ReadyPlanet.com


พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว...ในหลวง ของชาวไทย.


"สุเมธ" ยกย่อง "ในหลวง"ต้นแบบความอดทน ย้ำวิธีปฏิบัติจะใช้พระราชวินิจฉัยเอง

 

เมื่อวันที่ 23 เม.ย. ที่ศูนย์ราชการฯ ถนนแจ้งวัฒนะ สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน จัดงานครบรอบ 10 ปี ผู้ตรวจการแผ่นดิน โดยมีนายสุเมธ ตันติเวชกุล เลขาธิการมูลนิธิชัยพัฒนา และประธานกรรมการมูลนิธิประเทศไทยในสะอาด กล่าวปาฐกถาพิเศษ หัวข้อ "การเสริมสร้างคุณธรรมและจริยธรรมเพื่อสังคมไทยใสสะอาด" และภายในงานยังมีพระราชวิจิตรปฏิญาณ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสุทัศน์เทพวราราม และนายปราโมทย์ โชติมงคล ประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน ร่วมกล่าวแสดงความคิดเห็นด้วย โดยมีรายละเอียดดังนี้

"พระเจ้าอยู่หัวทรงเป็นต้นแบบของสุดยอดความอดทน ท่านรับสั่งว่าฉันเป็นพระเจ้าอยู่นั่งอยู่บนยอดปิรามิด แต่อย่าลืมว่าปิรามิดเมืองไทยเป็นปิรามิดหัวกลับ ยอดปิรามิดไปอยู่บนก้นกรวย ใครมีอะไรก็จะเทใส่ฉัน เวลานี้เขาก็เทใส่ท่านอยู่ น่าสังเวชใจไหม"

"ผมพูดเรื่องคุณธรรมจริยธรรมไปเยอะในหน่วยงานต่างๆ แต่ก็ยังไม่หยุด ทำไมเราจึงมาถึงจุดนี้ได้ ผมพูดคุยกับหลายคนก็บอกว่าสุดปัญญาจริงๆ ไม่รู้จะทำอย่างไร เรากำลังอยู่ในสภาพแวดล้อมของวัตถุนิยม คนสมัยนี้ไม่คิดเรื่องความดีจริยธรรมคุณธรรม เพราะมันกินไม่ได้ จึงปลุกไม่ขึ้น ไม่เหมือนเรื่องเงินทองที่เห็นกันเต็มตา สมัยก่อนเราสู้กับภัยก่อการร้ายจนชนะ แต่ไม่มีการพูดถึงเรื่องเงิน ทุกวันนี้เงินมีอิทธิพลต่อทุกสิ่งทุกอย่างในโลก ซื้อได้ทั้งเกียรติยศ ตำแหน่ง ความดีก็ยังซื้อได้ด้วยเงิน เมื่อวานอ่านหนังสือพิมพ์เห็นข่าว***เสียใจเอาหลานเข้าโรงเรียนดังไม่ได้เพราะจ่ายเงินไม่ถึงล้าน คิดดูว่าอนาคตของเด็กยังต้องจ่ายเงินซื้อเลย หน่วยราชการก็พูดว่าห้ามจ่ายเป็นความผิด แต่ถามว่าห้ามได้หรือไม่

วันนี้โลกทั้งโลกไม่มีแล้ว ทุนนิยม เสรีนิยม สังคมนิยมหรือคอมมิวนิสต์เพราะโลกทั้งโลกถูกครอบด้วยระบบบริโภคนิยม แม้ประเทศที่ยังมีกลิ่นอายของคอมมิวนิสต์อย่างจีนวันนี้ก็แทบไม่เหลือร่อยรอย บริโภคนิยมยังเป็นต้นตอของทุกสิ่งทุกอย่าง รวมทั้งเป็นต้นตอของหายนะของโลกด้วย เวลานี้เรามองต้นไม้ไม่ได้มองแบบมีปัญญาว่าต้นไม้ให้ก๊าซอ๊อกซิเจนให้ร่มเงา แต่เรามองว่าลูกบาศก์เมตรละเท่าไหร่และชอบไปลักลอบตัดต้นไม้ สิ่งที่พูดมานี้ถือเป็นต้นตอของปัญหาจริยธรรมคุณธรรม เราจะมีจริยธรรมเมื่อเราควบคุมกิเลสตัณหาได้ ขอถามว่าเวลานี้สิ่งที่เกิดขึ้นรอบตัวเราไม่ใช่เพราะความกระหายหรือความอยากได้หรือ ดังนั้นอย่ามาเลี่ยงบาลีว่าเป็นเรื่องประชาธิปไตย เรื่องสิทธิเลย เพราะจริงๆไม่ใช่ ผมไม่อยากพูดแล้ว พูดไปก็ป่วยการเวลานี้บ้านเมืองกำลังตึงเครียด ไม่อยากเติมเชื้อไฟเข้าไปอีก เพราะไฟจะย้อนมาเผาตัวเอง

 

การที่เราคำนึงถึงเรื่องการเจริญเติบโตของประเทศมาก ทำให้เราขายทุกสิ่งทุกอย่างในประเทศจนหมดและสุดท้ายคือขายคน จะเห็นได้ว่าทุกวันนี้ปัญหาที่เราเผชิญทั้งหมดเกิดขึ้นจากคนทั้งสิ้น ไม่ว่าเป็นวิกฤติวัฒนธรรม เยาวชน ยาเสพติด หรือการเมือง ล่าสุดเขาประกาศตำแหน่งอันทรงเกียรติให้ประเทศไทยเป็นรองแชมป์คอร์รัปชั่น โดยมีอันดับรองจากอินโดนีเซียน แต่ชนะเขมร น่าอนาถใจไหม เชื่อว่าต้นตอของปัญหานี้มาจากอะไรทุกคนรู้หมด ถึงขนาดในหลวงออกมาแช่งนานแล้วว่าใครทุจริตขอให้มีอันเป็นไป

แต่เวลานี้การคอร์รัปชั่นเข้าครอบทุกแห่ง ถึงเวลาแล้วหรือยังที่จะต้องทำอะไรบ้าง ในหลวงเคยรับสั่งเรื่องความดีตั้งแต่ปี 2525 ว่า ความดีทำยากแต่จำเป็นต้องทำ หาไม่ความชั่วจะเข้าครอบงำ ขณะนี้เรามักจะมีคำสองคำ คือ คนเก่งแล้วต้องเป็นคนดีด้วย เพราะถ้าเก่งอย่างเดียวจะเกิดข้อบกพร่อง 4 ด้าน คือ

1.บกพร่องในเรื่องความคิดพิจารณาที่กว้างไกล เนื่องจากจะเป็นคนใจร้อนเชื่อมั่นตัวเองสูง

2.บกพร่องในความนับถือและเกรงใจผู้อื่น คิดแต่ว่าตัวเก่ง จึงไม่ต้องนับถือคนอื่น

3.บกพร่องในเรื่องมัธยัสถ์พอเหมาะในการกระทำ คิดแต่อยากจะก้าวหน้าอยากเลื่อนขั้นเร็วๆ และ

4.บกพร่องในเรื่องจริยธรรมความรับผิดชอบชั่วดี เพราะมุ่งแต่จะหาประโยชน์เฉพาะตัว ที่เกิดขึ้นเวลานี้จับกันแทบไม่ได้

 

 ฉะนั้น เก่งจึงยังไม่พอ เราจึงต้องเน้นในเรื่องของจริยธรรมคุณธรรม ซึ่งจะว่าไปทุกองค์กรดูจะเน้นจนจะกลายเป็นแฟชั่นแล้ว แต่เราก็ยังต้องเน้นให้มากๆ โดยเรื่องคุณธรรม

ในหลวงเน้นให้รักษาคุณธรรม 4 ประการ

1.รักษาความสัตย์ แต่วันนี้เปิดทีวีเห็นแต่โกหกกัน เรื่องเดียวกันกลับพูดกันคนละอย่าง ถามว่าแล้วจะเอาความสัตย์มาจากไหน จับมือกันแล้วจะเชื่อกันได้ไหม สันติอหิงสาพูดกันมา ถามว่าตอนนี้ตายกันไปกี่คน อย่าไปเปรียบเทียบกับเหตุการณ์ปัจจุบันเลย เชิญทำกันตามสบายเถิด

2.
ต้องรู้จักข่มใจมีตบะ การจะเอาชนะกิเลสได้ ต้องมีตบะ มีความเพียร ปรารถนาอย่างแรงกล้า

 

3.ความอดทนอดกลั้นอดออม ไม่ประพฤติล่วงในความสัตย์สุจริต เรื่องความอดทนมีความสำคัญ บางอย่างไม่ต้องไปแก้ ควรอดทนรอเวลา เพราะเวลาจะจัดการตัวของมันเอง อย่างพระเจ้าอยู่หัวทรงเป็นต้นแบบของสุดยอดความอดทน ท่านรับสั่งว่าฉันเป็นพระเจ้าอยู่นั่งอยู่บนยอดปิรามิด แต่อย่าลืมว่าปิรามิดเมืองไทยเป็นปิรามิดหัวกลับ ยอดปิรามิดไปอยู่บนก้นกรวย ใครมีอะไรก็จะเทใส่ฉัน เวลานี้เขาก็เทใส่ท่านอยู่ น่าสังเวชใจไหม ผมพูดแค่นี้

 

4.ให้ละวางความชั่ว ความทุจริต รู้จักละประโยชน์ส่วนน้อยของตน เพื่อประโยชน์ส่วนใหญ่ของบ้านเมือง

มีคนเคยยกให้ผมเป็นวีรบุรุษ เพราะเคยร่วมสู้รบในสงครามเมื่อปี 17 ผมก็บอกว่าคำนี้ใช้กับคนที่ตายไปแล้ว และบอกว่าไม่ใช่ผมคนเดียวที่ทำให้บ้านเมืองอยู่รอด มีคนอื่นที่เสียสละให้บ้านเมืองมากกว่า ผมเป็นเพียงเศษหนึ่งส่วนหกสิบสองล้านของประเทศไทย และที่ทำก็เพื่อตัวเองที่อยากอยู่ในประเทศนี้ ไม่อยากเป็นคนอพยพ เพราะลูกเมียเราอยู่ที่นี่ ถือว่าคุ้ม ถ้าทุกคนคิดอย่างนี้บ้านเมืองก็รอด แต่ที่เป็นอยู่ไม่คิดอย่างนี้ไม่เสียสละกัน ยังทำร้ายกันอีก คนไทยด้วยกันทั้งนั้นไม่ใช่ศัตรูต่างชาติสักคน ถ้าผมพูดว่าคนไทยฆ่ากันมานานแล้ว ก็อาจจะถูกด่า แต่ถามว่า เราไปปราบปรามอย่างคนไทยภูเขา เขาก็เป็นคนไทย วันนี้ยังจะเดินซ้ำร้อยกันอีกหรือ เสียของไม่เท่าไหร่ แต่เสียชีวิตคนคำนวณไม่ได้หรอก

สุดท้ายที่อยากฝากง่ายๆ คือ ขอให้ทุกคนยึดหลักทศพิศราชธรรมของพระองค์ท่านในการปฏิบัติตน บางคนก็ตอบได้ แต่บอกไม่ได้ว่าประกอบด้วยอะไรบ้าง ซึ่งข้อที่สำคัญมาก คือ ข้อสุดท้าย อวิโรธนัง คือ การไม่ยอมทำผิด ในหลวงท่านไม่ยอมทำผิดในทุกเรื่อง ทั้งเรื่องวัฒนธรรม ประเพณี กฎหมายต่างๆ ในหลวงจะปฏิบัติอย่างไร ท่านจะมีพระราชวินิจฉัยเอง ท่านถือมากท่านไม่ยอมทำผิด จำได้ไหม เมื่อวันที่ 4 ธ.ค. ท่านพูดว่า rule of law ท่านบอกว่าถ้าท่านทำก็จะทำผิดกฎหมาย แต่ทำไมเราชอบพูดว่าทำไมท่านไม่ทำอย่างนั้นอย่างนี้ เราคิดกันไปเอง ท่านจะทำอะไรท่านจะมีพระราชวินิจฉัยเอง ผมพูดได้แค่นี้ ไปคิดต่อกันได้ ตนขันติแล้ว ชินชาแล้ว

 

- - - - - - - - - - - - - - - - - -  

พันตรีศิริชัย   ทรัพย์ศิริ

นายกสมาคมคนพิการทางการเคลื่อนไหวสากล (ส.พ.ค.)

โทร. 02-990-0331

http://www.apdi2002.com

http://www.youtube.com พิมพ์ apdi. หรือ

สมาคมคนพิการ

2504531925

*********************

 



ผู้ตั้งกระทู้ พันตรีศิริชัย ทรัพย์ศิริ (apdmajor1-at-yahoo-dot-com) :: วันที่ลงประกาศ 2010-04-25 19:25:21 IP : 124.121.137.115


[1]

ความคิดเห็นที่ 1 (3174054)

องคมนตรี ปาฐกถาพิเศษ128ปี

ศาลยุติธรรม ยกพระราชดำรัสในหลวงที่ผู้พิพากษาถวายสัตย์ปฏิญาณ

 

 

ที่ห้องประชุมชั้น 7 อาคารสถาบันพัฒนาข้าราชการฝ่ายตุลาการศาลยุติธรรม วันที่ 21 เม.ย. เวลา 13.30 น. สำนักงานศาลยุติธรรม จัดปาฐกถาพิเศษ การสัมมนาวิชาการเรื่อง ศาลยุติธรรม ความคาดหวังของสังคมไทยในวาระศาลยุติธรรมสถาปนาครบรอบ 128 ปี โดยมีนาย อรรถนิติ ดิษฐ์อำนาจ องคมนตรี และอดีตประธานศาลฎีกา เป็นองค์ปาฐกว่า การปกครองระบอบประชาธิปไตยแบบนิติรัฐจะมีความสมบูรณ์อย่างแท้จริงจะต้องประกอบด้วยหลักสำคัญอีกประการคือหลักนิติธรรม หากบอกว่าการปกครองระบอบประชาธิปไตยมีที่มาจากประชาชนอย่างเดียว ตนเห็นว่ายังไม่เพียงพอต้องเป็นการปกครองแบบนิติรัฐควบคู่ไปกับหลักนิติธรรมซึ่งปัจจุบันได้บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญปี 2550 ด้วย มาตรา 3 บัญญัติว่าการทำหน้าที่ของรัฐสภา คณะรัฐมนตรี ศาล องค์กรตามรัฐธรรมนูญ และหน่วยงานของรัฐ ต้องเป็นไปตามหลักนิติธรรม คือการปกครองโดยกฎหมายซึ่งเป็นธรรม  และ ม.197 ยังระบุด้วยว่า การพิจารณาพิพากษาอรรถคดีเป็นอำนาจของศาลซึ่งต้องดำเนินการไปโดยยุติธรรมตามรัฐธรรมนูญกฎหมายและในพระปรมาภิไธยพระมหากษัตริย์”  ซึ่งคำว่า โดยยุติธรรมที่ตราไว้ ไม่เคยมีในรัฐธรรมนูญฉบับก่อน ๆ 

      คำว่า ยุติธรรมที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญปัจจุบันเพื่อให้ศาลนำมาใช้เพิ่มเติมนอกเหนือจากรัฐธรรมนูญและกฎหมาย แต่มักมีการโต้เถียงกันมาโดยตลอดว่าระหว่างกฎหมายกับความยุติธรรม ใครจะเหนือว่ากัน ในแง่นิติศาสตร์แล้วกฎหมายต้องมาก่อน แต่ถ้ากฎหมายและการบังคับใช้นั้นก่อให้เกิดความอยุติธรรม ก็เป็นกรณีที่ศาลจะต้องนำหลักยุติธรรมมาใช้ให้เหนือกว่าหลักกฎหมายเพื่อจะสร้างความยุติธรรมให้เกิดขึ้น ซึ่งการนำหลักความยุติธรรมมาใช้ก็ต้องมาวินิจฉัยเป็นรายกรณี และเมื่อนำมาวินิจฉัยก็ต้องเป็นที่ยอมรับสำหรับวิญญูชนทั่วไป หลักนิติธรรมจึงเป็นหลักของความยุติธรรมเข้ามาช่วยเหลือให้สังคมเกิดความยุติธรรมที่แท้จริง ขณะที่การปกครองโดยหลักนิติธรรม ผู้บังคับใช้กฎหมายต้องมีความรู้และมีความยุติธรรม คือต้องเป็นผู้ที่มีความเก่งและความดี และการบังคับใช้กฎหมายต้องมีกระบวนการยุติธรรมตรวจสอบโดยองค์กรที่เป็นอิสระและเป็นกลาง ซึ่งองค์กรตุลาการหรือศาลยุติธรรม เป็นที่ยอมรับกันในทางสากลในการควบคุมตรวจสอบและการให้ความเป็นธรรมที่ดีที่สุด มีประสิทธิภาพมากที่สุดเพราะเป็นองค์กรทีสามารถตัดสินยุติปัญหาข้อขัดแย้งรวมทั้งพิทักษ์และคุ้มครองสิทธิเสรีภาพของประชาชนได้ดีที่สุด และสามารถเยี่ยวยาความเสียหายให้กับประชาชนผู้ถูกกระทบสิทธิเสรีภาพได้โดยตรง

 

       ขณะที่ความสำคัญขององค์กรตุลาการ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ทรงมีพระบรมราโชวาทของ เมื่อครั้งที่ประธานศาลฎีกาได้นำผู้พิพากษาเข้าเฝ้าฯ เพื่อถวายสัตย์ปฏิญาณในการเข้ารับหน้าที่ ณ พระตำหนักจิตรลดารโหฐาน พระราชวังดุสิต วันที่ 15 พ.ค. 2551 ตอนหนึ่งว่า บ้านเมืองต้องมีผู้พิพากษา ต้องมีผู้รักษาความยุติธรรม ต้องมีศาลเพื่อรักษาความยุติธรรมนี้ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญ เพราะว่าในบ้านเมืองถ้าไม่มีความยุติธรรม บ้านเมืองก็จะล่มจมดังนั้นการปฏิบัติหน้าที่ดังกล่าวศาลยุติธรรมจะต้องมีผู้พิพากษาที่มีความเป็นอิสระ เที่ยงธรรม และมีความสามารถ ซึ่งบทบาทและหน้าที่ขององค์การตุลาการหรือศาลยุติธรรม ปรากฏชัดเจนอยู่ในรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันซึ่งจะต้องดำเนินการให้เป็นไปโดยยุติธรรมตามรัฐธรรมนูญตามกฎหมายและในพระปรมาภิไธยของพระมหากษัตริย์ ขณะเดียวกันในเรื่องนี้ก็มีบัญญัติอยู่ในประมวลจริยธรรมของข้าราชการตุลาการ ในหมวด 1 ว่าด้วยอุดมการณ์ผู้พิพากษาที่กล่าวว่า หน้าที่สำคัญของผู้พิพากษาในวิชาชีพก็คือ การประสาทความยุติธรรมแก่ผู้มีอรรถคดี

      คำว่า ยุติธรรมจึงเป็นหัวใจของวิชาชีพตุลาการ และเป็นจริยธรรมที่นักกฎหมายไม่ว่าจะประกอบวิชาชีพแขนงใด ก็เป็นอุดมการณ์ที่จะต้องยึดถือปฏิบัติ ซึ่งความยุติธรรมเป็นหัวใจสำคัญขององค์กรตุลาการ และเป็นความหวังของทุกคนในสังคม ไม่ว่าจะเป็นคนยากจน คนรวย คนดี หรือคนไม่ดี ต่างหวังความยุติธรรมจากองค์กรตุลาการหรือศาลยุติธรรม บุคคลที่ล่วงละเมิดกฎหมายไม่ว่าจะเป็นทางแพ่งหรืออาญา ต่างก็ต้องการความยุติธรรมว่าการละเมิดกฎหมายของเขานั้นควรต้องได้รับผลที่เป็นธรรมตามความเป็นจริง และพระราชดำรัส พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เมื่อวันที่ 20 เมษายน 2530 ที่พระตำหนักจิตรลดารโหฐาน เมื่อครั้งประธานศาลฎีกานำผู้พิพากษาเข้าเฝ้าฯ ก็ว่า คำว่ายุติธรรมนั้นเป็นคำที่แปลว่าการตกลงพิจารณาในทางที่ถูกต้องตามธรรมะ และธรรมะนี้ก็หมายความว่าสิ่งที่ควรจะปฏิบัติให้นำความเจริญแก่มวลมนุษย์ ในการปฏิบัตินี้ก็จะต้องมีความเที่ยงตรงและปราศจากอคติและว่าบ้านเมืองนี้ต้องมีความยุติธรรมเพราะถ้าไม่มีความยุติธรรมก็จะต้องมีความเดือดร้อน จะต้องมีความไม่สงบ ยุติธรรมก็หมายความว่าธรรมะ คือสิ่งที่ถูกต้องและยุติก็ยุติ ก็หมายความว่าดูได้ว่าอะไรเป็นธรรม อะไรไม่เป็นธรรม”  ดังนั้นการยุติความขัดแย้งต่างๆต้องเป็นไปตามธรรมะ เพื่อนำมาสู่ความสงบสุขของมนุษย์และสังคม และต้องใช้ความยุติธรรมแก่ทุกคนในทุกมิติ ทั้งฝ่ายรัฐกับรัฐ รัฐกับประชาชน ประชาชนกับประชน 

      “การอำนวยความยุติธรรมขององค์กรตุลาการและผู้พิพากษานั้นสิ่งสำคัญ คือสังคมต้องเชื่อถือศรัทธาในองค์กรตุลาการและผู้พิพากษาที่ทำหน้าที่ในการอำนวยความยุติธรรมนั้น การที่จะทำให้สมาชิกในสังคมเชื่อถือและศรัทธาในองค์กรตุลาการว่าจะทำหน้าที่อำนวยความยุติธรรมให้กับสมาชิกในสังคมได้นั้น ผู้พิพากษาจะต้องปฏิบัติหน้าที่ด้วยความบริสุทธิ์ ยุติธรรม ซื่อสัตย์สุจริต เที่ยงธรรม ถูกต้องตามกฎหมาย ต้องยึดมั่นในความเป็นอิสระและเทิดทูนไว้ซึ่งเกียรติศักดิ์แห่งสภาบันตุลาการ และที่สำคัญจะต้องแสดงให้เป็นทีประจักษ์แก่สาธารณชนด้วยว่าตนได้ปฏิบัติเช่นนี้อย่างเคร่งครัดครบถ้วน ซึ่งเป็นหลักการพื้นฐานที่สำคัญของระบบศาลยุติธรรมนายอรรถนิติ องคมนตรี กล่าว และว่า สาระสำคัญการอำนวยความยุติธรรมของผู้พิพากษาตุลาการจึงอยู่ที่การดำรงตนทั้งในการปฏิบัติหน้าที่และในด้านส่วนตัวที่จะต้องยึดมั่นในหลักธรรม จริยธรรม เพื่อสร้างความเชื่อถือศรัทธาแก่ประชาชนให้ยอมรับการอำนวยความยุติธรรมซึ่งเป็นสิ่งที่สังคมคาดหวัง

 

 

- - - - - - - - - - - - - - - - - -  

พันตรีศิริชัย   ทรัพย์ศิริ

นายกสมาคมคนพิการทางการเคลื่อนไหวสากล (ส.พ.ค.)

โทร. 02-990-0331

http://www.apdi2002.com

http://www.youtube.com พิมพ์ apdi. หรือ

สมาคมคนพิการ

2604531743

*********************

 

ผู้แสดงความคิดเห็น พันตรีศิริชัย ทรัพย์ศิริ (apdmajor1-at-yahoo-dot-com)วันที่ตอบ 2010-04-26 17:43:03 IP : 124.121.141.149


ความคิดเห็นที่ 2 (3174111)

ในหลวงทรงแนะศาลทำหน้าที่สุจริตเคร่งครัด-รักษาความเรียบร้อยของประเทศ

 

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระราชดำรัสต่อคณะผู้พิพากษาประจำศาลยุติธรรมที่เฝ้าฯ ถวายสัตย์ปฏิญาณก่อนเข้ารับหน้าที่ ทรงให้ยึดถือความซื่อสัตย์สุจริต เพื่อรักษาเอาไว้ ซึ่งความเรียบร้อยของประเทศ พร้อมให้เป็นตัวอย่างของผู้ที่ปฏิบัติตามหน้าที่ของตนโดยสุจริตและเคร่งครัด

 

เวลา 17.27 น.วันนี้ (26 เม.ย.) พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จฯออก ณ ห้องประชุมชั้น 14 อาคารเฉลิมพระเกียรติโรงพยาบาลศิริราช พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้ นายสบโชค สุขารมณ์ ประธานศาลฎีกา นำคณะผู้พิพากษา ประจำศาล สำนักงานศาลยุติธรรม เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท เพื่อถวายสัตย์ปฏิญาณ ก่อนเข้ารับหน้าที่ ในโอกาสนี้ นายวิรัช ชินวินิจกุล เลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรม นายไพโรจน์ นวานุช ผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลอุทธรณ์ ประจำสำนักประธานศาลฎีกา นายวรวุฒิ ทวาทศิน เลขาธิการประธานศาลฎีกา และนายสราวุธ เบญจกุล รองเลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรม ร่วมเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทด้วย
       
       
ในการนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มีพระราชดำรัสเพื่อเป็นแนวทางในการปฏิบัติงาน โดยให้ยึดถือความซื่อสัตย์ สุจริตโดยเคร่งครัด
       
       “
ตามที่ผู้พิพากษาศาลฎีกาได้มาปฏิญาณตน ในโอกาสนี้ เป็นโอกาสที่สำคัญ เพราะเป็นการแสดงว่า จะปฏิบัติหน้าที่ มีความตั้งใจจริงๆ และการปฏิบัติหน้าที่ของผู้พิพากษา เป็นสิ่งที่สำคัญสำหรับชีวิตของประชาชน ซึ่งท่านทั้งหลายจะได้ช่วยกันพยุงความยุติธรรม ความเรียบร้อยของประเทศ อันนี้ก็เป็นสิ่งที่สำคัญมาก ถ้าท่านทำตามที่ปฏิญาณตนด้วยเคร่งครัด จะช่วยให้ประเทศชาติมีความเรียบร้อยได้อย่างแน่นอน การที่ประเทศนี้ ผู้ที่ตั้งใจทำหน้าที่อย่างเคร่งครัดเป็นสิ่งที่สำคัญมาก เพราะว่านอกจากความเรียบร้อยที่จะเกิดขึ้น เป็นการแสดงว่า มีเจ้าหน้าที่ในประเทศที่ตั้งใจอย่างแน่วแน่ว่า จะปฏิบัติหน้าที่อย่างแน่นอนอย่างชัดเจน และตั้งใจที่จะรักษาเอาไว้ซึ่งความเรียบร้อยของประเทศ ทำให้ประชาชนทั่วไปมีความตั้งใจในตัว ที่จะปฏิบัติงานของตนอย่างซื่อสัตย์สุจริตเหมือนกัน เชื่อว่าการที่ท่านแสดงเป็นตัวอย่างที่ดีของผู้พิพากษา จะทำให้เป็นความตั้งใจของประชาชนทั่วไป ที่จะตั้งใจทำงานทำการอย่างเคร่งครัด อย่างสุจริต ฉะนั้นการที่ท่านมารับหน้าที่เป็นการที่ดีที่จะช่วยประเทศชาติปฏิบัติตนคนในชาติ ปฏิบัติตนให้มีความเคร่งครัด ความสุจริต
       
       
ในประเทศอาจจะมีคนที่ลืมหน้าที่ของตนได้ ท่านแสดงเป็นตัวอย่างว่ามีผู้ที่ปฏิบัติหน้าที่อย่างเคร่งครัด อย่างสุจริต ฉะนั้น ท่านมีหน้าที่ที่สำคัญมาก ยิ่งได้ปฏิญาณตนว่า จะรักษาความยุติธรรมโดยเคร่งครัดนี้ จะช่วยให้ประชาชนทั่วไปปฏิบัติงานของตนด้วยความเรียบร้อย ด้วยความซื่อสัตย์สุจริตได้อย่างมากที่สุด เป็นผู้สุจริต เป็นสิ่งที่ไม่ใช่ง่าย เพราะว่าในชีวิตมีสิ่งที่ล่อใจมาก ฉะนั้นท่านได้ปฏิญาณตนนี้เป็นสิ่งที่สำคัญ ทำให้ท่านเตือนใจอยู่ตลอดว่า ต้องปฏิบัติหน้าที่อย่างซื่อสัตย์สุจริต ซึ่งถ้าหากมีบุคคลที่ปฏิบัติดี ชอบ ด้วยความแน่วแน่น ด้วยความตั้งใจ เป็นสิ่งที่ช่วยให้คนอื่นปฏิบัติตนให้ดี
       
       
ฉะนั้นสำคัญมากที่ท่านได้มาปฏิญาณตนว่าจะทำหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต เข้มแข็ง ถ้ารักษาความซื่อสัตย์สุจริตนี้ไว้ตลอดเวลาที่ท่านปฏิบัติหน้าที่ ตลอดชีวิต แสดงว่ามีคนที่อุ้มชูความเรียบร้อยของประเทศจำนวนหนึ่ง ก็ขอให้ท่านได้สามารถรักษาความตั้งใจของหน้าที่ตามที่ได้มีปฏิญาณตลอดเวลา เป็นตัวอย่างสำหรับคนทั่วประเทศ ให้มีกำลังใจที่จะปฏิบัติงานอย่างซื่อสัตย์สุจริต อย่างที่ท่านได้ปฏิญาณ ขอให้ท่านรักษาความซื่อสัตย์สุจริตอย่างที่ท่านได้กล่าวมาเมื่อครู่นี้ เป็นทางที่จะช่วยให้บ้านเมืองมีความเจริญมั่นคงแน่นอน และในคราวเดียวกัน ท่านเองจะได้ถือว่าเป็นตัวอย่างสำหรับประชาชนทั่วไป ทั้งผู้ที่เป็นข้าราชการ ทั้งผู้ที่ทำหน้าที่ต่างๆ จะช่วยกันอุ้มชูประเทศชาติให้ได้อยู่เย็น มีความผาสุก มีความเข้มแข็งในการงาน และทำให้งานการนั้นมีความสำเร็จ เรียบร้อย ทำให้ทุกคนมีความสุขได้
       
       
ขอให้ท่านรักษาคำปฏิญาณโดยเข้มแข็ง เชื่อว่า ท่านจะมีความสุขในการปฏิบัติหน้าที่ที่ดี ขอให้ท่านได้ปฏิบัติหน้าที่ได้ด้วยความซื่อสัตย์สุจริตอย่างที่ท่านได้กล่าว ให้เป็นสิ่งที่ท่านมีส่วนในการสร้างบ้านเมืองให้ดี และเวลาเดียวกันท่านก็สร้างตัวท่านเองให้เป็นคนที่ดี คนที่มีความสำเร็จ ขอให้ท่านปฏิบัติหน้าที่ด้วยความเรียบร้อยตลอดชีวิตของท่าน และขอให้ท่านมีความสำเร็จในงานการ ซึ่งจะเป็นสิ่งที่สูงสุด ณ ในการปฏิบัติงานของคนที่เป็นคนสำคัญในชาติ คือ ผู้พิพากษา ขอให้ท่านมีความสำเร็จในการงาน มีความ ในเวลาเดียวกัน ท่านก็จะมีความสุขที่ได้ทำงานอย่างครบถ้วน ขอให้ท่านมีสำเร็จ มีความสำเร็จในงานการดังกล่าว

- - - - - - - - - - - - - - - - - -  

พันตรีศิริชัย   ทรัพย์ศิริ

นายกสมาคมคนพิการทางการเคลื่อนไหวสากล (ส.พ.ค.)

โทร. 02-990-0331

http://www.apdi2002.com

http://www.youtube.com พิมพ์ apdi. หรือ

สมาคมคนพิการ

2604532154

*********************

 

ผู้แสดงความคิดเห็น พันตรีศิริชัย ทรัพย์ศิริ (apdmajor1-at-yahoo-dot-com)วันที่ตอบ 2010-04-26 21:54:18 IP : 124.121.139.19


ความคิดเห็นที่ 3 (3174586)

6 ทศวรรษ...พระคู่ขวัญแห่งแผ่นดิน

 

นับจากวันที่ 28 เม.ย.2493 จวบจนวันนี้ ยาวนานมาถึง 60 ปีแล้ว ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ทรงครองคู่พระบารมี สถิตย์เป็นพระมิ่งขวัญของปวงชนชาวไทย
       

       
เรื่องราวความรักของทั้งสองพระองค์ เป็นที่ทราบดีของปวงชนชาวไทย รวมไปถึงผู้ที่ได้มีโอกาสรับทราบเรื่องราวเกี่ยวกับพระราชพิธีราชาภิเษกสมรสของทั้งสองพระองค์มาจนถึงทุกวันนี้
        
       
ย้อนกลับไปในวันมหาประชาปีติเมื่อวันที่ 28 เมษายน 2493 วันนั้นท้องฟ้าแจ่มใสเหมือนจะประกาศก้องให้คนไทยทั้งแผ่นดิน ได้ร่วมชื่นชมในความรักของพระมิ่งขวัญทั้ง 2 พระองค์
       
       
ในช่วงเช้าเมื่อได้เวลาพระฤกษ์เวลา 09.30 น.พระราชพิธีราชาภิเษกสมรสได้เริ่มขึ้น ณ พระตำหนักของสมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า ในวังสระปทุม เริ่มจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้ทูลเกล้าฯ ถวายสมุดทะเบียนสมรส
       
       
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงลงพระปรมาภิไธย จากนั้นพระคู่หมั้น หม่อมราชวงศ์สิริกิติ์ กิติยากร ลงนามในสมุดทะเบียนสมรส โดยมี สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาชัยนาทนเรนทร พระราชปิตุลา และ จอมพล ป. พิบูลสงคราม นายกรัฐมนตรี ลงพระนามและลงนามเป็นราชสักขีพยาน พระราชพิธีราชาภิเษกสมรสในครั้งนั้น นับว่าเป็นครั้งแรกที่พระมหากษัตริย์ไทยในยุคประชาธิปไตย ได้ทรงจดทะเบียนสมรสตามกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ เช่นเดียวกับประชาชนชาวไทยทั่วไป
       
       
จากนั้นทั้ง 2 พระองค์ทรงเข้าเฝ้าสมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า เพื่อทรงประกอบพระราชพิธีตามโบราณราชประเพณี จากนั้นทรงให้พระบรมวงศานุวงศ์และข้าราชการลงนามถวายพระพรเฉพาะพระพักตร์ ทรงรับของทูลพระขวัญ แล้วมีพระมหากรุณาธิคุณพระราชทานของที่ระลึกตอบแทนเป็นหีบเงินขนาดเล็ก มีตราจักรีคล้องกันอยู่เบื้องกลางระหว่างอักษรพระปรมาภิไธยย่อ ภ.อ.และอักษร พระนามาภิไธยย่อ ส.ก.
       

       
ในวันเดียวกัน ทรงสถาปนาหม่อมราชวงศ์สิริกิติ์ พระอัครมเหสี เป็นสมเด็จพระราชินีสิริกิติ์ และเสด็จออกมหาสมาคม ณ พระที่นั่งไพศาลทักษิณในพระบรมมหาราชวัง ทั้ง 2 พระองค์ประทับคู่กันเหนือพระราชอาสน์ พระราชทานพระราชวโรกาสให้พระบรมวงศานุวงศ์เฝ้าฯ โดย พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมขุนชัยนาทนเรนทร (ต่อมาทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ สถาปนาเป็น สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาชัยนาทนเรนทร) กราบบังคมทูลถวายพระพรชัยมงคลแทนพระบรมวงศานุวงศ์ มีความตอนหนึ่งแสดงความปีติโสมนัสในวันราชาภิเษกสมรส ในการที่ทรงเลือกสมเด็จพระราชินีสิริกิติ์มาเป็นพระอัครมเหสี ความว่า
       
       “...
ได้ทรงพิจารณาเลือกสรรประสบผู้ที่สมควรแก่การสนองพระยุคลบาท ร่วมทุกข์ร่วมสุขแบ่งเบาพระภาระในภายหน้า...
       
       
       
ไม่เพียงแต่กล่าวถวายพระพรชัยมงคลในวาระนั้น สมเด็จฯ กรมพระยาชัยนาทนเรนทรยังได้รับฉันทานุมัติจากพระบรมวงศานุวงศ์ ให้กล่าวถวายพระพรชัยมงคลในงานพระราชพิธีบรมราชาภิเษก เมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม 2493 อีกด้วย หม่อมราชวงศ์ปรียนันทนา รังสิต สมาชิกวุฒิสภาสรรหา ผู้เป็นพระนัดดา เล่าให้ฟังว่า
       
       
       “
เสด็จปู่ (สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้ารังสิตประยูรศักดิ์ กรมพระยาชัยนาทนเรนทร) ทรงเป็นพระราชโอรสที่พระชนมายุยืนที่สุด ในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 5) และในขณะนั้น (พ.ศ 2493) ทรงเป็นพระบรมวงศานุวงศ์ผู้ใหญ่ฝ่ายหน้า (ฝ่ายชาย) พระองค์เดียวที่เหลืออยู่ ทรงเป็นพระราชปิตุลาในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถด้วย ทั้งสองพระองค์ทรงสนิทสนมคุ้นเคยกับท่านมากและทรงเรียกว่าเสด็จลุงเสด็จปู่ทรงกำพร้าพระมารดาตั้งแต่ชันษา 11 วัน รัชกาลที่ 5 จึงพระราชทานให้สมเด็จพระพันวัสสาฯ ทรงเลี้ยง เสด็จปู่จึงทรงสนิทสนมกับ พระราชโอรสพระราชธิดาในสมเด็จพระพันวัสสาฯ โดยเฉพาะ สมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก
       

       
       
หลังจากการเปลี่ยนแปลงการปกครองในปี พ.ศ. 2475 พระราชพิธีต่างๆในพระราชสำนักได้ถูกระงับไปเป็นเวลาเกือบ 20 ปี จนผู้ใหญ่ที่เชี่ยวชาญรู้เรื่องพระราชพิธี ก็ได้ล้มหายตายจากไปตามๆ กัน เมื่อทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเสด็จปู่เป็นประธานผู้สำเร็จราชการฯ และต่อมาเป็นผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์แต่เพียงองค์เดียว เสด็จปู่จึงค่อยๆ รื้อฟื้นพระราชพิธีต่างๆ ที่ได้หยุดประกอบไป อาทิ พระราชพิธีแรกนาขวัญ พระราชพิธีเปลี่ยนเครื่องทรงพระแก้วมรกต ตามฤดูกาล เป็นต้น พระราชพิธีบรมราชาภิเษกจึงได้เป็นไปตามโบราณราชประเพณีทุกประการ เพราะเสด็จปู่ได้ทรงค้นคว้า และกำกับขั้นตอนของพระราชพิธีด้วยพระองค์เองอย่างละเอียดยิ่ง
       
       
       
นอกจากนี้ คุณหญิงยังเล่าต่อว่า ภายหลังจากพระราชพิธีบรมราชาภิเษก พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ยังได้เสด็จฯ เป็นการส่วนพระองค์ เพื่อเฉลิมฉลองและร่วมเสวยพระกระยาหารค่ำ กับเสด็จในกรมและหม่อมเอลิซาเบธ รังสิต ณ อยุธยา ที่วังวิทยุ (วังของเสด็จในกรม) อย่างสำราญพระราชหฤทัยยิ่ง
       
       
       
จากบทบาทของเสด็จปู่องค์ต้นราชสกุลรังสิต ทำให้ หม่อมราชวงศ์ปรียนันทนา ยังคงปลาบปลื้มในเหตุการณ์ครั้งสำคัญเรื่อยมา แม้เกิดไม่ทัน แต่ในฐานะพสกนิกรชาวไทยคนหนึ่ง และเป็นตัวแทนของราชสกุลรังสิต ที่มีความใกล้ชิดผูกพันกับสถาบันพระมหากษัตริย์ ในวาระ 60 ปี แห่งพระราชพิธีราชาภิเษกสมรส คุณหญิงขอถวายพระพรให้ ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน พระสุขภาพพลานามัยสมบูรณ์ และขอให้ทรงได้สบายพระราชหฤทัยโดยเร็วที่สุด เพราะว่าในขณะที่บ้านเมืองของเรามีวิกฤตเช่นนี้ คนไทยกำลังทะเลาะเข่นฆ่ากันเอง แบ่งฝักแบ่งฝ่าย ทำให้ทรงทุกข์พระราชหฤทัยเป็นอย่างยิ่ง
       
       
จึงอยากเชิญชวนให้คนไทยทุกคน ร่วมกันสร้างความสงบ สันติสุขให้กลับคืนมาสู่บ้านเมือง เพื่อมอบถวายให้ทั้ง 2 พระองค์ ที่ทรงเป็นร่มโพธิ์ร่มไทร ศูนย์รวมจิตใจคนไทยทั้งชาติ เพราะตลอดระยะเวลา 60 ปี ภายใต้พระบรมโพธิสมภาร ประเทศไทยได้เจริญก้าวหน้าอย่างมั่นคงมาก่อนนี้ เพราะฉะนั้น คนไทยจึงควรตอบแทนพระมหากรุณาธิคุณ โดยให้ทั้ง 2 พระองค์ได้ทรงสบายพระราชหฤทัยโดยเร็ว
       
       
ไม่มีพระมหากษัตริย์และพระราชินีพระองค์ใดในโลก ที่ทรงงานหนัก ทรงทุ่มเทพระวรกาย เพื่อพสกนิกรมากเท่านี้แล้ว ทรงริเริ่มโครงการเพี่อปรับปรุงชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนกว่า 3,000 โครงการ พระเจ้าอยู่หัวทรงเป็นนักพัฒนา ทรงพัฒนาทฤษฎีเศรษฐกิจพอเพียง เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันและเพื่อให้ประชาชนสามารถพึ่งพาตนเองได้อย่างยั่งยืนและมีศักดิ์ศรี สถาบันพระมหากษัตริย์เป็นสถาบันคู่ชาติไทยมากว่า 800 ปี พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงดำรงพระองค์อยู่เหนือการเมือง ทรงวางรากฐานให้แก่การปกครองระบบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขอย่างดี
       
       
กระทั่งทุกวันนี้ แม้จะมิได้เสด็จฯ ไปทรงเยี่ยมพสกนิกรทั่วทุกภาคเหมือนแต่ก่อน แต่ทั้ง 2 พระองค์ก็ยังคงทรงงานทุกวัน และระหว่างที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ประทับที่โรงพยาบาลศิริราช เพื่อรักษาพระอาการประชวร สมเด็จพระนางเจ้าฯ ก็ทรงประทับเฝ้าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มิได้ห่าง เคียงคู่พระบารมีตราบจนทุกวันนี้
       
       
อันที่จริง ในวันที่ 28 เม.ย.ที่จะถึงนี้ เป็นวันสำคัญยิ่งในประวัติศาสตร์ ที่คนไทยจะได้ร่วมกันฉลองในวาระ 60 ปีราชาภิเษกสมรส แต่ก็ทำได้ไม่เต็มที่ เพราะอยู่ในช่วงไม่สงบ จึงอยากขอให้ทุกคนร่วมกันนำความสงบ สันติ คืนมาร่วมกัน เพื่อตอบแทนพระมหากรุณาธิคุณที่ทรงมีต่อปวงชนชาวไทย

- - - - - - - - - - - - - - - - - -  

พันตรีศิริชัย   ทรัพย์ศิริ

นายกสมาคมคนพิการทางการเคลื่อนไหวสากล (ส.พ.ค.)

โทร. 02-990-0331

http://www.apdi2002.com

http://www.youtube.com พิมพ์ apdi. หรือ

สมาคมคนพิการ

2804530841

*********************

 

 

ผู้แสดงความคิดเห็น พันตรีศิริชัย ทรัพย์ศิริ (apdmajor1-at-yahoo-dot-com)วันที่ตอบ 2010-04-28 08:41:21 IP : 124.121.137.153


ความคิดเห็นที่ 4 (3176120)

อลังการราชดำเนิน"รวมพลังใจถวายภักดี"


กระทรวงการคลัง กระทรวงกลาโหม กระทรวงมหาดไทย และกรุงเทพมหานคร แถลงข่าวจัดกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในวโรกาสบรมราชาภิเษกปีที่ 60 ภายใต้ชื่องาน "รวมพลังใจ ถวายความภักดี" ที่ห้องประชุม 401 กระทรวงการคลัง

นายกรณ์ จาติกวณิช รมว. คลัง กล่าวว่า ตามที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จพระ ราชดำเนินเยี่ยมราษฎรและทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจเพื่อสร้างประโยชน์สุขแก่พสกนิกรชาวไทยทั่วประเทศ เป็นปีที่ 60 วันนี้ 76 จังหวัดทั่วทั้งประเทศ จึงพร้อมใจจัดนิทรรศการพระราชกรณียกิจ และกิจกรรมเฉลิม พระเกียรติจำนวนมาก เพื่อน้อมถวายความจงรักภักดี กระทรวงการคลังร่วมกับธนาคารแห่งประเทศไทย นำธนบัตรที่ระลึก 60 ปี ราชาภิเษกสมรส และ 60 ปี บรมราชาภิเษก มาจำหน่ายให้ประชาชน จากการจัดทำขึ้นจำนวน 9,999,999 ใบ เพื่อให้ประชาชนร่วมใจกันถวายความจงรักภักดีในวโรกาสที่เป็นมงคลนี้



ในส่วนของฝ่ายความมั่นคง จัดเตรียมแผนเพื่อให้ประชาชนร่วมงานอย่างเต็มที่ งานนี้เป็นของประชาชน ไม่ว่าจะมีความคิดที่แตกต่างทางการเมืองอย่างไร ก็สามารถมีส่วนร่วมแสดงออกให้กับพระองค์ท่านได้ เชื่อว่าความรักที่มีต่อพระองค์ท่านจะทำให้งานนี้เป็นพื้นที่ที่ปลอดภัยและปลอดการเมืองได้

ด้านนายศุภชัย จงศิริ รองปลัดกระทรวงการคลัง กล่าวถึงไฮไลต์กิจกรรม ว่า ประกอบด้วย 9 กิจกรรมหลัก คือ

1. กิจกรรม "รอยพระบาทยาตราทั่วประเทศ" เป็นการแสดงนิทรรศการตามรอยพระราชกรณียกิจใน 7 พื้นที่ทั่วประเทศ

2. กิจกรรม "ทุกขอบเขต รอยเท้าพ่อ ขอสืบสาน" จัดทำ "หนังสือเดินทางตามรอยพระบาท 76 จังหวัด" จำนวน 1 แสนเล่ม แจกให้กับผู้เข้าร่วมงานในการชมนิทรรศการตามรอยพระบาทของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่เสด็จฯไปยัง 76 จังหวัด

3. กิจกรรม "ความสุขสันต์ เสกสร้างให้ ใจเบิกบาน" พบการแสดงดนตรีจากศิลปิน ดารา นักร้องรับเชิญชื่อดังมากมาย รวมไปถึงการแสดงศิลปวัฒนธรรมประเพณีของชาวไทยทุกภูมิภาค



4. กิจกรรม "พระราชปณิธาน สถิตถิ่น ดินน้ำฟ้า" การแสดงพลุดอกไม้ไฟประกอบแสง สี เสียง โดยอัญเชิญบทพระราชนิพนธ์ของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ เรื่อง "เดินตามรอยเท้าพ่อ" มาเป็นแนวทางในการแสดง

5. กิจกรรม "พระบรมโพธิสมภาร สานดวงจิต" จัดสร้างต้นพระบรมโพธิสมภารเฉลิมพระ เกียรติขนาดใหญ่เป็นสัญลักษณ์สำคัญของงาน เพื่อให้ผู้เข้าชมงานร่วมกันลงชื่อตั้งปณิธานสานสร้างความสุขเพื่อพ่อลงบนใบโพธิ์สีทอง

6. กิจกรรม "นิรมิต ทิพย์ขบวน ล้วนล้ำค่า" จัดขบวนเฉลิมพระเกียรติ ที่นำความสุขของคนไทยทั่วภูมิภาคมาถวายเป็นความสุขของพ่อ ซึ่งประกอบด้วย ขบวนมหาดุริยางค์ 3 เหล่าทัพ ขบวนโคมทองธงชาติ ขบวนเสลี่ยงนางแห่งมวลดอกไม้มงคล ขบวนช้างแก้ว 9 เชือก พร้อมเครื่องประกอบขบวน และขบวนความสุขวิถีไทยแต่ละภาคอย่างวิจิตรงดงาม

7. กิจกรรม "น้ำพุดนตรี เริงสราญ ตระการตา" บนเกาะกลางถนนราชดำเนินกลาง ประ กอบแสง สี เสียงหลากหลายสีสัน จำนวน 9 จุด

8. กิจกรรม "มหัศจรรย์ ดอกไม้ฟ้า ดอกไม้ไฟ" บนเกาะกลางถนนราชดำเนิน กลาง ความยาว 1 กิโลเมตร ชมความสวย งามตระการตาของการแสดงพลุดอกไม้ไฟชุดพิเศษ

9. กิจกรรม "ความสุขของคนไทยใต้พระราชปณิธาน"

สำหรับงาน "รวมพลังใจ ถวายความภักดี" จะมีขึ้นระหว่างวันที่ 5-9 พ.ค.นี้ เวลา 18.00-24.00 น. ที่ถนนราชดำเนิน ด้วยระยะทางรวม 5 กิโลเมตร ตั้งแต่กระทรวงกลาโหม จนถึงสะพานมัฆวานรังสรรค์ โดยจะมีพิธีเปิดในวันที่ 5 พ.ค. เวลา 20.30 น. และในวันที่ 9 พ.ค. เวลา 20.00 น. จะเป็นพิธีปิดงาน จัดให้มีพิธีถวายสัตย์ปฏิญาณ เพื่อรวมพลังพสกนิกรชาวไทยร่วมกันตั้งปณิธานเพื่อสร้างความสุขแด่พ่อหลวง

 

- - - - - - - - - - - - - - - - - -  

พันตรีศิริชัย   ทรัพย์ศิริ

นายกสมาคมคนพิการทางการเคลื่อนไหวสากล (ส.พ.ค.)

โทร. 02-990-0331

http://www.apdi2002.com

http://www.youtube.com พิมพ์ apdi. หรือ

สมาคมคนพิการ

0305532149

*********************

 

ผู้แสดงความคิดเห็น พันตรีศิริชัย ทรัพย์ศิริ (apdmajor1-at-yahoo-dot-com)วันที่ตอบ 2010-05-03 21:49:39 IP : 124.122.27.140


ความคิดเห็นที่ 5 (3176542)

ในหลวง-ราชินีเสด็จพระราชพิธีฉัตรมงคล

- - - - - - - - - - - - - - - - - -  

พันตรีศิริชัย   ทรัพย์ศิริ

นายกสมาคมคนพิการทางการเคลื่อนไหวสากล (ส.พ.ค.)

โทร. 02-990-0331

http://www.apdi2002.com

http://www.youtube.com พิมพ์ apdi. หรือ

สมาคมคนพิการ

0505530738

*********************

 

 เลขาธิการพระราชวัง รับพระบรมราชโองการเหนือเกล้าฯ สั่งว่า การพระราชกุศลทักษิณานุปทานและการพระราชพิธีฉัตรมงคลเฉลิมราชสมบัติ สิริรัชพรรษา ปีนี้ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ณ ให้กำหนดรายการ ต่อไปนี้

 

 วันที่ 5 พฤษภาคม เวลา 10.30 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เสด็จพระราชดำเนินโดยรถยนต์พระที่นั่งไปยังพระบรมมหาราชวัง เข้าสู่พระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย ทางพระทวารเทเวศรรักษา

 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงจุดธูปเทียนเครื่องนมัสการ สมเด็จพระราชาคณะถวายศีล พระสงฆ์ 20 รูป ถวายพรพร จบแล้ว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราลงกรณ สยามมกุฎราชกุมาร ทรงประเคนจตุปัจจัยไทยธรรม พระสงฆ์ถวายอนุโมทนา ถวายอดิเรก ถวายพระพรลา

 

 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงจุดธูปเทียนเครื่องทองน้อยบูชาเทพยดารักษานพปฎลมหาเศวตฉัตรสิริราชกกุธภัณฑ์ พนักงานประโคมฆ้องชัย สังข์ แตร บัณเฑาะว์ และดุริยางค์แล้ว พราหมณ์เจิมนพปฎลมหาเศวตฉัตร โหรผูกผ้าสีชมพู

 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราลงกรณ สยามมกุฎราชกุมาร ทรงพระสุหร่ายเครื่องราชกกุธภัณฑ์ และพระราชลัญจกร พระครุฑพ่าห์ทองคำประจำรัชกาล แล้วเสด็จพระราชดำเนินกลับ

 

 เวลา 12.00 น. ทหารบก ทหารเรือ ทหารอากาศ จะได้ยิงปืนใหย่เฉลิมพระเกียรติ ฝ่ายละ 21 นัด

ผู้แสดงความคิดเห็น พันตรีศิริชัย ทรัพย์ศิริ (apdmajor1-at-yahoo-dot-com)วันที่ตอบ 2010-05-05 07:38:36 IP : 124.121.141.90


ความคิดเห็นที่ 6 (3179486)

นักโทษเฮ พระราชทานอภัยโทษ มีผลพรุ่งนี้

นักโทษเฮ พระราชกฤษฎีกาพระราชทานอภัยโทษ พ.ศ.2553 เนื่องในโอกาสพระราชพิธีบรมราชาภิเษก ปีที่ 60 มีผลพรุ่งนี้
       

       
วันนี้ (15 พ.ค.) ราชกิจจานุเบกษา ได้เผยแพร่ พระราชกฤษฎีกาพระราชทานอภัยโทษ พ.ศ.2553 โดยเหตุผลในการประกาศใช้พระราชกฤษฎีกาฉบับนี้ คือ เนื่องในโอกาสพระราชพิธีบรมราชาภิเษก ปีที่ 60 วันที่ 5 พฤษภาคม พุทธศักราช 2553 นับเป็นอภิลักขิตกาลสำคัญ สมควรพระราชทานอภัยโทษแก่ ผู้ต้องราชทัณฑ์ เพื่อเป็นการถวายพระราชกุศล และเพื่อให้โอกาสแก่บุคคลเหล่านั้นกลับประพฤติตนเป็นพลเมืองดี อันจะเป็นคุณประโยชน์แก่ประเทศชาติสืบไป
       
       
โดยพระราชกฤษฎีกานี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษา เป็นต้นไป หรือวันอาทิตย์ที่ 16 พฤษภาคม
       
       
สำหรับ นิยามความหมายสำคัญตาม พระราชกฤษฎีกา ประกอบด้วย
       
       - “
ผู้ต้องกักขังหมายความว่า ผู้ต้องโทษกักขังแทนโทษจำคุกหรือผู้ถูกกักขังแทนค่าปรับ ซึ่งมีคำพิพากษาหรือคำสั่งของศาลถึงที่สุดก่อนหรือในวันที่พระราชกฤษฎีกานี้ใช้บังคับ
       
       -“
ผู้ทำงานบริการสังคมหรือทำงานสาธารณประโยชน์แทนค่าปรับหมายความว่า ผู้ต้องโทษปรับ ซึ่งศาลมีคำสั่งอนุญาตให้ทำงานบริการสังคมหรือทำงานสาธารณประโยชน์แทนค่าปรับ แห่งประมวลกฎหมายอาญา ก่อนหรือในวันที่พระราชกฤษฎีกานี้ใช้บังคับโดยผู้นั้นได้ปฏิบัติตามคำสั่งศาล และมิได้กระทำผิดเงื่อนไขแต่อย่างใด
       
       - “
ผู้ได้รับการปล่อยตัวคุมประพฤติหมายความว่า นักโทษเด็ดขาดซึ่งเป็นผู้ได้รับการพัก การลงโทษตามกฎหมายว่าด้วยราชทัณฑ์หรือกฎหมายว่าด้วยเรือนจำทหาร หรือได้รับการลดวัน ต้อง
       
โทษจำคุกตามกฎหมายว่าด้วยราชทัณฑ์ ซึ่งมิได้ปฏิบัติผิดเงื่อนไขแห่งการพักการลงโทษหรือ การลดวันต้องโทษจำคุกก่อนหรือในวันที่พระราชกฤษฎีกานี้ใช้บังคับ
       
       -“
นักโทษเด็ดขาดหมายความว่า ผู้ซึ่งในวันที่พระราชกฤษฎีกานี้ใช้บังคับเป็นนักโทษเด็ดขาด ตามกฎหมายว่าด้วยราชทัณฑ์ หรือนักโทษตามกฎหมายว่าด้วยเรือนจำทหาร
       
       - “
กำหนดโทษหมายความว่า กำหนดโทษที่ศาลได้กำหนดไว้ในคำพิพากษาและระบุไว้ในหมายแจ้งโทษเมื่อคดีถึงที่สุด หรือกำหนดโทษตามคำสั่งที่ชอบด้วยกฎหมายให้ลงโทษหรือกำหนดโทษ ดังกล่าวที่ได้ลดโทษลงแล้วโดยการได้รับพระราชทานอภัยโทษหรือโดยเหตุอื่น
       
       -“
ต้องโทษจำคุกเป็นครั้งแรกหมายความว่า ต้องโทษเพราะถูกศาลพิพากษาให้ลงโทษจำคุก ไม่ว่าในกรณีความผิดคดีเดียวหรือหลายคดี โดยมิได้ถูกศาลพิพากษาให้เพิ่มโทษฐานกระทำความผิดอีก
       
       
ทั้งนี้ ผู้ซึ่งจะได้รับพระราชทานอภัยโทษตามพระราชกฤษฎีกานี้ต้องมีตัวอยู่ใน ความควบคุมของทางราชการ หรือถูกกักขังไว้ในสถานที่หรือที่อาศัยที่ศาลหรือทางราชการกำหนดในวันที่พระราชกฤษฎีกานี้ใช้บังคับติดต่อกันไปจนถึงวันที่ศาลออกหมายสั่งปล่อยหรือลดโทษ หรือ นายกรัฐมนตรีมีคำสั่งปล่อยหรือลดโทษตามที่บัญญัติไว้ในพระราชกฤษฎีกานี้ เว้นแต่ผู้ทำงานบริการสังคมหรือทำงานสาธารณประโยชน์แทนค่าปรับ และผู้ได้รับการปล่อยตัวคุมประพฤติ
       
       
มาตรา 5 ผู้ต้องโทษดังต่อไปนี้ ให้ได้รับพระราชทานอภัยโทษปล่อยตัวไป (1) ผู้ต้องกักขัง (2) ผู้ทำงานบริการสังคมหรือทำงานสาธารณประโยชน์แทนค่าปรับ (3) ผู้ได้รับการปล่อยตัวคุมประพฤติ
       
       
กรณีผู้ต้องกักขัง ซึ่งเป็นนักโทษเด็ดขาด และยังไม่ได้รับโทษกักขังแทนโทษจำคุกหรือยังไม่ได้ถูกกักขังแทนค่าปรับ ให้ผู้ต้องกักขังนั้นได้รับพระราชทานอภัยโทษ ปล่อยตัวไปในส่วนของโทษกักขังแทนโทษจำคุกหรือในส่วนของการกักขังแทนค่าปรับ แล้วแต่กรณี
       
       
มาตรา 6 กำหนดว่า นักโทษเด็ดขาดดังต่อไปนี้ ให้ได้รับพระราชทานอภัยโทษปล่อยตัวไป
       
       (1)
ผู้ต้องโทษจำคุกไม่ว่าในกรณีความผิดคดีเดียวหรือหลายคดี ซึ่งมีโทษจำคุกตามกำหนดโทษ ที่จะต้องได้รับต่อไปเหลืออยู่รวมกันไม่เกินหนึ่งปีนับแต่วันที่พระราชกฤษฎีกานี้ใช้บังคับ
       
       (2)
ผู้มีลักษณะอย่างหนึ่งอย่างใดดังต่อไปนี้
       
       (
ก) เป็นคนพิการโดยตาบอดทั้งสองข้าง มือหรือเท้าด้วนทั้งสองข้าง หรือเป็นบุคคลซึ่ง แพทย์ของทางราชการไม่น้อยกว่าสองคนได้ตรวจรับรองเป็นเอกฉันท์ว่าเป็นคนทุพพลภาพมีลักษณะอันเห็นได้ชัด
       
       (
ข) เป็นคนเจ็บป่วยด้วยโรคเรื้อน โรคไตวายเรื้อรัง โรคมะเร็ง โรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง (โรคเอดส์) หรือโรคจิต ซึ่งทางราชการได้ทำการรักษามาแล้วไม่น้อยกว่าสามเดือนในวันที่พระราชกฤษฎีกานี้ ใช้บังคับ และแพทย์ของทางราชการไม่น้อยกว่าสองคนได้ตรวจรับรองเป็นเอกฉันท์ว่าไม่สามารถจะรักษาในเรือนจำให้หายได้ และไม่ว่าในกรณีความผิดคดีเดียวหรือหลายคดี ต้องได้รับโทษจำคุกมาแล้ว ถึงวันที่พระราชกฤษฎีกานี้ใช้บังคับไม่น้อยกว่าสามปี หรือไม่น้อยกว่า ๑ ใน ๒ ของโทษตามกำหนดโทษ เว้นแต่เป็นคนเจ็บป่วยด้วยโรคมะเร็งระยะสุดท้าย หรือโรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง (โรคเอดส์) ระยะสุดท้าย ซึ่งแพทย์ของทางราชการไม่น้อยกว่าสองคนได้ตรวจรับรองเป็นเอกฉันท์ว่าไม่สามารถจะรักษาในเรือนจำให้หายได้
       
       (
ค) เป็นหญิงซึ่งต้องโทษจำคุกเป็นครั้งแรก และไม่ว่าในกรณีความผิดคดีเดียวหรือหลายคดี ต้องได้รับโทษจำคุกมาแล้วถึงวันที่พระราชกฤษฎีกานี้ใช้บังคับไม่น้อยกว่า ๑ ใน ๒ ของโทษตามกำหนดโทษ
       
       (
ง) เป็นคนมีอายุไม่ต่ำกว่าหกสิบปีบริบูรณ์ในวันที่พระราชกฤษฎีกานี้ใช้บังคับตามที่ปรากฏในทะเบียนบ้านตามกฎหมายว่าด้วยการทะเบียนราษฎรหรือทะเบียนรายตัวของเรือนจำในกรณีไม่มีชื่อ อยู่ในทะเบียนบ้าน และไม่ว่าในกรณีความผิดคดีเดียวหรือหลายคดี ต้องเหลือโทษจำคุกไม่เกินสามปี นับแต่วันที่พระราชกฤษฎีกานี้ใช้บังคับ หรือเป็นคนมีอายุตั้งแต่เจ็ดสิบปีขึ้นไป
       
       (
จ) เป็นผู้ต้องโทษจำคุกเป็นครั้งแรก และมีอายุยังไม่ครบยี่สิบปีบริบูรณ์ในวันที่ พระราชกฤษฎีกานี้ใช้บังคับตามที่ปรากฏในทะเบียนบ้านตามกฎหมายว่าด้วยการทะเบียนราษฎรหรือทะเบียนรายตัวของเรือนจำในกรณีไม่มีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้าน และไม่ว่าในกรณีความผิดคดีเดียวหรือหลายคดี ต้องได้รับโทษจำคุกมาแล้วถึงวันที่พระราชกฤษฎีกานี้ใช้บังคับไม่น้อยกว่า ๑ ใน ๒ ของโทษตามกำหนดโทษ หรือ
       
       (
ฉ) เป็นนักโทษเด็ดขาดชั้นเยี่ยม และไม่ว่าในกรณีความผิดคดีเดียวหรือหลายคดีโทษจำคุกตามกำหนดโทษที่จะต้องได้รับต่อไปเหลืออยู่รวมกันไม่เกินสองปีนับแต่วันที่พระราชกฤษฎีกานี้ ใช้บังคับ
       
       
มาตรา 7 นักโทษเด็ดขาดซึ่งมิได้รับพระราชทานอภัยโทษปล่อยตัวไปตามมาตรา ๖ ให้ได้รับพระราชทานอภัยโทษ ลดโทษ ดังต่อไปนี้
       
       (1)
ผู้ต้องโทษประหารชีวิต ให้ลดลงเป็นโทษจำคุกตลอดชีวิต
       
       (2)
ผู้ต้องโทษจำคุกตลอดชีวิต ให้เปลี่ยนเป็นกำหนดโทษจำคุกห้าสิบปี แล้วให้ลดโทษตามลำดับชั้นนักโทษเด็ดขาดตามกฎหมายว่าด้วยราชทัณฑ์หรือกฎหมายว่าด้วยเรือนจำทหาร
       
       
ดังต่อไปนี้ ชั้นเยี่ยม 1ใน 4 ชั้นดีมาก 1 ใน 5 ชั้นดี 1 ใน 6 ชั้นกลาง 1 ใน 7 โดยให้นับโทษจำคุกนั้นตั้งแต่วันที่ต้องรับโทษ เว้นแต่กรณีที่จะต้องนับโทษต่อจากคดีอื่น ให้นับโทษต่อจากคดีอื่นนั้น
       
       (3)
ผู้ต้องโทษจำคุกไม่ถึงตลอดชีวิต ให้ลดโทษจากกำหนดโทษตามลำดับชั้นนักโทษเด็ดขาด ตามกฎหมายว่าด้วยราชทัณฑ์หรือกฎหมายว่าด้วยเรือนจำทหาร ตาม (2)
       
       (4)
ผู้ต้องโทษจำคุกเพราะความผิดที่ได้กระทำโดยประมาท ไม่ว่าจะมีความผิดอื่นร่วมด้วย หรือไม่ ให้ลดโทษจากกำหนดโทษลง 2 ใน 3 เฉพาะความผิดที่ได้กระทำโดยประมาท

- - - - - - - - - - - - - - - - - -  

พันตรีศิริชัย   ทรัพย์ศิริ

นายกสมาคมคนพิการทางการเคลื่อนไหวสากล (ส.พ.ค.)

โทร. 02-990-0331

http://www.apdi2002.com

http://www.youtube.com พิมพ์ apdi. หรือ

สมาคมคนพิการ

1505531757

*********************

 

ผู้แสดงความคิดเห็น พันตรีศิริชัย ทรัพย์ศิริ (apdmajor1-at-yahoo-dot-com)วันที่ตอบ 2010-05-15 17:57:40 IP : 124.121.138.61


ความคิดเห็นที่ 7 (3181285)

ขอพระองค์ทรงพระเจริญ

ขอตั้งจิตอธิษฐานด้วยสัจจะวาจาว่า
"สัพพะพุทธานุภาเวนะ ด้วยอำนาจของพระพุทธเจ้า
สัพพะธัมมานุภาเวนะ ด้วยอำนาจของพระธรรม สัพพะสังฆานุภาเวนะ ด้วยอำนาจของพระสังฆเจ้า
พระบรมสารีริกธาตุที่มีอยู่ในประเทศไทย และต่างประเทศ
และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายทั้งปวงที่มีอยู่ในประเทศไทยและต่างประเทศ
เสื้อบ้านเสื้อเมือง ได้ดลบันดาลให้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ (ในหลวง) ทรงหายพระประชวรในเร็ววัน" ด้วยเทอญ

- - - - - - - - - - - - - - - - - -  

พันตรีศิริชัย   ทรัพย์ศิริ

นายกสมาคมคนพิการทางการเคลื่อนไหวสากล (ส.พ.ค.)

โทร. 02-990-0331

http://www.apdi2002.com

http://www.youtube.com พิมพ์ apdi. หรือ

สมาคมคนพิการ

2005531804

*********************

 

ผู้แสดงความคิดเห็น พันตรีศิริชัย ทรัพย์ศิริ (apdmajor1-at-yahoo-dot-com)วันที่ตอบ 2010-05-20 18:04:12 IP : 124.121.141.8


ความคิดเห็นที่ 8 (3206313)
the elevation changes will surprise most native louisianans as many have no clue such a trail exists in the areait will come as ugg boots women"s ugg sundance ii boots ugg boot for sale ugg boot
ผู้แสดงความคิดเห็น 1 (lymofw-at-pchome-dot-com)วันที่ตอบ 2010-08-25 02:15:40 IP : 125.121.215.19


ความคิดเห็นที่ 9 (3217479)
boots on christian st black ugg size 5 ghd hair straighteners
ผู้แสดงความคิดเห็น 1 (yxbbgh-at-mail-dot-com)วันที่ตอบ 2010-10-12 14:13:08 IP : 125.121.25.199


ความคิดเห็นที่ 10 (3220992)

ขอพระองค์ทรงพระเจริญ

ขอตั้งจิตอธิษฐานด้วยสัจจะวาจาว่า
"สัพพะพุทธานุภาเวนะ ด้วยอำนาจของพระพุทธเจ้า
สัพพะธัมมานุภาเวนะ ด้วยอำนาจของพระธรรม สัพพะสังฆานุภาเวนะ ด้วยอำนาจของพระสังฆเจ้า
พระบรมสารีริกธาตุที่มีอยู่ในประเทศไทย และต่างประเทศ
และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายทั้งปวงที่มีอยู่ในประเทศไทยและต่างประเทศ
เสื้อบ้านเสื้อเมือง ได้ดลบันดาลให้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ (ในหลวง) ทรงหายพระประชวรในเร็ววัน" ด้วยเทอญ

- - - - - - - - - - - - - - - - - -  

พันตรีศิริชัย   ทรัพย์ศิริ

นายกสมาคมคนพิการทางการเคลื่อนไหวสากล (ส.พ.ค.)

โทร. 02-990-0331

http://www.apdi2002.com

http://www.youtube.com พิมพ์ apdi. หรือ

สมาคมคนพิการ

111530753

*********************

ผู้แสดงความคิดเห็น พันตรีศิริชัย ทรัพย์ศิริ (apdmajor1-at-yahoo-dot-com)วันที่ตอบ 2010-11-01 07:53:07 IP : 124.121.140.72


ความคิดเห็นที่ 11 (3221539)
Your Guide For Shopping for GHD Curly hair ghd straighteners The trend of hair follicles straightening has grow to be very popular nowadays and majority of females love to straighten their locks Inside the past it was frequent to straighten the hair follicles only on special events but currently women prefer to straighten their curly hair each day to look elegant and attractive It can be observed that hair follicles are damaged mainly because of exposure for the heat of your straightener so it can be needed to go by way of all safety measures that will minimize the harmful impacts of curly hair straighteners You will find various sorts of hair straighteners which have diverse features so the selection of your most suitable curly hair straightener is essential in accordance to the type of hair follicles so that you can stay away from the damaging effects ghd curly hair straightener could be the greatest straightener that offers quite a few advantageous capabilities You"ll find distinct models of ghd locks straighteners that happen to be suitable for certain sorts of head of hair GHD IV styler may be the most ideal tool that can be used for all forms of locks GHD IV salon styler is helpful for thick hair It has wider plates that make it effortless to straighten the curly hair in brief duration of time For those having brief hair follicles GHD IV mini styler may be the greatest option to buy and it can create waves or curls too For acquiring GHD hair follicles straightener it"s far better to evaluate the features and prices to select 1 which is in accordance to private demands There are lots of accessories that purchaser can obtain with the straightener so earlier than buying GHD hair follicles straightener the info about all equipment must be taken There are many ghd hair follicles straighteners that happen to be created in unique colors The coloration in the straightener has nothing to do with its features Individuals can choose any color of their choice Earlier than acquiring GHD locks straightener it"s vital to make sure that it provides the warranty of two years You will discover some pretend GHD hair follicles straighteners obtainable inside the markets so the buyer ought to be sure that the item he/she is getting is original If the GHD hair follicles straightener is bought from a reputable retailer then it"s going to not be a pretend straightener Cautious inspection earlier than buying the straightener lessens the dangers of getting a faux straightener
ผู้แสดงความคิดเห็น 1 (dkwxgw-at-gmail-dot-com)วันที่ตอบ 2010-11-01 20:34:12 IP : 125.122.102.4


ความคิดเห็นที่ 12 (3221541)
Your Guide For Shopping for GHD Hair Straighteners The trend of curly hair straightening has grown to be incredibly common these days and majority of females really like to straighten their hair follicles Within the past it was prevalent to straighten the hair only on special events but at present women favor to straighten their hair follicles everyday to look elegant and attractive It truly is observed that curly hair are damaged mainly because of exposure towards the heat in the straightener so it truly is needed to go through all safety measures which will decrease the dangerous impacts of hair ghd straighteners You will discover different varieties of curly hair straighteners that have diverse capabilities so the choice from the most ideal locks straightener is essential in accordance for the type of hair follicles to be able to avoid the damaging effects ghd locks straightener may be the very best straightener that delivers quite a few advantageous capabilities You will discover diverse models of GHD hair straighteners that happen to be appropriate for certain sorts of head of hair GHD IV styler would be the most acceptable tool that could be employed for all types of curly hair GHD IV salon styler is helpful for thick curly hair It has wider plates that make it uncomplicated to straighten the curly hair in brief duration of time For those having brief locks GHD IV mini styler would be the ideal choice to purchase and it can create waves or curls too For getting GHD curly hair straightener it really is far better to evaluate the attributes and prices to select 1 that is according to personal demands There are many accessories that purchaser can obtain with the straightener so ahead of getting GHD hair follicles straightener the data about all equipment need to be taken There are lots of GHD locks straighteners that are created in different colors The shade of your straightener has nothing to do with its attributes People can select any color of their choice Just before acquiring GHD curly hair straightener it can be essential to be certain that it offers the warranty of two years There are some pretend GHD locks straighteners readily available inside markets so the buyer should make certain that the product he/she is acquiring is original If the GHD hair follicles straightener is bought from a reputable retailer then it will not be a pretend straightener Cautious inspection just before shopping for the straightener lessens the dangers of shopping for a fake straightener
ผู้แสดงความคิดเห็น 1 (aeagmr-at-163-dot-com)วันที่ตอบ 2010-11-01 20:37:30 IP : 125.122.102.4


ความคิดเห็นที่ 13 (3305481)
cheap uggs australia ugg cheap uggs for cheap
ผู้แสดงความคิดเห็น qFerFchY วันที่ตอบ 2013-01-01 13:52:43 IP : 184.82.122.81



[1]


แสดงความคิดเห็น
ความคิดเห็น *
ผู้แสดงความคิดเห็น  *
อีเมล 
ไม่ต้องการให้แสดงอีเมล



สมาคมคนพิการทางการเคลื่อนไหวสากล 802/410 หมู่12 หมู่บ้านวังทองริเวอร์ปาร์ค ซอย10/4 ตำบลคูคต อำเภอลำลูกกา จังหวัดปทุมธานี 12130 โทร : 02-990-0331 Copyright © 2010 All Rights Reserved.