนี้ หากทำสำเร็จคือรัฐบาลไม่ต้องเดินหน้าในสิ่งที่ไม่อยากทำ ส่วนเอกชนก็จะได้รับการชดเชยจากโครงการอื่นแทนโดยไม่ต้องไปฟ้องร้อง
       
       4.
รัฐบาลยกเลิกโครงการนี้ เพื่อส่งสัญญาณกับสังคมให้ชัดเจนว่าไม่ได้เห็นดี เห็นงามกับการมอมเมาประชาชนเพิ่มเติมโดยรัฐ แม้ต้องเสียเงินกว่าสามพันล้านบาท เพื่อแลกกับการวางรากฐานที่ดีให้กับสังคม ก็ถือว่าคุ้มค่า เพราะไม่มีใครประเมินค่าความเสียหายทางสังคมได้ว่า หากปล่อยให้มี***แล้ว ผลกระทบที่รัฐต้องตั้งกองทุนเยียวยา จะมีราคาสูงกว่าสามพันล้านบาทหรือไม่
       
       
จากข้อมูลที่ปรากฏในขณะนี้ กระทรวงการคลังทั้ง รมช. ปลัดฯ หรือแม้แต่ กรณ์ จาติกวณิช รมว.คลัง ต่างก็ผลักดันกันสุดลิ่มทิ่มประตูให้เดินหน้าโครงการนี้ หนีการฟ้องร้อง และเสนอให้ใช้วิธีการตามข้อสองคือ โยนให้เป็นเรื่องเอกชนกับมูลนิธิ รัฐไม่เกี่ยว แต่ให้ทุกอย่างเดินหน้าไปตามพันธะสัญญา
       
       
ฟังดูก็เหมือนจะดี เพราะนอกจากจะไม่ถูกเอกชนฟ้องร้องแล้ว ยังเป็นการหาทางออกให้ อภิสิทธิ์ได้ชี้แจงต่อสังคมอีกด้วยว่า รัฐไม่ได้ส่งเสริม ไม่ได้เห็นเรื่องรายได้สำคัญเพราะเงินส่วนนี้รัฐไม่เกี่ยว
       
       
แต่ถ้ามองให้ลึกลงไปจะเห็นชัดเจนว่า การตัดสินใจดังกล่าวเป็นแค่ทางออกให้กับภาคเอกชนกับนายกรัฐมนตรี และพรรคประชาธิปัตย์ ที่เคยคัดค้านเรื่องนี้มาโดยตลอดเท่านั้น เหมือนกับปัดสวะให้พ้นตัว
       
       
แต่สวะนั้นก็ยังอยู่ เพราะประเด็นไม่ได้อยู่ที่ว่ารายได้จะเข้ารัฐหรือมูลนิธิ แต่อยู่ที่ว่ารัฐต้องการให้มี***หรือไม่ ต่างหาก เนื่องจากไม่ว่าเงินจะเข้าที่ไหนก็ตามหากมี*** การมอมเมาประชาชนก็เกิดอยู่ดี การตัดสินใจเลือกเดินทางนี้ จึงเท่ากับไม่ได้ทำเพื่อสังคมอย่างแท้จริง แต่ทำเพื่อตอบโจทย์ให้กับฝ่ายการเมืองเท่านั้น
       
       
โจทย์ที่รัฐบาลต้องตีให้แตก คือ จริงหรือที่*** จะส่งผลดีต่อประชาชน เพราะจะช่วยไม่ให้มีการค้าสลากกินแบ่งรัฐบาล หรือ ล็อตเตอรี่ ในราคาที่สูงเกินจริง และจะช่วยลดหวยใต้ดินที่ผิดกฎหมายลง
       
       
คำถามคือ ถ้าคณะกรรมการที่พิจารณาเรื่องนี้เห็นว่า ***ส่งผลดีต่อประชาชน เหตุใดจึงเตรียมตั้งกองทุนเยียวยาเสียตั้งแต่โครงการนี้ยังไม่เดินหน้า
       
       
คำตอบง่ายๆ ก็คือ เพราะรู้อยู่เต็มอกว่า การเพิ่มช่องทางการพนันอย่างถูกกฎหมายนั้นจะส่งผลกระทบที่ทำให้สังคมอ่อนแอ เบื้องต้นจึงตั้งวงเงินไว้ประมาณ 500 ล้านบาทต่อปี เพื่อเยียวยาสังคม และกำลังพิจารณาเพิ่มวงเงินอีก เพราะเห็นว่ายังน้อยเกินไป หากรัฐคำนึงถึงปัญหาสังคมจริง ก็น่าจะเห็นชัดเจนว่าเงิน 500 ล้านบาท หรืออาจจะมากกว่านั้น คูณด้วย 5 ปี กว่าจะสิ้นสุดการออก***ตามสัญญา เป็นตัวเลขใกล้เคียง หรืออาจจะมากกว่าที่ต้องจ่ายค่าชดเชยให้กับเอกชนที่ประเมินกันว่า น่าจะกว่าสามพันล้านบาทเสียด้วยซ้ำ
       
       
จึงเห็นชัดเจนว่า เอกชนไม่ได้ต้องการเงินชดเชย แต่ต้องการรายได้ที่มากกว่านั้น จากอายุการสัมปทานทำ*** 5 ปี และรัฐก็จะมีรายได้จำนวนมหาศาล แต่จะคุ้มหรือไม่ที่จะ เงินบาปมาทำบุญพอเป็นพิธีเพียงเพื่อให้โครงการนี้ดูดีว่า ได้เยียวยาสังคมไปแล้ว
       
       
เราติด กับดักคำว่า เยียวยามากี่โครงการแล้ว แล้วรัฐเยียวยาได้จริงหรือไม่ โครงการมาบตาพุดเป็นคำตอบที่ดี เพราะขนาดเรื่องของสุขภาพและทรัพยากรธรรมชาติ ซึ่งเห็นภาพความเสียหายชัดเจน รัฐยังดูแลได้ไม่ครอบคลุม นับประสาอะไรกับปัญหาสังคมที่มองไม่เห็น แล้วรัฐจะดูแลได้หรือ?
       
       
เท่าที่ติดตามความคืบหน้าในเรื่องนี้ สาเหตุที่ทำให้กระทรวงการคลังไฟเขียวเก้อ แต่โครงการยังเดินหน้าไม่ได้ เพราะอภิสิทธิ์ยังพยายามที่จะสู้ต่อ โดยส่งเกียรติ สิทธิอมรประธานผู้แทนการค้าไทย ไปเจรจากับ บริษัท ล็อกซ์เล่ย์ ตามแนวทาง ข้อที่สามแต่ยังไม่ทราบผลที่ชัดเจนว่า บริษัทเอกชนจะตกลงปลงใจด้วยหรือไม่
       
       
ถ้าเอกชนไม่เล่นด้วย ก็คงถึงเวลาที่ อภิสิทธิ์ต้องตัดสินใจครั้งสำคัญว่า จะยกเลิกโครงการนี้หรือไม่
       

       
ยังแอบหวังอยู่ลึกๆ ว่าอภิสิทธิ์จะสู้อย่างถึงที่สุด ไม่ยอมจำนนกับคำขู่ว่า อาจต้องติดคุกกับการตัดสินใจครั้งนี้ เนื่องจากเป็นต้นเหตุทำให้รัฐต้องเสียเงินกว่าสามพันล้านบาท ชดเชยให้เอกชนจากการที่รัฐบาลยกเลิก*** ที่มีเสียงขู่ว่าจะมีคนฟ้องเป็นคดีอาญา
       
       
แต่อย่างไรก็ดี ประเด็นนี้ นักกฎหมายหลายสำนัก ยืนยันตรงกันว่า ไม่มีทางฟ้องรัฐในคดีอาญาได้ เนื่องจากสัญญาที่ทำนั้นเป็นสัญญาทางแพ่ง และการยกเลิกโครงการ ก็เพราะรัฐต้องการรักษาศีลธรรมอันดีให้คงอยู่ ลดการมอมเมาประชาชน ไม่เพิ่มการพนันที่จะทำให้เยาวชนเข้าถึงได้ง่าย และเหตุผลที่ชอบธรรมอื่นอีกมาก
       
       
ขอฝากความหวังไว้ที่คณะรัฐมนตรีซึ่งเป็นปราการด่านสุดท้าย ควรร่วมมือกันยืนหยัดในสิ่งที่ถูกต้อง แทนที่จะปล่อยให้ผู้นำโดดเดี่ยวอยู่เพียงลำพัง
       
       
เพราะหน้าที่ของรัฐบาลที่มีธรรมาภิบาล คือกำหนดทิศทางที่ถูกต้องให้สังคมไทย ไม่ใช่เริ่มมาเลว แล้วต้องเดินหน้าความเลวต่อไป ในเมื่อมีอำนาจที่สามารถยับยั้งได้ก็ควรทำ อย่าให้ผลประโยชน์เฉพาะหน้ามาบดบังการสร้างความดีงามให้กับสังคมไทย
       
       
ชีวิตคนสั้นนัก แต่อำนาจในมือสั้นยิ่งกว่า ฉะนั้นเมื่อยังมีอำนาจอยู่ ก็ขอให้ได้ชื่อว่า ใช้อำนาจไปเพื่อประโยชน์ของประชาชนอย่างแท้จริง ผลกระทบอาจตามมาบ้าง ก็เป็นเรื่องที่ต้องร่วมกันรับผิดชอบ จึงจะสมกับที่ประชาชนให้ความไว้วางใจให้เข้ามาบริหารบ้านเมือง
       
       
การตัดสินใจเชิงนโยบายครั้งนี้ จะมีส่วนสำคัญอย่างยิ่งในการกระตุกสังคมให้เห็นภาพชัดเจนว่า เงินไม่ได้มีความหมายเท่ากับปูพื้นฐานสังคมที่ดีให้กับลูกหลาน

- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -

พันตรีศิริชัย  ทรัพย์ศิริ

สมาคมคนพิการทางการเคลื่อนไหวสากล (ส.พ.ค.)

www.waddeeja.com

Tel.02-990-0331

1712521815

 

 



ผู้ตั้งกระทู้ พันตรีศิริชัย ทรัพย์ศิริ (apdmajor1-at-yahoo-dot-com) :: วันที่ลงประกาศ 2009-12-17 18:15:14 IP : 124.121.143.254


[1]

ความคิดเห็นที่ 1 (3144190)

การตัดสินใจเชิงนโยบายครั้งนี้ จะมีส่วนสำคัญอย่างยิ่งในการกระตุกสังคมให้เห็นภาพชัดเจนว่า เงินไม่ได้มีความหมายเท่ากับปูพื้นฐานสังคมที่ดีให้กับลูกหลาน..... มีทั้งคนเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย...

- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -

พันตรีศิริชัย  ทรัพย์ศิริ

สมาคมคนพิการทางการเคลื่อนไหวสากล (ส.พ.ค.)

www.waddeeja.com

Tel.02-990-0331

0801532030

ผู้แสดงความคิดเห็น พันตรีศิริชัย ทรัพย์ศิริ (apdmajor1-at-yahoo-dot-com)วันที่ตอบ 2010-01-08 20:30:22 IP : 124.122.26.131


ความคิดเห็นที่ 2 (3144874)

นายกฯยันเงินหวยตู้ไม่คุ้มอนาคตชาติ

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวในรายการ "เชื่อมั่นประเทศไทยกับนายกฯอภิสิทธิ์" กรณี*** ว่า ตนมีจุดยืนที่ชัดเจนตั้งแต่ยังไม่เข้ารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีว่าไม่อยากให้รัฐบาลขยายการพนันในรูปแบบต่างๆ และออกผลิตภัณฑ์รูปแบบใหม่ๆ หรือนำเรื่องที่ผิดกฎหมายมาทำให้ถูกกฎหมาย ซึ่งจากประสบการณ์แม้ช่วงที่มีหวยบนดิน หวยใต้ดินก็ไม่ได้หมดไปหรือลดลงเพียง 20% เทียบไม่ได้กับจำนวนผู้ที่เข้ามาเล่นการพนันเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะเยาวชนที่ผลสำรวจพบว่าเพิ่มขึ้นหลายเท่าตัว ไม่คุ้มที่จะดำเนินโครงการนี้ต่อ ซึ่งรัฐบาลเคยชี้แจงแล้วว่าไม่ประสงค์จะมีรายได้จากการเอาหวยขึ้นมาบนดิน ส่วนคำถามว่าเหตุใดรัฐบาลเพิ่งทำโดยปล่อยเวลาให้ผ่านมา 1 ปีนั้น รัฐบาลไม่ได้นิ่งเฉยและมอบนโยบายให้รมว.คลัง และปลัดกระทรวงการคลัง เจรจากับบริษัทคู่สัญญามาโดยตลอด ซึ่งสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลก็รับทราบแต่ไม่สามารถเจรจาได้ คณะกรรมการจึงตัดสินใจเดินหน้าต่อ

"
ในสัญญาระบุว่าหากเป็นนโยบายรัฐบาลสามารถยกเลิกได้ แต่ต้องจ่ายค่าชดเชย คาดต้องใช้เวลา 1 เดือนหาทางออก ยืนยันว่ารัฐบาลพร้อมช่วยเหลือชดเชยสิทธิประโยชน์แก่บริษัทคู่สัญญา หากมีรูปแบบที่ไม่เกิดการฟ้องร้องต่อรัฐบาล และการช่วยเหลือจะครอบคลุมถึงผู้ได้รับสิทธิเดินโพย ดังนั้นการแก้ปัญหาเรื่อง***ดังกล่าวจึงอยู่ที่การบังคับใช้กฎหมายและยืนยันเงินที่ได้จาก***ไม่คุ้มกับอนาคตของชาติแน่นอน" นายอภิสิทธิ์กล่าว

 

 

- - - - - - - - - - - - - - - - - -  

พันตรีศิริชัย   ทรัพย์ศิริ

นายกสมาคมคนพิการทางการเคลื่อนไหวสากล (ส.พ.ค.)

โทร. 02-990-0331

http://www.apdi2002.com

http://www.youtube.com พิมพ์ apdi. หรือ

สมาคมคนพิการ

1101531913

*********************

 

ผู้แสดงความคิดเห็น พันตรีศิริชัย ทรัพย์ศิริ (apdmajor1-at-yahoo-dot-com)วันที่ตอบ 2010-01-11 19:12:43 IP : 124.121.140.180


ความคิดเห็นที่ 3 (3145310)

ปัญหาสลากกินแบ่งรัฐบาล (บทบรรณาธิการ)

 

ประเทศไทยเริ่มมีการออกสลากกินแบ่งรัฐบาลครั้งแรกในสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เมื่อปี 2417โดยกรมทหารมหาดเล็กเป็นผู้ดำเนินการต่อมาในสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวได้โปรดเกล้าฯให้ออกสลากกินแบ่งรัฐบาลลอตเตอรี่เสือป่าล้านบาทในปี 2466

หลังจากนั้นในสมัยรัชกาลพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวหลังการเปลี่ยนแปลงการปกครองเมื่อวันที่ 24 มิถุนายน 2475 รัฐบาลคณะราษฎรได้ให้กระทรวงมหาดไทยออกสลากกินแบ่งรัฐบาลออกสลากกินแบ่งหารายได้อีกหลายครั้งจนในวันที่ 5 เมษายน 2482 รัฐบาลจึงได้สถาปนาสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลขึ้นอย่างเป็นทางการโดยเป็นรัฐวิสาหกิจสังกัดกระทรวงการคลังตาม พ.ร.บ.ปี 2517

แต่เดิมสลากกินแบ่งรัฐบาลยังไม่ได้รับความนิยมจากประชาชนมากนัก การจำหน่ายสลากกินแบ่งเกินราคาที่กำหนดจึงไม่มีจนกระทั่งความนิยมเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ และมีการเล่นหวยใต้ดินหรือสลากกินรวบจากรางวัลสลากกินแบ่งรัฐบาลจึงเป็นผลให้สลากกินแบ่งรัฐบาลมีการขายเกินราคาเนื่องมาจากอุปสงค์มากกว่าอุปทาน

สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลได้พยายามแก้ไขปัญหาการขายสลากกินแบ่งเกินราคามาโดยตลอดด้วยการพิมพ์จำนวนสลากกินแบ่งเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ จนล่าสุดทราบว่ามียอดพิมพ์ทั้งสลากปกติและสลากการกุศลรวม 59 ล้านฉบับ ในงวดวันที่ 16 มกราคม 2553 นี้

ซึ่งทำให้ราคาจำหน่ายสลากจากเดิมที่เคยอยู่ในราคาฉบับละ 110 - 120 บาทลดลงมาเหลือราคาฉบับละ 90 - 100 บาท ซึ่งยังสูงกว่าราคาจำหน่ายจริงในฉบับละ 80 บาทอยู่ 10 - 20 บาท ถ้าหากจะทำให้สลากกินแบ่งมีราคาฉบับละ 80 บาท ตามที่กำหนดสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลจำเป็นจะต้องพิมพ์สลากเพิ่มอีกก็ได้เพื่อทำให้อุปทานและอุปสงค์ของสลากกินแบ่งใกล้เคียงกัน

ขณะนี้มีนักการเมืองฝ่ายค้านออกมาโจมตีว่าการที่รัฐบาลปัจจุบันมีนโยบายยกเลิกการจำหน่ายสลากกินแบ่งด้วยเครื่องอัตโนมัติหรือ***เป็นเพราะการจำหน่ายสลากด้วยวิธีดังกล่าวทำให้การผูกขาดการจำหน่ายสลากกินแบ่งแบบธรรมดาของนายทุนพรรครัฐบาลกระทบกระเทือนและเป็นการช่วยเหลือธุรกิจการขายหวยใต้ดินของนายทุนฝ่ายรัฐบาล

ข้อเท็จจริงก็คือ ผู้ที่เริ่มให้มีการจำหน่าย***และหวยบนดินนั้นเป็นนักการเมืองฝ่ายค้านไม่ใช่ฝ่ายรัฐบาลปัจจุบัน สำหรับวิธีการไม่ให้มีการขายสลากกินแบ่งเกินราคาและไม่ให้มีหวยใต้ดินนั้นก็ไม่ใช่เรื่องยากเพียงแต่สำนักงานสลากกินแบ่งต้องกระจายผู้แทนจำหน่ายสลากออกไปให้แพร่หลายอย่าให้เกิดการผูกขาด

สำนักงานสลากกินแบ่งควรออกรางวัลที่1 และรางวัลเลขท้ายหลายๆชุดจะทำให้การเล่นหวยใต้ดินลำบากขึ้นเพราะมีตัวเลขหลายชุดการกำหนดตัวเลขที่จะใช้รับรางวัลก็จะยากขึ้น ความนิยมซื้อหวยใต้ดินก็จะลดลงไปในที่สุด

- - - - - - - - - - - - - - - - - -  

พันตรีศิริชัย   ทรัพย์ศิริ

นายกสมาคมคนพิการทางการเคลื่อนไหวสากล (ส.พ.ค.)

โทร. 02-990-0331

http://www.apdi2002.com

http://www.youtube.com พิมพ์ apdi. หรือ

สมาคมคนพิการ

1301531051

*********************

 

ผู้แสดงความคิดเห็น พันตรีศิริชัย ทรัพย์ศิริ (apdmajor1-at-yahoo-dot-com)วันที่ตอบ 2010-01-13 10:51:26 IP : 124.121.139.87


ความคิดเห็นที่ 4 (3145738)

ตู้***เคว้ง! "จีเทค"โร่พบ"มาร์ค" "ล็อกซเล่ย์"โวยจ่าย 400 ล.ไม่จบแน่

"เกียรติ" เผยความคืบหน้า*** หลังผู้บริหาร "จีเทคฯ" เข้าพบนายกฯ ยันพร้อมให้ความร่วมมือหาทางออก โดยไม่ต้องการฟ้องร้อง แต่รู้สึกผิดหวังที่ถูกยกเลิก ส่วนการโอนตู้ออกสลาก และข้อเสนอในการนำไปพิมพ์สลาก 6 ตัวนั้น ต้องไปดูข้อกฎหมายและความคุ้มค่าในการลงทุน ขณะที่ผู้บริหาร "ล็อกซเล่ย์" โวยจ่ายค่าเสียหายแค่ 400 ล้าน ไม่จบแน่ แต่การยอมรับเอาเครื่องไปพิมพ์สลาก 6 ตัว ต้องถือเป็นความกรุณาสูงสุด พร้อมฝากขอบคุณนายกฯ
       

       
นายเกียรติ สิทธีอมร ประธานผู้แทนการค้าไทย ในฐานะประธานคณะกรรมการตรวจสอบและพิจารณาข้อเท็จจริงและกฎหมายที่เกี่ยวข้องในโครงการจำหน่าย*** เปิดเผยภายหลังประธานจีเท็คจากสหรัฐ เดินทางเข้าพบเพื่อหารือกับนายอภิสิทธิ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี โดยระบุว่า พร้อมให้ความร่วมมือในการหาทางออกยกเลิก*** โดยไม่ต้องการที่จะฟ้องร้องดำเนินคดีกับรัฐบาลหากยกเลิกโครงการดังกล่าว
       
       "
ทางบริษัทจีเทคก็รู้สึกผิดหวังที่รัฐบาลไม่เดินหน้าต่อ แต่ทางบริษัทจีเทคก็มีประสบการณ์ในการทำงานกับรัฐบาลในหลายประเทศ ซึ่งเขาก็เข้าใจดีว่าถือเป็นนโยบายรัฐบาล และวันนี้ก็ส่งสัญญาณที่ชัดเจนว่า ไม่มีวัตถุประสงค์ที่จะดำเนินคดีในชั้นศาลกับรัฐบาลไทย และพร้อมให้ความร่วมมือกับรัฐบาลในการหาทางออกที่เป็นประโยชน์กับบริษัท รัฐบาล และทุกฝ่าย"
       
       
สำหรับการโอนอุปกรณ์ต่างๆ ที่บริษัทได้ลงทุนไปแล้วให้กับรัฐบาลนั้น นายเกียรติ กล่าวว่า ในวันนี้ได้มีการหารือเรื่องดังกล่าวแล้ว แต่ต้องดูในรื่องของข้อกฎหมายก่อน และพิจารณาว่าคุ้มค่าต่อการลงทุนหรือไม่
       
       
ด้านการชดเชยค่าเสียหายนั้น ยังไม่ได้หารือในรายละเอียด เพราะรัฐบาลต้องพิจารณาให้เป็นไปตามที่สัญญาสัมปทานกำหนดไว้ และข้อเสนอของบริษัทต้องไม่ขัดต่อกฎหมาย รวมทั้งเป็นเงื่อนไขที่ดีกว่าสัญญา โดยผู้บริหารของบริษัทจะเดินทางมาหารือในรายละเอียดกับตนเองอีกครั้งในสัปดาห์หน้า
       
       
โดยก่อนหน้านี้ มีกระแสข่าวว่า บริษัท ล็อกซเล่ย์ จีเทค เทคโนโลยี จำกัด ได้เสนอทางออกโดยให้นำเครื่องมาพิมพ์สลากปกติ 6 ตัว ได้หรือไม่ ซึ่งรัฐบาลก็ยินดีที่จะพิจารณา เพราะเป็นหนึ่งในทางเลื่อกเพื่อเยียวยาผลกระทบความเสียหายของบริษัท
       
       
ขณะเดียวกัน นายตรีจักร ตัณฑ์ศุภศิริ กรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ล็อกซเล่ย์ จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของล็อกซเล่ย์ จีเทค กล่าวว่า การออก*** ขอให้รัฐบาลให้ความเป็นธรรมกับบริษัทด้วย ส่วนแนวคิดการนำเครื่องไปออกสลาก 6 ตัว หรือเอาไปให้บริการด้านอื่น ขอชี้แจงว่าแนวทางดังกล่าวเป็นแนวทางที่ทำได้ยาก เนื่องจากเครื่องออกสลากได้รับการออกแบบมาเพื่อให้ทำงานได้เฉพาะการออกสลาก 2 ตัว 3 ตัว
       
       
ทั้งนี้ หากนำไปออกแบบสลาก 6 ตัว อาจทำได้ แต่จะเอาไปให้บริการด้านอื่นอาจทำได้ไม่ดีเท่าที่ควร เพราะระบบการประมวลผลไม่ได้ออกแบบมาให้ใช้งานกับงานด้านอื่น
       
       
อย่างไรก็ดี ยินดีที่จะไปปรับซอฟต์แวร์เพื่อนำไปขายสลาก 6 ตัว หรือตั๋วอื่นๆตามข้อเสนอ แต่ถ้าจะจ่ายแค่ 400 ล้านบาทแล้วจบ คงรับไม่ได้ การที่นายกฯ บอกว่า จะนำเครื่องมาพิมพ์สลาก 6 ตัว ต้องถือเป็นความกรุณาของท่านมาก และฝากขอขอบคุณด้วย

- - - - - - - - - - - - - - - - - -  

พันตรีศิริชัย   ทรัพย์ศิริ

นายกสมาคมคนพิการทางการเคลื่อนไหวสากล (ส.พ.ค.)

โทร. 02-990-0331

http://www.apdi2002.com

http://www.youtube.com พิมพ์ apdi. หรือ

สมาคมคนพิการ

1401531825

*********************

 

 

ผู้แสดงความคิดเห็น พันตรีศิริชัย ทรัพย์ศิริ (apdmajor1-at-yahoo-dot-com)วันที่ตอบ 2010-01-14 18:25:14 IP : 124.121.135.52


ความคิดเห็นที่ 5 (3146006)

***...ลงเอยอย่างไร? (เจิมศักดิ์ขอคิดด้วยฅน)

เงื่อนงำ

1) *** เรื่องเดิมเริ่มมาตั้งแต่ก่อนปี 2540 ยุครัฐบาลบรรหาร ศิลปอาชา ในสมัยที่นายประภัตร โพธสุธน เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กำกับดูแลสำนักงานกองสลาก

ปรากฏว่า ในวันสุดท้าย ระหว่างที่เป็นรัฐบาลรักษาการ

เพียงไม่กี่ชั่วโมงก่อนที่นายประภัตรจะส่งมอบหน้าที่ให้แก่รัฐมนตรีคนใหม่ในรัฐบาลชุดต่อไป (รัฐบาลพลเอกชวลิต ยงใจยุทธ) นายประภัตรก็ได้อาศัยอำนาจในฐานะรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง อนุมัติโครงการ***ให้แก่บริษัทในเครือของล็อกซเล่ย์ ชื่อ "จาโก้" ทำสัญญา 10 ปี จัดหาเครื่องจำหน่ายสลากอัตโนมัติ 5,000 เครื่อง

เป็นจุดเริ่มต้นของเงื่อนงำแห่งโครงการ***

2) โครงการ***ที่อนุมัติไปในยุค รมช.คลังประภัตร (ในรัฐบาลบรรหาร) ไม่ได้เป็นการพิมพ์สลากหวย 2 ตัว 3 ตัว แยกออกจากล็อตเตอรี่แบบที่มีตัวเลข 7 หลักเดิม เพียงแต่จะเป็นการติดตั้งตู้ขาย*** (ลักษณะคล้ายๆ ตู้เอทีเอ็ม) เพื่อให้ผู้ซื้อล็อตเตอรี่สามารถเลือกหมายเลข 3 ตัวท้าย หรือ 2 ตัวท้าย ได้ด้วยตนเอง

ยกตัวอย่าง หากผู้ซื้อต้องการได้ล็อตเตอรี่ 7 หลัก ที่มีเลขท้าย "ศูนย์ ศูนย์ ศูนย์" หรือ "_ _ _ _ 0 0 0" ก็สามารถกำหนดเลขท้าย 3 หลักที่ตนเองต้องการได้เลย แต่ตัวเลขที่เหลืออีก 4 ตัวข้างหน้า คอมพิวเตอร์จะเป็นผู้สุ่มเลือกให้เอง

พูดง่ายๆ ว่า เป็นสลากกินแบ่งแบบเดียวกับลอตเตอรี่อันเดิมนั่นเอง เพียงแต่แบ่งมาขายผ่านระบบออนไลนด์จำนวนหนึ่ง และส่วนที่ขายผ่านระบบออนไลน์นั้น ผู้ซื้อก็จะสามารถเลือกเลขท้าย 3 หลักได้ด้วยตนเอง

3) เมื่ออำนาจเปลี่ยนจากรัฐบาลบรรหาร มาเป็นรัฐบาลพลเอกชวลิต ยงใจยุทธ นายจาตุรนต์ ฉายแสง (พรรคความหวังใหม่) เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กำกับดูแลสำนักงานกองสลาก

รมช.คลังจาตุรนต์ได้ให้สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) และมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศึกษาเรื่องดังกล่าวให้รอบคอบ ก่อนจะได้ข้อสรุปว่า***ไม่ได้ช่วยแก้ปัญหาขายสลากเกินราคาได้ และมีผลกระทบต่อสังคม จึงให้มีการชะลอโครงการในช่วงเดือนเมษายน 2540

แต่หลังจากนั้น นายอำนวย วีรวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ก็หยิบยกโครงการดังกล่าวขึ้นมาอีก พร้อมประกาศจะเดินหน้า แต่ยังไม่ทันทำอะไร ก็ลาออกจากตำแหน่งเสียก่อน

ต่อมา เมื่อรัฐบาลชวลิตลอยตัวค่าเงินบาท วิกฤติเศรษฐกิจฝีแตก ประชาชนขับไล่ รัฐบาลชวลิตออกไป รัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ ที่มีคุณชวน หลีกภัย เป็นนายกรัฐมนตรี ก็เข้ามาแทน

คุณพิเชษฐ พันธุ์วิชาติกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เข้ามารับเผือกร้อน หากเดินหน้าโครงการก็จะเกิดผลกระทบทางสังคมมากมาย แต่ถ้าทำการยกเลิกสัญญากับเอกชน ฝ่ายเอกชนก็จะยกขึ้นเป็นเหตุฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายจากรัฐ จึงพยายามชะลอโครงการไว้ก่อน ยังไม่ได้เอาเรื่องเข้าคณะรัฐมนตรีให้มติยกเลิก

ฝ่ายเอกชนที่ได้เข้าทำสัญญากับรัฐตั้งแต่ในยุครมช.คลังประภัตร เริ่มเคลื่อนไหวกดดันภาครัฐ กระทั่งมีการนำเรื่องเข้าสู่การพิจารณาในระดับอนุญาโตตุลาการ วันที่ 4 ธ.ค. 2543 ตัดสินให้ภาครัฐจ่ายชดเชยแก่เอกชนรวมเป็นเงินประมาณ 4,000 ล้านบาท แต่ทางภาครัฐประกาศไม่ยอมรับการตัดสินดังกล่าว

เมื่ออำนาจเปลี่ยนจากรัฐบาลชวน หลีกภัย มาเป็นรัฐบาลทักษิณ ชินวัตร กุมภาพันธ์ 2544 นายวราเทพ รัตนากร เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กำกับดูแลสำนักงานกองสลาก รัฐบาลทักษิณทำการยกเลิกโครงการ เป็นเหตุเอื้อให้เอกชนอ้างในการฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายต่อรัฐ

ในขณะเดียวกัน รัฐบาลทักษิณก็เริ่มเดินหน้าโครงการ***แบบใหม่

ผู้เข้ามาทำสัญญา***ยุคทักษิณ ได้แก่ บริษัทล็อกซเล่ย์ จีเท็ค เทคโนโลยี จำกัด บริษัทลูกของกลุ่มล็อกซเล่ย์ (เช่นเดียวกับจาโก้) ทำสัญญาจ้างบริการจำหน่ายสลากหวยแบบใหม่ด้วยระบบตู้ออนไลน์ จำนวน 12,000 ตู้ ช่วงปลายเดือนกรกฎาคม 2548

4) หวยยุคทักษิณ แตกต่างจาก***ยุคบรรหาร

การจำหน่ายสลากแบบออนไลน์ผ่านระบบตู้ ยังไม่ได้เริ่มขาย แต่รัฐบาลทักษิณก็ให้ออกหวย 2 ตัว 3 ตัว เรียกว่า "หวยบนดิน" ออกจำหน่ายผ่านคนเดินโพย เพิ่มเติมขึ้นมาจากล็อตเตอรี่อีกต่างหาก

โดยมีลักษณะเป็น "สลากกินรวบ" ไม่ใช่สลากกินแบ่ง

เป็น "การพนัน" ที่มีสำนักงานกอลสลากเป็น "เจ้ามือ" รับ***เลขท้าย 2 ตัว 3 ตัว ในลักษณะคล้ายกันกับเจ้ามือหวยใต้ดิน

พูดง่ายๆ ว่า เป็นการออกสลากจำหน่ายเฉพาะหวยเลขท้าย 2 ตัว 3 ตัว แยกต่างหากจากลอตเตอรี่ เล่นได้เสียกันเฉพาะเลขท้าย 2 ตัว 3 ตัว โดยตรง

แต่ในที่สุด การออกสลากเล่นหวย 2 ตัว

ความคิดเห็นที่ 6 (3146007)

ท่าทีของนายกฯ อภิสิทธิ์

"อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ" ประกาศจุดยืนและท่าทีไว้ในหนังสือ "ร้อยฝันวันฟ้าใหม่" เรื่อง "คนไทยไม่ต้องพึ่งหวย" สะท้อนวิธีคิดต่อการปแก้ปัญหาเรื่องหวย สอดคล้องกับท่าทีล่าสุดของรัฐบาลปัจจุบัน

บางตอน ความว่า

"...ผมไม่คิดว่า "หวย" จะเป็นองค์ประกอบหนึ่งในสังคมในอุดมคติ และเราก็ไม่ควรทำให้หวยกลายเป็นสิ่งจำเป็นในสังคมชีวิตจริง ผมไม่ยอมรับว่าหวยอยู่ในสายเลือดของคนไทยส่วนใหญ่ และคงยอมรับไม่ได้ หากจะอ้างว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่สามารถปราบปรามการกระทำผิดกฎหมายในเรื่องหวยใต้ดินได้ เพราะถ้ายอมรับการอ้างเช่นนี้ ก็เท่ากับปฏิเสธความเป็นนิติรัฐ ปฏิเสธการบังคับใช้กฎหมาย เสมือนบ้านเมืองอยู่กันอย่างไม่มีขื่อแป...

รัฐควรเพิ่มกลไกและมาตรการในการปราบปรามหวยใต้ดินหลายอย่าง และนำไปใช้อย่างจริงจัง ทั้งมาตรการบังคับ และมาตรการจูงใจ เช่น การแก้กฎหมายให้ใช้กฎหมายป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) และ การยึดทรัพย์ ซึ่งมีบทลงโทษรุนแรง และมีกระบวนการสอบสวนดำเนินการที่มีประสิทธิภาพกว่า อันจะมีผลในทางป้องปรามเจ้ามือหวยใต้ดินบางส่วน, การมีสินบนนำจับเจ้ามือหวยใต้ดิน ทั้งให้แก่เจ้าพนักงานและประชาชน โดยให้มีมาตรการคุ้มครองความปลอดภัยของประชาชนที่ให้เบาะแสแก่ทางการด้วย เพื่อสร้างแรงจูงใจทั้งแก่เจ้าหน้าที่และประชาชนให้หันมาร่วมกันทำลายเครือข่ายหวยใต้ดิน ซึ่งอาจจะง่ายกว่าการรอให้ถูกรางวัลแจ็คพ็อตเสียอีก...

รัฐยังควรต้องทำความชัดเจนในประเด็นความถูกต้องและความชอบธรรมในทางกฎหมาย ในเรื่องของหวยตู้หรือ*** ว่าสถานะทางกฎหมายที่แท้จริงเป็นอย่างไร เพราะหากรัฐบาลไม่มีอำนาจจะให้สัมปทานตั้งแต่ต้น ก็ต้องนำมาทบทวนกันใหม่หมด และต้องมีการดำเนินการตามกฎหมายกับผู้อนุมัติ รวมทั้งหาข้อยุติเรื่องสิทธิของคู่สัญญาว่าจะต้องดำเนินการอย่างไร เพราะการเดินหน้าโครงการนี้ โดยเฉพาะหากอนุญาตให้บริษัทที่รับสัมปทานขายเลข 2 ตัว 3 ตัวได้ จะทำให้การลดการเล่นหวย หรือการป้องกันเด็กและเยาวชนไม่ให้เล่นหวย แทบจะเป็นไปไม่ได้เลย...

การทำหวยให้ถูกกฎหมาย เพิ่มจำนวนคนเล่นหวยขึ้นมาอีกกลุ่มใหญ่ ซึ่งจำนวนไม่น้อยคือคนที่ไม่ต้องการทำผิดกฎหมาย ไม่เล่นหวยหากผิดกฎหมาย แต่หากเป็นการเล่นแบบถูกกฎหมายก็พร้อมจะเล่น และอีกส่วนหนึ่งเป็นคนที่พร้อมจะเล่นหวยใต้ดิน แต่ก็เล่นไม่มากนัก เพราะรู้ว่าหากเกิดการโกงกัน ก็ไม่สามารถเรียกร้องสิทธิตามกฎหมายได้

การทำหวยบนดิน จึงทำให้คนสองกลุ่มนี้ เล่นหวยอย่างไม่ต้องพะวักพะวงกับสิ่งใด เพราะฉะนั้น เมื่อมองในทางตรงกันข้าม การยกเลิกหวยบนดินกลับน่าจะมีผลให้คนเล่นหวยทั้งหมดน้อยลงอย่างแน่นอน

ถ้าเราเชื่อว่า การเล่นหวยไม่ใช่สิ่งที่ดีสำหรับใครก็ตาม การไม่มีหวยให้เล่น หรือลดช่องทางในการเล่นหวย ก็น่าจะทำให้ชีวิตคนของเราดีขึ้น ผู้ที่เดือดร้อนจากการยกเลิกหวยบนดินจริงๆ จึงเป็นกลุ่มผู้ขายมากกว่า ซึ่งรัฐก็ควรจะหาแนวทางบรรเทาความเดือดร้อนของคนกลุ่มนี้

ถึงที่สุดแล้ว ผมคิดว่า รัฐจะต้องลดความความอยากในเรื่องของรายได้จากหวย เพราะหากเป้าหมายหลักคือการสนับสนุนค่านิยมที่ดี หรือคุณธรรม ก็จะต้องส่งสัญญาณให้ชัดว่า ความดีงามเหล่านั้นไม่ใช่สิ่งที่คะแนนเสียทางการเมืองหรือเม็ดเงินจะมาแลกได้ มิฉะนั้น ต่อไป การแก้ปัญหาการพนันฟุตบอล การค้าประเวณี บ่อนชายแดน ฯลฯ ก็จะมาอ้างอิงเรื่องหวยบนดินเป็นตัวอย่าง

ผมยืนยันว่า คนของเราควรจะได้มีช่องทางของความฝัน ความหวัง ที่ใกล้เคียงกับความจริงได้มากกว่าการเล่นหวย เพราะแท้ที่จริงแล้ว หวย ในลักษณะที่ดำเนินการอยู่ในปัจจุบัน คนที่รวย คนที่กินเงินชาวบ้านอย่างสม่ำเสมอ คือ เจ้ามือหวย

เราต้องช่วยกันเลิกค่านิยมเรื่องการรวยลัด รวยโดยไม่ต้องทำงาน และหันไปสร้างค่านิยมในการทำงาน ยกย่องคุณค่าของการทำงาน คนของเราควรจะมีความสุข มีชีวิตที่มีความหมายได้ โดยไม่ต้องพึ่งหวย..."

ข้อสังเกตุสำคัญต่อมุมมองของ "อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ" คือ วิธีคิดที่มีต่อการตั้งโจทย์ปัญหา

หากยอมรับตั้งแต่ต้นว่า หารเล่นการพนันหวยอยู่ในสายเลือดของคนไทย เลิกไม่ได้ ปราบปรามไม่ได้โจทย์ของการคิดในเรื่องหวย ก็จะกลายเป็นลักษณะว่า ทำอย่างไรจะหาประโยชน์จากการเล่นหวยของคนไทย?

คำตอบก็จะออกมา เช่นว่า ให้รัฐเป็นเจ้ามือ กินเงินจากประชาชนเสียเลย เงินจะได้ไม่รั่วไหล เป็นต้น

จึงไม่แปลกใจที่นักวิชาการบางคน จะตาโต กระวีกระวาด อยากให้รัฐเป็นเจ้ามือหวยเสียเอง ซึ่งก็คือการจะให้รัฐ "กินเงินจากประชาชน" ก็เพราะตั้งโจทย์โดย "เห็นแก่เงิน" หรือให้ความสำคัญกับเงินเป้นใหญ่นั่นเอง

ที่น่าผิดหวังอย่างยิ่ง คือ แม้แต่พระนักเทศน์ชื่อดังบางรูป ยังอุตส่าห์ "เห็นเงินแล้วตาโต" ผิดวิสัยสมณสงฆ์ผู้ทรงศีล ซึ่งมีภาระหน้าที่เป็นเสาหลักในการรักษาสิ่งถูกต้องดีงามในทางศีลธรรมในบ้านเมือง

แต่กรณีนี้ "อภิสิทธิ์" แสดงให้เห็นว่า หากเรายืนยันที่จะยืนหยัดว่า การพนันหรือการเล่นหวยเป็นเรื่องไม่ถูกต้อง ไม่สนับสนุน และต้องพยายามปราบปรามเพื่อให้ค่อยๆ ลดลงเรื่อยๆ โจทย์ของการคิดเรื่องหวย ก็จะกลายเป็นว่า "ทำอย่างไรจะไม่ให้คนเล่นหวยมากกว่าเดิม หรือลดน้อยลงกว่าเดิม?

หากตั้งโจทย์เช่นนี้ คำตอบที่ออกมาก็จะมี "ทางเลือก" หรือ "วิธีการ" เพื่อที่จะ ลด ละ เลิก พฤติกรรมการเล่นหวยอีกมากมาย เช่น การให้รางวัลนำจับ การปราบปรามหวยใต้ดิน การใช้กฎหมายให้ยึดทรัพย์เจ้ามือหวย การลดการออกเลข การลดการโฆษณา การลดเงินรางวัล การค่อยเปลี่ยนพฤติกรรมคนเล่นหวยไปสู่การออมทรัพย์ที่ได้ลุ้นรางวัล ฯลฯ

ทางออก

1) สนับสนุนท่าทีและแนวคิดของนายกรัฐมนตรี อภิสิทธิ์ เวชาชีวะ อย่างเต็มที่ และขอชื่มชมว่าเป็นการตัดสินที่กล้าหาญ คำนึงถึงประโยชน์ของสังคมส่วนรวมเป็นสำคัญ ทั้งคนรุ่นปัจจุบัน และคนรุ่นใหม่ในอนาคต

2) หวยไม่ได้ช่วยพัฒนาเศรษฐกิจ ไม่เพิ่มรายได้รวมของประเทศชาติหรือจีดีพี

การได้เงินของคนถูกหวย กับการเสียเงินของคนเสียหวย ไม่ได้ก่อให้เกิดรายได้ประชาชาติเพิ่มขึ้น เพราะเป็นการโอนเงินจากคนหนึ่งไปให้อีกคนหนึ่ง โดยที่ยอดรายได้รวมของคนในประเทศเท่าเดิม

ตรงกันข้าม กลับต้องสูญเสียเวลทำมาหากินของคนหลายสิบล้านคนที่ต้องคิด ฝัน เสาะหาเลขเด็ด เบียดบังเวลาชีวิตไปกับหวย หาหวย ลุ้นหวย ทำให้รายได้ประชาชาติและประสิทธิภาพการทำงานลดลง

3) การออกหวยเป็นวิธีการหารายได้ของรัฐ แบบที่รัฐมีแต่ได้เงิน ไม่มีวันเสียเงิน

เพราะเอาเงินคนซื้อหวยทั้งหมดมารวมกัน แล้วแบ่งเป็นรายได้เข้ารัฐทันที 28% แบ่งให้กองสลาก 12% เป็นค่าจัดการ ที่เหลืออีก 60% จึงนำมาเป็นเงินรางวัลให้แก่คนเล่นหวย

เมื่อคนเล่นหวย ส่วนใหญ่เป็นคนมีรายได้น้อย เท่ากับว่า รัฐกำลังหารายได้จากผู้มีรายได้น้อยโดยตรง

ยิ่งซ้ำเติมคนจน หากินบนความหวังของคนจน

ซ้ำเติมปัญหาช่องว่างระหว่างคนรวยกับคนจน ตลอดจนปัญหาความยากจนและการกระจายรายได้

4) ระบบแบ่งปันรางวัลในการเล่นหวย ยังซ้ำเติมปัญหาการกระจุกตัวของรายได้อีกด้วย

ความคิดเห็นที่ 7 (3146009)

4) ระบบแบ่งปันรางวัลในการเล่นหวย ยังซ้ำเติมปัญหาการกระจุกตัวของรายได้อีกด้วย

เพราะแต่ละงวด คนที่ถูกรางวัลจะมีเพียงไม่กี่คน ในขณะที่ผู้สูญเสียเงินมีจำนวนหลายล้านคน

จึงเป็นการเอาเงินของคนจนจำนวนมาก มารวมเป็นก้อน แล้วมอบให้ผู้โชคดีที่ถูกรางวัลเพียงไม่กี่คน

มิหนำซ้ำ ยังมีการสร้างภาพลวง นำเสนอข่าวคราวของคนที่ถูกรางวัลที่มีอยู่เพียงไม่กี่ตนเป็นข่าวใหญ่โต ทำให้คนจนส่วนใหญ่ที่รู้ไม่ทันมายาภาพ ถูกลวงหลงไปว่า ตนเองจะต้องถูกรางวัลเช่นนั้นบ้าง ทั้งๆ ที่ ในความเป้นจริง คนที่ไม่ถูกรางวัลมีจำนวนมากกว่า แต่ไม่เป็นที่กล่าวถึง

5) การมีหวยไว้ให้ชาวบ้านแทง อาจเป็นการสร้างความหวังให้กับคนจน ก็เป็นเรื่องจิตวิทยาสังคมอย่างหนึ่ง เพื่อประโลมใจคนจนให้ได้มีลุ้นในโชคชะตาวาสนาเป็นระยะๆ

แต่การประโลมใจอย่างเสพติด สร้างวิมานในอากาศที่ยากจะเป็นจริง ไม่สอดคล้องกับหลักธรรม เป็นสิ่งที่รัฐไม่ควรหยิบฉวยมาใช้เป็นเครื่องมือมอมเมาประชาชน

6) หากรัฐบาลปัจจุบันต้องการจะยุติโครงการ***จริงๆ ย่อมสามารถจะกระทำได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย และชอบธรรมตามอำนาจหน้าที่ในการจะต้องรักษาไว้ซึ่งความดีงามและประโยชน์ส่วนรวมของสังคม

กรณีนี้ ไม่ใช่สัญญาร่วมการงานกับเอกชน แต่เป็นสัญญาจ้าง ในลักษณะที่เอกชนรับจ้างทำงานให้รัฐ

เมื่อเป็นสัญญาจ้าง หากมีเหตุที่รัฐพิจารณาว่าจะเลิกจ้าง ก็น่าจะกระทำได้ โดยอาจพิจารณาชดเชยค่าเสียหายแก่เอกชนตามสมควร

นอกจากนี้ ตามข้อมูลที่ปรากฏในหน้าสื่อมวลชน มีการเปิดเผยถึงสัญญาบางข้อ ระบุว่า มีการกำหนดเงื่อนไขให้รัฐบาลยกเลิกสัญญาได้ แม้ทั้งฝ่ายเอกชนและฝ่ายรัฐจะปฏิบัติตามสัญญาครบถ้วนก็ตาม ซึ่งเอกชนก็รับรู้ความเสี่ยงตรงนี้มาแต่ต้นอยู่แล้ว

ยิ่งกว่านั้น สัญญาบางข้อที่อาจตีความได้ว่า กรณีรัฐบาลมีนโยบายล้มเลิกโครงการหรือจำเป็นต้องล้มเลิกโครงการ ผู้ว่าจ้าง (สำนักงานสลาก) จะชดเชยการลงทุนบางส่วนให้แก่ผู้รับจ้างเป็นจำนวนเงินเท่ากับค่าจ้างบริการเฉลี่ยต่อ 1 เดือน นับแต่วันที่เริ่มจำหน่ายจริงถึงวันยกเลิกสัญญาไม่เกิน 12 เดือน โดยผู้รับจ้างไม่มีสิทธิเรียกร้องค่าเสียหายหรือค่าชดเชยอย่างใดอีก ซึ่งหมายความว่า หากในความเป็นจริงรัฐบาลยังไม่เคยมีการจำหน่ายสลากออนไลน์เลย รัฐบาลอาจไม่ต้องจ่ายค่าชดเชยให้เอกชนเลยด้วยซ้ำ

อย่างไรก็ตาม เพื่อประโยชน์แห่งความเป็นธรรม หากพิจารณาว่า เอกชนได้ลงทุนไปแล้ว รัฐก็อาจพิจารณาชดเชยบ้าง โดยอาจพิจารณาชดเชยความเสียหายที่เกิดขึ้นจากการที่ได้ลงทุนระบบเครือข่ายสื่อสาร ระบบควบคุม และบริหารข้อมูล รวมถึงติดตั้งเครื่องจำหน่ายสลากและอุปกรณ์ตามความเป็นจริงที่ได้มีการดำเนินการติดตั้งตู้จำหน่าย***ไปแล้ว 6,000 เครื่อง เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับภาคเอกชนที่จะเข้ามาร่วมลงทุนกับรัฐบาล โดยที่มูลค่าความเสียหายกรณีนี้ ไม่น่าจะมีมูลค่าสูงเป็นจำนวนหมื่นล้านบาทตามที่บริษัทเรียกร้อง

ค่าเสียหาย และค่าดำเนินการทั้งหมดนี้ รัฐบาลไม่ควรจะไปนำมาจากเงินภาษีของประชาชน แต่ควรใช้จากเงินรายได้ค่าประกอบการของสำนักงานกองสลากฯ เอง

ดร.เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง
ศาสตราภิชาน มหาวิทยาลัยรังสิต

 

- - - - - - - - - - - - - - - - - -  

พันตรีศิริชัย   ทรัพย์ศิริ

นายกสมาคมคนพิการทางการเคลื่อนไหวสากล (ส.พ.ค.)

โทร. 02-990-0331

http://www.apdi2002.com

http://www.youtube.com พิมพ์ apdi. หรือ

สมาคมคนพิการ

1501532109

*********************

 

ผู้แสดงความคิดเห็น พันตรีศิริชัย ทรัพย์ศิริ (apdmajor1-at-yahoo-dot-com)วันที่ตอบ 2010-01-15 21:09:17 IP : 124.122.241.118



[1]


แสดงความคิดเห็น
ความคิดเห็น *
ผู้แสดงความคิดเห็น  *
อีเมล 
ไม่ต้องการให้แสดงอีเมล



สมาคมคนพิการทางการเคลื่อนไหวสากล 802/410 หมู่12 หมู่บ้านวังทองริเวอร์ปาร์ค ซอย10/4 ตำบลคูคต อำเภอลำลูกกา จังหวัดปทุมธานี 12130 โทร : 02-990-0331 Copyright © 2010 All Rights Reserved.