วันที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552 ปีที่ 32 ฉบับที่ 11575 มติชนรายวัน
ขึ้นปีใหม่ไทย-สุวรรณภูมิ วันนี้ เดือนอ้าย 18 พฤศจิกายน52
คอลัมน์ สยามประเทศไทย
โดย สุจิตต์ วงษ์เทศ
ปีหนึ่งมี 12 เดือน เริ่มจากเดือนที่หนึ่งเรียกเดือนอ้าย เดือนที่สองเรียกเดือนยี่ เดือนที่สามเรียกเดือนสาม เรื่อยไปจนถึงเดือนสิบสองเป็นสิ้นปี
เมื่อถึงสิ้นปีเดือนสิบสองจึงมีประเพณีลอยกระทง แม่พระคงคา ขอขมาธรรมชาติที่ให้พืชพันธุ์ธัญญาหารเลี้ยงชีวิตมาตลอดปี ช่วงเวลานี้ถือเป็นส่งท้ายปี เก่าก็ได้
ต่อจากนั้นเริ่มต้นปีใหม่ เรียกเดือนที่หนึ่งว่าเดือนอ้าย ถือเป็นขึ้นปีใหม่ โดยเฉลี่ยตามปฏิทินสากลอยู่ในราวปลายเดือนพฤศจิกายนถึงต้นเดือนธันวาคม เฉพาะปีนี้ตรงกับวันพุธที่ 18 พฤศจิกายน 2552 (คือวันนี้)
ปีใหม่ เป็นสำนึกเกิดขึ้นภายหลังรับวัฒนธรรมตะวันตก แต่สำนึกในวัฒนธรรมดั้งเดิมหมายถึงช่วงเวลาอุดมสมบูรณ์ของพืชพันธุ์ธัญญาหาร เช่น ข้าวออกรวงแก่เต็มที่ ถึงเวลาลงมือเก็บเกี่ยวมาเก็บไว้กินเป็นอาหารเลี้ยงชีวิตไปจนกว่าจะถึงฤดูเก็บเกี่ยวใหม่ในอีก 12 เดือน หรือ 365 วันข้างหน้า อันเป็นวิถีชีวิตปกติของสังคมดึกดำบรรพ์ราว 3,000 ปีมาแล้วทั้งภูมิภาคอุษาคเนย์ ที่ล้วน"ทำนาทางฟ้า" คือนาน้ำฝนที่ต้องพึ่งพาธรรมชาติเป็นสำคัญ และทำได้ปีละครั้งเท่านั้น
ช่วงเวลานี้เอง ชุมชนที่อยู่ระนาบเส้นรุ้งเดียวกันหรือใกล้เคียงกัน มีสภาพ แวดล้อมทางธรรมชาติเหมือนกัน และได้รับอิทธิพลจากลมมรสุมพร้อมกัน จึงยกเป็นระยะเริ่มต้นของฤดูกาลใหม่ คือ วันใหม่ เดือนใหม่ ปีใหม่ เรียกกันทั่วไปว่า วันขึ้น 1 ค่ำ เดือนอ้าย คือวันและเดือนลำดับที่หนึ่งของปีใหม่
แล้วเปลี่ยน"ปีนักษัตร"ตอนนี้ว่าปีอะไร เช่น ชวด ฉลู ขาล ฯลฯ ปฏิทินหลวงปัจจุบันก็ถือตามแบบดั้งเดิมอย่างนี้
เดือนอ้ายมีพิธีชักว่าว เพื่อขอลมมาไล่น้ำให้น้ำลดแห้งหายจากท้องนา ชาวนาจะได้เก็บเกี่ยวสะดวก ขณะเดียวกันก็ขอลมพัดให้พืชผลสุกเต็มที่จะได้เก็บเกี่ยวมาเก็บไว้กินเลี้ยงชีพ
เขมรแต่ก่อนมีระบุว่าพระราชพิธีเดือนอ้าย "บังเหินแขลง" หมายถึงชักว่าว (คำว่าแขลง เป็นภาษาเขมร แปลว่า ว่าว ไทยรับมาใช้ว่า แขลง, แคลง) ตรงกับกาพย์ห่อโคลงนิราศธารโศก พระนิพนธ์เจ้าฟ้าธรรมาธิเบศร์ (กุ้ง) ดังนี้
๏ เดือนอ้ายผายกรุงท้าว พิธีว่าวกล่าวกลแสดง
เดือนนี้พิธีแคลง กลุ้มท้องฟ้าคลาอรไกล ฯ
๏ มฤคเศียรดลมาศกล้า ลมแรง
ว่าวง่าวพิธีแสดง แหล่งหล้า
เรียกชื่อพิธีแขลง โดยที่
สาวส่งขึ้นลอยฟ้า ร่ายร้องคนึงสาว ฯ
โล้ชิงช้า เป็นการละเล่นในพิธีกรรมขอลมอย่างหนึ่ง(เหมือนชักว่าว) ของกลุ่มชาติพันธุ์สุวรรณภูมิในอุษาคเนย์
ชิงช้ามีใช้ในภาษากะเหรี่ยงว่า "ลา ชิงช้า" แปลว่า เดือนอ้าย หมายถึง มีการละเล่นโล้ชิงช้าเดือนอ้ายฉลองขึ้นฤดูกาลใหม่มีทั่วไปทุกชาติพันธุ์ อาจารย์ศิริพจน์ เหล่ามานะเจริญ (แห่งคณะโบราณคดี มหาวิทยาลัยศิลปากร) ศึกษาวิจัยพบว่า พิธีโล้ชิงช้า ของพราหมณ์กรุงศรีอยุธยาและกรุงรัตนโกสินทร์ ไม่เคยมีในชมพูทวีป(อินเดีย) แต่มีในสุวรรณภูมิ แสดงว่าปรับใช้พิธีกรรมโล้ชิงช้าขอลมของพื้นเมืองให้เข้ากับพิธีกรรมชมพูทวีป
พิธีกรรมชักว่าว, โล้ชิงช้า, ฯลฯ เดือนอ้ายของสุวรรณภูมิในอุษาคเนย์น่าจะมีความหมายอย่างอื่นอีก แต่ผมรู้แค่นี้เอง
- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
พันตรีศิริชัย ทรัพย์ศิริ
สมาคมคนพิการทางการเคลื่อนไหวสากล (ส.พ.ค.)
www.waddeeja.com
Tel.02-990-0331
1811522020
|