ReadyPlanet.com


ระวังพรุ่งนี้...โทรไม่ถือกฎหมายมีผลบังคับใช้


 

โทรฯไม่ถือเจอแล้วจับปรับทันที เลี่ยงไม่ได้ให้ใช้อุปกรณ์เสริม

ตั้งแต่วันที่ 8 พ.ค. 2551 เป็นต้นไป

 เวลาจะโทรศัพท์ไปหาใคร ประโยคแรกควรจะถามก่อนว่า กำลังขับรถอยู่หรือเปล่า ?

เนื่องจากกฎหมายใหม่มีผลบังคับใช้แล้ว
 
ตาม พ.ร.บ.จราจรทางบก ฉบับที่ 8 พ.ศ. 2551 มาตรา 43 กำหนด ห้ามมิให้ผู้ขับรถ (9) ในขณะใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่ เว้นแต่การใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่โดยใช้อุปกรณ์เสริมสำหรับสนทนา โดยที่   ผู้ขับขี่ไม่ต้องถือหรือจับโทรศัพท์เคลื่อนที่นั้น ผู้ฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตาม มาตรา 43 (9) ต้องระวางโทษ มีโทษปรับตั้งแต่ 400-1,000 บาท
 
พูดกันแบบภาษาง่าย ๆ ก็คือ หากจำเป็นต้องรับสายหรือโทรฯ ออกผ่านโทรศัพท์มือถือ ขณะ  ที่กำลังขับรถยนต์ ขี่มอเตอร์ไซค์ ต้องใช้อุปกรณ์เสริมเช่น แฮนด์ฟรี หูฟังไร้สายหรือที่เรียกกัน   ง่าย ๆ ว่า หูฟังบลูทูธ ห้ามเอาโทรศัพท์มาแนบหูโดยตรง ขืนโทรฯ แล้วถือ หากเจอคุณหมู่คุณจ่าละก็ เจอใบสั่งแน่ ๆ
 
นายแพทย์แท้จริง ศิริพานิช เลขาธิการมูลนิธิเมาไม่ขับ ในฐานะประธานโครงการโทรไม่ถือ เล่าให้ฟังว่า กฎหมายจะมีผลบังคับใช้แล้ว แต่ยังไม่มีใครทำอะไรให้ประชาชนรับรู้ หน่วยงานทั้งรัฐและเอกชนทั้ง 15 แห่ง จึงมาร่วมเป็นพันธมิตรกัน เพื่อช่วยกันรณรงค์ ในนามโครงการ โทรไม่ถือ  โทรแล้วขับอันตราย เลี่ยงไม่ได้ ให้ใช้อุปกรณ์เสริม
 
คุณหมอแท้จริง ย้ำว่า กฎหมายไม่ได้ห้ามใช้โทรศัพท์มือถือขณะขับรถ แต่บังคับว่า ต้องใช้อุปกรณ์เสริม
 
พล.ต.ต.ภาณุ เกิดลาภผล รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล กล่าวว่า ก่อนจะเสนอกฎหมาย    ดังกล่าวได้พยายามศึกษากฎหมายจากหลายประเทศ และผลงานวิจัย ซึ่งส่วนใหญ่ได้ข้อสรุปตรงกันว่า การใช้โทรศัพท์มือถือขณะขับรถ ไม่ว่าจะใช้อุปกรณ์เสริมหรือไม่ก็ตาม ทำให้ผู้ขับเสียสมาธิและเกิดอันตรายขณะอยู่บนถนน จึงต้องการห้ามทุกอย่าง แต่เมื่อถึงคณะกรรมาธิการพิจารณา มีข้อถกเถียงในเรื่องนี้กันมาก
และสุดท้ายจึงมีมติอนุโลมให้ใช้อุปกรณ์เสริมได้ 
 
อยากให้ตระหนักว่า การโทรศัพท์ขณะขับรถนั้นอันตรายต่อทุกคน หลายประเทศถึงกับห้ามใช้โทรศัพท์มือถือขณะขับรถ ห้ามแม้กระทั่งแฮนด์  ฟรี มีบทลงโทษที่รุนแรงมาก บางประเทศถึงขั้นยึดโทรศัพท์มือถือ ยึดซิมการ์ด และปรับเงินหลายหมื่นบาทพล.ต.ต.ภาณุ กล่าวและว่า กำลังจะเสนอว่า หากพบว่า มีการกระทำผิดข้อหาเดิมซ้ำภายใน 1 ปี จะไม่คืนใบขับขี่ให้ จนกว่าจะผ่านการอบรมอย่างน้อย 5 ชั่วโมงจึงจะพิจารณาคืนใบขับขี่ให้อีกที
 
ตำรวจยืนยันว่า หากพบเห็นว่า กำลังใช้โทรศัพท์มือถือขณะขับรถ เอาโทรศัพท์มาแนบหูจะดำเนินการจับปรับทันที อย่าคิดว่าถนนเส้นนี้ปลอดโปร่ง ไม่มีด่าน ไม่เห็นจ่า เพราะหากเป็นเส้นทางหลัก ทางด่วน ทางหลวง ก็จะใช้ถ่ายภาพที่มีอยู่ตามจุด  ต่าง ๆ บันทึกภาพขณะทำผิด ในพื้นที่ กทม.ก็จะใช้กล้องตรวจการจราจรตามสี่แยก แล้วส่งใบสั่งไปรอถึงบ้าน หากเจอจัง ๆ บนถนน ตำรวจจะใช้กล้องถ่ายรูปที่มีอยู่ในโทรศัพท์มือถือบันทึกภาพผู้กระทำผิดทันที
 
คำแนะนำ 4 ข้อจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ ฝากไปถึงผู้ขับขี่รถบนถนน ก็คือ
 
1. ขึ้นรถไม่โทรฯ โทรฯ ไม่ขับ
 
2. เดินทางด้วยกันให้ผู้ร่วมเดินทางในรถช่วยรับโทรศัพท์ให้แทน
 
3. เดินทางตามลำพัง ไม่มีอุปกรณ์ เสริมก็ให้จอดรถพูดคุยธุระข้างทาง
 
4. หากมีอุปกรณ์เสริมให้รับโดยใช้อุปกรณ์เสริม แต่ไม่ควรคุยนาน
 
ที่น่าชื่นชมก็คือ มิชลิน หนึ่งในพันธมิตรที่เข้าร่วมโครงการ โทรไม่ถือ ได้มีมาตรการเข้มงวดเกี่ยวกับความปลอดภัยของพนักงานที่เกี่ยวข้องกับการขับรถ เช่น พนักงานขาย พนักงานขับรถที่ต้องเดินทางออกไปปฏิบัติงานนอกสำนักงาน ทางบริษัทได้แจกหูฟังไร้สาย แฮนด์ฟรีให้พนักงาน และมีกฎว่า หากจะใช้โทรศัพท์มือถือขณะขับรถต้องใช้อุปกรณ์  เสริมเท่านั้น ใครฝ่าฝืนจะถูกลงโทษตามกฎของบริษัททันที เริ่มตั้งแต่ต้นปี 2551
 
สำหรับผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือทั้ง 4 ค่าย คือ เอไอเอส ดีแทค ทรูมูฟ และฮัทช์ จะเริ่มรณรงค์ผ่านการส่งข้อความ SMS ถึงลูกค้าทุกคน และลดราคาอุปกรณ์เสริมให้สูงสุดถึง 50%
 
พนักงานขายหูฟังบลูทูธ บอกว่า ตอนนี้ขายดีขึ้นกว่าเดิมถึงเท่าตัว ลูกค้ามาซื้อและสอบถามวิธีการใช้งานเป็นจำนวนมาก
 
คำแนะนำง่าย ๆ ถึงวิธีเลือกซื้อหูฟังบลูทูธ ก็คือ คุณภาพเสียงต้องคมชัด ไม่ขาดหาย ลำโพงเสียงดัง และไมโครโฟนสามารถตัดเสียงรบกวนรอบข้าง คู่สนทนาได้ยินชัดเจน ระยะเวลาการใช้งานควรสนทนาได้นานไม่ต่ำกว่า 6 ชั่วโมง ก่อนตัดสินใจซื้อให้ลองสวมดูก่อน ต้องพอดีหู ไม่ระคายหรือเจ็บหูหากใส่นาน ๆ และต้องมีระยะเวลารับประกันนาน 1 ปี
 
ตามมาตรฐานแล้ว แบตเตอรี่ในหูฟังบลู ทูธจะมีอายุการใช้งานประมาณ 1 ปี จะชาร์จได้ประมาณ 500 ครั้ง เกินกว่านั้นแบตเตอรี่จะเสื่อม หมดสภาพ ดังนั้นการรับประกัน 1 ปีจึงมีความ สำคัญมาก 
 
ต่อไปนี้ จะโทรฯ จะขับ พึงระมัดระวัง และจำไว้ว่า นอกจากจะเมาไม่ขับแล้ว ยังต้องโทรฯไม่ถือ ฝ่าฝืนก็อาจจะเจออุบัติเหตุ เลือกเอาแล้วกันว่า อยากจะเจออะไร.

* * * * * * * * * * * * * * * * *

พันตรีศิริชัย ทรัพย์ศิริ

นายกสมาคมคนพิการทางการเคลื่อนไหวสากล

โทร. 02-990-0331

http://www.apdi2002.com

http://www.youtube.com พิมพ์ apdi. หรือ สมาคมคนพิการ

0705512202



ผู้ตั้งกระทู้ พันตรีศิริชัย ทรัพย์ศิริ :: วันที่ลงประกาศ 2008-05-07 21:50:45 IP : 124.121.144.192


[1]

ความคิดเห็นที่ 1 (2529074)

 

หลายเทคนิคเลี่ยงถูกจับ ไม่ใช่แค่

"ไม่ถือ"...... แล้วจะไม่ผิด

 

จากที่กฎหมายห้ามใช้โทรศัพท์ขณะขับรถที่มีผลบังคับตั้งแต่วันที่ 8 พ.ค. ที่ผ่านมา หลายคนยังคงสงสัยติดใจว่าแบบไหนเรียกว่าโทรฯขณะขับรถ แม้จะมีกฎหมายนี้ออกมาใช้กว่า 40 ประเทศทั่วโลก แต่สำหรับประเทศไทยถือว่าเป็นเรื่องใหม่ที่หลายคนยังไม่ค่อยเข้าใจกันนัก เพราะคนใช้รถใช้ถนนในปัจจุบันมีพฤติกรรมการใช้โทรศัพท์ที่หลากหลายและแตกต่างกัน ซึ่งบางคนอาจยังเข้าใจว่าบางอย่างสามารถทำได้ไม่ถูกจับ
 
กฎหมายดังกล่าว ได้ระบุข้อความ เพิ่มข้อห้ามสำหรับการขับรถ ในพระราชบัญญัติจราจรทางบก มาตรา 43 ว่าห้ามขับรถในขณะที่ใช้     โทรศัพท์เคลื่อนที่ เว้นแต่การใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่โดยใช้อุปกรณ์เสริมสำหรับการสนทนา โดยที่ผู้ขับขี่ไม่ต้องถือหรือจับโทรศัพท์เคลื่อนที่นั้น และมีโทษปรับตามมาตรา 157 ปรับตั้งแต่ 400-1,000 บาท ซึ่งหากพิจารณาตามข้อกฎหมายแล้ว มีเรื่องที่จะต้องพิจารณาว่าเข้าข่ายการกระทำผิดในข้อหานี้ใน 4 ประเด็นด้วยกัน คือ ประเด็นแรก
  
1.การใช้โทรศัพท์ ในการตีความพฤติกรรมการใช้โทรศัพท์มือถือตามกฎหมายนี้ จะครอบคลุมทั้งการสนทนา กดหมายเลขเพื่อโทรฯออก กดรับโทรศัพท์ ฟังเพลง เล่นเกม ดูข้อความ รับ-ส่งข้อความ พิมพ์ข้อความ ดูภาพ ถือเป็นการใช้โทรศัพท์ทั้งสิ้น ซึ่งครอบคลุมการใช้งานโทรศัพท์ในทุก ๆ  กิจกรรมที่โทรศัพท์เคลื่อนที่สามารถทำงานได้
  
 2.การใช้โทรศัพท์ในขณะขับรถ คือเป็นการใช้โทรศัพท์ตามพฤติกรรมในข้อ 1.ในขณะที่ผู้ขับขี่อยู่หลังพวงมาลัยรถ และรถติดเครื่องอยู่ โดยผู้ขับขี่อยู่ในสภาพที่พร้อมควบคุมและบังคับรถให้เคลื่อนที่ ถือเป็นการขับรถ ดังนั้นแม้รถจะหยุดอยู่ที่ทางแยก หรือรถติดหยุดนิ่ง ก็ถือว่าอยู่ในภาวะขับรถ แม้รถจอดติดไฟแดง รถติดหยุดนิ่งบนถนนก็ถือเป็นการกระทำในขณะขับรถทั้งสิ้น
  
3.การใช้โทรศัพท์โดยถือหรือจับ การที่ผู้ขับขี่จะทำผิดตามข้อหา  นี้มีประเด็นที่สำคัญคือ ผู้ขับขี่จะต้องถือหรือจับโทรศัพท์ในขณะขับรถ จึงถือเป็นความผิด หากเพียงแต่เปิดลำโพง (สปีคเกอร์ โฟน) แล้ววางโทรศัพท์ไว้ข้าง ๆ ขณะสนทนา หรือเปิดเพลงจากลำโพง แล้ววางโทรศัพท์ไว้ โดยไม่ได้ถือหรือจับโทรศัพท์ ก็ไม่ถือว่าครบองค์ประกอบในการทำผิดตาม  ข้อหานี้
  
4. คือ กฎหมายยกเว้นเฉพาะการใช้อุปกรณ์เสริมสำหรับการสนทนา การให้ความหมายของคำว่าอุปกรณ์เสริมสำหรับการสนทนา ปัจจุบันมีการใช้อย่างแพร่หลาย คือ แฮนด์ฟรี ชนิดเป็นสายยาวและมีไมค์เล็ก ๆ สำหรับการสนทนา หรืออุปกรณ์บลูทูธ  หูฟังสำหรับการสนทนา ซึ่งในเรื่องนี้ตำรวจแนะนำว่า การใช้แฮนด์ฟรี ควรใช้แบบเสียบหูข้างเดียว เพื่อให้สามารถฟังเสียงสภาพแวดล้อมบนถนนในขณะขับรถด้วย เช่น เสียงแตร เสียงสัญญาณรถกู้ภัย ต่าง ๆ เป็นต้น ซึ่งผู้ขับขี่   จำเป็นต้องทราบสภาพแวดล้อมในการขับขี่เพื่อจะได้ขับรถได้อย่างถูกต้องปลอดภัย
  
 ดังนั้นข้อโต้แย้ง กรณีที่จะให้ผู้ที่นั่งข้าง ๆ กดหมายเลขโทรศัพท์ให้ และยื่นโทรศัพท์แนบหูคนขับในขณะขับรถ ก็ถือว่าไม่ใช่ลักษณะของการใช้อุปกรณ์เสริมที่จะเข้าเกณฑ์ยกเว้นตามกฎหมายนี้ หรือการที่ผู้ขับรถใช้ศีรษะแนบโทรศัพท์ไว้กับไหล่ ก็ไม่ถือเป็นการใช้อุปกรณ์เสริมด้วยเช่นกัน รวมทั้งกรณีของผู้ที่ขี่รถจักรยานยนต์ที่เอาโทรศัพท์สอดไว้ระหว่างหูกับหมวกกันน็อก ก็ไม่ถือเป็นอุปกรณ์เสริมที่จะได้รับการยกเว้น หากทำพฤติกรรมดังนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจก็สามารถจับกุมได้ถือว่าทำผิดกฎหมาย
  
การที่จะทำผิดตามข้อหานี้ จะต้องครบองค์ประกอบทั้ง 3 ข้อคือ ใช้โทรศัพท์ในขณะขับรถ และจับหรือถือโทรศัพท์นั้น โดยไม่ได้ใช้อุปกรณ์เสริมสำหรับการสนทนา ก็ถือเป็นความผิดมีสิทธิโดนใบสั่ง ต้องเสียค่าปรับ ตั้งแต่ 400-1,000 บาท ต่อการกระทำความผิดแต่ละครั้ง
  
 พล.ต.ต.ภาณุ เกิดลาภผล รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) ดูแลงานจราจร กล่าวว่า ยังมีประชาชนที่มีข้อสงสัยในเรื่องนี้อีกหลายกรณี เช่น หากใช้โทรศัพท์โทรฯแจ้งเหตุด่วนเหตุร้ายจะผิดหรือไม่ ซึ่งหากตีความตามกฎหมายที่ประกาศใช้นี้ไม่ถือเป็นข้อยกเว้นเนื่องจากกฎหมายไม่ได้ระบุไว้ แต่หากจะเทียบเคียงกับกฎหมายในประเทศอังกฤษ ได้ระบุถึงการแจ้งเหตุที่จะเข้าข่ายยกเว้นก็ต่อเมื่อเป็นการโทรฯแจ้งเหตุที่เกิดกับตัวผู้ขับเองในขณะที่ตกอยู่ในภาวะอันตรายซึ่งไม่สามารถจอดรถได้ในขณะนั้น ซึ่งต้องเป็นเหตุด่วนเหตุร้ายที่เกิดขึ้นกับตัวคนขับ ไม่ใช่พบเห็นรถอื่นเกิดอุบัติเหตุแล้วโทรฯแจ้ง หรือโทรฯแจ้งป้ายล้ม ไฟดับ น้ำท่วม แบบนี้จะไม่เข้าข่ายยกเว้น แต่ในข้อหานี้การบังคับใช้ของเจ้าหน้าที่ก็สามารถใช้ดุลพินิจในการว่ากล่าวตักเตือนได้ นอกจากนี้ยังมีคนสอบถามมาว่าถ้าใช้วิทยุในรถ เช่น รถกู้ภัย รถแท็กซี่ จะถือว่าเป็นการใช้โทรศัพท์ในขณะขับรถด้วยหรือไม่นั้น การใช้วิทยุสื่อสาร ไม่ใช่โทรศัพท์มือถือ วิทยุเป็นเครื่องมือสนทนาที่ผู้พูดและผู้ฟังจะต้องคุยกันคนละช่วงเวลา ไม่สามารถสื่อสารโต้ตอบกันในเวลาเดียวเหมือนเช่นโทรศัพท์มือถือ การใช้วิทยุจึงไม่ถือเป็นความผิดตามกฎหมายนี้
  
 อย่างไรก็ตามอยากให้ประชาชนทำความเข้าใจกับกฎหมาย ไม่อยากให้มองว่าเรื่องนี้เป็นการจ้องจับผิดผู้ที่ใช้โทรศัพท์ แต่อยากให้ตระหนักถึงผลที่อาจเกิดขึ้นจากการเสียสมาธิในการขับรถ เกิดความเสียหายต่อผู้ที่ขับขี่ ผู้โดยสารมาด้วยและผู้ร่วมทาง คนใช้รถใช้ถนนคนอื่น ๆ ที่ต้องเสี่ยงเกิดอุบัติเหตุไปด้วย ซึ่งการจับกุมของเจ้าหน้าที่ก็ใช้วิธีการจับแบบที่มองเห็นการทำผิดซึ่งหน้า เหมือนกับการจับกุมผู้ขับรถฝ่าไฟแดง และหากไม่ยอมรับผิดยังมี   ข้อโต้แย้งถกเถียง ก็ให้นำตัวผู้กระทำผิดไปพบพนักงานสอบสวน ซึ่งการทำผิดในข้อหานี้เป็นเรื่องที่พิสูจน์ได้ไม่ยาก เพราะมีหลักฐานการโทรฯ ที่เช็กได้ทั้งจากโทรศัพท์และซิมการ์ด
  
ในเรื่องนี้ยังคงมีปัญหาและข้อสงสัยในกรณีต่าง ๆ อีกมาก เพราะเทคโนโลยีพัฒนาก้าวไกลไปทุกวัน ...แต่สิ่งสำคัญ ก็คือทำอย่างไรให้การขับรถเกิดความปลอดภัยที่สุด แม้จะรู้ แม้จะขับกันจนชินแล้ว แต่ทุกคนก็ยังมีโอกาสประสบอุบัติเหตุได้ทุกเมื่อ ...ป้องกันไว้ก่อนเป็นหนทางที่ดีที่สุด ทั้งเพื่อตัวเองและคนส่วนรวม.

* * * * * * * * * * * * * * * * *

พันตรีศิริชัย ทรัพย์ศิริ

นายกสมาคมคนพิการทางการเคลื่อนไหวสากล

โทร. 02-990-0331

http://www.apdi2002.com

http://www.youtube.com พิมพ์ apdi. หรือ สมาคมคนพิการ

 1205511309

ผู้แสดงความคิดเห็น พันตรีศิริชัย ทรัพย์ศิริ วันที่ตอบ 2008-05-12 12:57:20 IP : 124.121.135.122


ความคิดเห็นที่ 2 (2596595)

 

"ไม่ถือ ไม่โทร. ไม่ขับ" โหมโรงจับจริง 20 พ.ค.

 

 กฎหมายโทร.ไม่ขับ แม้ขณะรถติดไฟแดงก็ไม่สามารถพูดคุยมือถือได้ ขีดเส้น 20 พ.ค.เป็นต้นไป ขาเม้าท์ ขาจ้อโทร.ไม่หยุด อดเท่ เพราะตำรวจจับจริง แต่ช่วงนี้ถึง19 พ.ค. ถ้าตำรวจพบเจอซึ่งหน้าจะตักเตือนไปก่อน เพื่อเป็นการลดอุบัติเหตุบนท้องถนน การจราจรคล่องตัวมากขึ้น ขอความร่วมมือทุกคนพร้อมใจกันปฏิบัติตามกฎหมายห้ามโทร.ขณะขับ อย่างเคร่งครัด ดั่งเช่นต่างประเทศปฏิบัติกันมานานและเกิดผลดีตามมามากมาย

       แรกเริ่มเดิมทีสำหรับข้อกฎหมายนี้ได้เกิดขึ้นจากการอ้างสถิติการเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนในหลายๆ ประเทศเป็นตัววัด โดยกฎหมายที่ว่านี้ประเทศในแถบเอเชีย อาทิ ญี่ปุ่น มาเลเซีย สิงคโปร์ อินโดนีเซีย ฯลฯ ต่างก็มีใช้บังคับกันตั้งนานแล้ว และผลสถิติที่ได้ก็เห็นได้ชัดเจนว่า ทันทีที่กฎหมายนี้ได้มีผลใช้บังคับ สถิติการเกิดอุบัติเหตุในประเทศนั้นๆ ต่างก็ลดลงได้รวดเร็ว ทั้งนี้เป็นเพราะการใช้งานโทรศัพท์มือถือในขณะขับรถนั้นจะทำให้ความสนใจและการตอบสนองสิ่งต่างๆ ที่จำเป็นในการขับรถลดลง โดยเฉพาะเรื่องของการมองเห็นจะถูกสมาธิจากการใช้โทรศัพท์แบ่งไปครึ่งหนึ่ง ทำให้สมาธิการขับขี่เหลือเพียงครึ่งเดียว ซึ่งบางครั้งก็อาจจะทำให้มองไม่เห็นสัญญาณไฟจราจร หรือมีการเบรกที่ช้าลง รวมถึงการเร่งความเร็วขณะขับรถก็ช้าตามไปด้วย
       
       
สำหรับประเทศไทยนั้น แม้กฎหมายห้ามใช้โทรศัพท์ขณะขับรถจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 8 พ.ค.ที่ผ่านมา แต่ก็เป็นเพียงการตักเตือนจากเจ้าหน้าที่เท่านั้น โดยการลงโทษอย่างจริงจังนั้นจะเริ่มตั้งแต่วันที่ 20 พ.ค.เป็นต้นไป ทั้งการปรับเงิน การตัดแต้มหรือทั้งสองอย่าง โดยแค่ก้าวแรกของการใช้ข้อกฎหมายนี้ก็ได้เกิดปัญหาขึ้นเสียแล้ว เมื่อกล้องถ่ายรูปดิจิตอลพยานปากเอกสำหรับชี้ตัวผู้กระทำผิดมีไม่เพียงพอกับทุกๆ ท้องที่ จึงทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องทำงานอย่างยากลำบาก ทั้งยังเจอข้ออ้างที่ฟังไม่ขึ้นสารพัด ทั้ง ยกขึ้นมาดูเฉยๆ ไม่ได้โทร” “ยังไม่รู้ข้อกฎหมาย” “มีเรื่องด่วน จำเป็นที่ต้องใช้โทรศัพท์ เป็นต้น
       
       
แม้ว่าข้อกฎหมายจะมีข้อละเว้นในเรื่องของการใช้อุปกรณ์เสริม แต่ก็ยังไม่วายเป็นปัญหาขึ้นมาอีกจนได้ เมื่อประชาชนส่วนหนึ่งมักจะอ้างว่า โทรศัพท์รุ่นเก่าหาซื้ออุปกรณ์เสริมไม่ได้บ้าง” “ยังไม่ชินกับการใช้อุปกรณ์เสริมบ้าง หรืออุปกรณ์เสริมชำรุดบ้าง ซึ่งปัญหาเหล่านี้อาจจะเป็นเพียงระยะแรกที่พอจะอะลุ่มอล่วยให้อภัยกันได้ แต่เมื่อผ่านวันที่ 20 พ.ค.นี้ไปแล้ว ก็คงจะต้องเจอกับความเด็ดขาดของกฎหมายที่ข้ออ้างต่างๆ เหล่านี้จะใช้ไม่ได้ผลอีกต่อไป (บ้านเมืองอื่นกว่า 40 ประเทศยังทำกันมาได้ตั้งนาน แล้วทำไมเราถึงจะทำในสิ่งที่ดีๆ ตามแบบเขาไม่ได้บ้าง)
       
       
และที่ได้กล่าวในข้างต้นว่าเจ้าหน้าที่ได้รับความร่วมมือจากประชาชนเป็นอย่างดีนั้นคงจะไม่ผิดนัก เพราะหากดูจากสถิติในช่วงที่ผ่านมาจะเห็นได้ว่ายอดผู้ที่ถูกเรียกมากล่าวตักเตือนลดลง โดยในวันแรก (8 พ.ค.) มีผู้ถูกตักเตือนทั้งหมด 262 คน วันที่ 9 พ.ค. มีผู้ถูกเตือนทั้งหมด 207 คน วันที่ 10 พ.ค. มีผู้ถูกเตือนทั้งหมด 138 คน แต่ก็ยังคงปรากฏปัญหาเดิมๆ ซ้ำซากในทุกๆ วัน เช่น ผู้กระทำผิดไม่ยอมรับความผิด หรือรถติดฟิล์มดำทำให้ยากแก่การมองผู้กระทำผิด หรือไม่มีอุปกรณ์บันทึกภาพ เป็นต้น อีกทั้งการที่ยอดจำหน่ายอุปกรณ์เสริม (Small talk, Bluetooth) เพิ่มสูงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ได้แสดงให้เห็นถึงความตื่นตัวของผู้ใช้รถใช้ถนนที่มีต่อข้อกฎหมายนี้
       
       
โทรศัพท์มือถือ เข้ามามีบทบาทสำคัญต่อการดำรงชีวิตด้านการสื่อสาร จนกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวัน ประหนึ่งขาดเธอฉันตายแน่ แต่หากเรารู้จักใช้ให้ถูกเวลาและรู้จักใช้ให้เป็นก็จะสร้างประโยชน์ให้แก่เราได้อย่างมหาศาล

* * * * * * * * * * * * * * * * *

พันตรีศิริชัย ทรัพย์ศิริ

นายกสมาคมคนพิการทางการเคลื่อนไหวสากล

โทร. 02-990-0331

http://www.apdi2002.com

http://www.youtube.com พิมพ์ apdi. หรือ สมาคมคนพิการ

1405511750

ผู้แสดงความคิดเห็น พันตรีศิริชัย ทรัพย์ศิริ วันที่ตอบ 2008-05-14 17:38:05 IP : 124.121.143.207


ความคิดเห็นที่ 3 (3205954)
men"s bag for sale louis vuitton handbags reliableone of these things are the handbag women"s gucci hats paris women"s handbag catherine the family the popularity of the replica louis vuitton handba
ผู้แสดงความคิดเห็น 1 (bvnmem-at-bigstring-dot-com)วันที่ตอบ 2010-08-25 00:38:10 IP : 125.121.215.19


ความคิดเห็นที่ 4 (3206115)

ขอสนับสนุนกฏหมายขับไม่โทร แต่เพื่อให้คุณภาพของกฏหมายมีผลบังคับใช้อย่างจริงจังและได้ประสิทธิภาพสูงสุด ควรเพิ่มความรุนแรงของบทลงโทษสูง ๆ เพราะโดยพฤติกรรมการทำอะไรตามใจคือไทยแท้นี้แหละคือคนไทย  แต่ทั้งนี้แหละทั้งนั้น คุณภาพของผู้ปฏิบัติก็ต้องได้มาตรฐานด้วยเช่นกัน ไม่ใช่เอาไอ้กุ๊ยมาทำงานเพื่อดูแลกฎหมายนี่ก็เป็นปัญหา การจับกุมบนท้องถนนหากเพิ่มโทษสูง ๆ เช่นปรับขั้นต่ำ 5,*** และต้องมีเจ้าหน้าที่ ที่ได้มาตรฐานมาทำงาน จับแม้กระทั้งเจ้าใหญ่นายโตได้ หากกระทำผิด นั้นแหละกฎหมายเราจะทำให้ผู้ปฏิบัติเกรงกลัว หากคิดจะอารยะขัดขืน เคยจอดรถติดไฟแดง รถก็ไม่เยอะมากเหมือนในเมืองใหญ่ ด้วยเคารพกฎหมายคิดว่าเขากว่าจะเขียนขึ้นมาได้ ผ่านสมองของคนที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมาหลายฤดูกาล และเพื่อความปลอดภัยของผู้ปฏิบัติอย่างเราเองด้วย เพียงชั่วอึดใจรถตู่ติดตราโล่หวิ่งผ่าไฟแดงไป ดูซิไม่นึกอายคนพิการเลย ข้าง ๆ ทางก็มีไอ้กุ๊ยของ Clear ทางให้ พอรถตู่ผ่านไปได้ไม่นาน ไอ้กุ๊ยดังกล่าวก็หารายพิเศษ (เงินเดือนไม่พอจะรับประทานเพราะพฤติกรรมของหน่วยงานที่รับคนเข้ามางานไม่มีคุณภาพ) ก็จับเด็ก  ๆ ที่ไม่สวมหมวก น่าชื่นชมดีจริง ๆ รัฐบาลน่าจะมอบโล่ห หรือไม่ก็ประกาศคุณงามความดี สำหรับผู้ใหญ่ในบ้านในเมืองเรา ทำอะไรถึงจะผิด ก็มีข้ออ้างอยู่แล้ว เด็ก ๆ ทำอะไรไม่ได้ เพราะจะไปกระทบกระเทือนถึงหน้าที่การงาน.... การจับกุมก็ตั้งด่าน นั่งจับ นอนจับกันไปเป็นเดือน ๆ  หรือหลาย ๆ เดือน เลย เพราะจะทำให้ผู้ฝ่าฝืนจดและจำ  ไม่ใช่นึกอยาก เพราะขาดเงิน ก็จับสะเปะสะปะไปทั่ว แบบนั้นมันคงไม่ต้องหวังผลถึงคุณภาพอย่างแน่นอน...อย่าทำตามกระแส...

ผู้แสดงความคิดเห็น คนพิการที่เบื่อข้าราชการไทย วันที่ตอบ 2010-08-25 01:18:48 IP : 223.206.86.84


ความคิดเห็นที่ 5 (3217131)
uggs boots uggs boots store australia store australia ugg boots ugg boots discount ugg boots discount ugg boots
ผู้แสดงความคิดเห็น 1 (gptusq-at-inbox-dot-com)วันที่ตอบ 2010-10-11 15:03:18 IP : 125.121.206.235


ความคิดเห็นที่ 6 (3220354)
GHD MK4 curly hair straightener Permit your head of hair to angle for fifteen accounts and once more attain abiding your head of hair is absolutely dry You can dry your curly hair by itself or with curly hair dryer Accomplish abiding the hairdryer pointing straight down which can accept the aftereffect on hair follicles that would acquiesce them to point down and complete abiding your hair shine Research is an absolution or even a curse Of advance it is definitely an alloyed absolution on this break too for people with affection for look aided by the accession of ghd MK4 GHD MK4 hair adamant is absorbing and no agnosticism may be the absolution of research With the entire added role that has been an absolution to acclimatized the asparagus waves It truly is artlessly absurd and can"t be carried out unless of course you get one for you With numerous advantageous appearances has develop into the aboriginal very best for appearance aficionados The brand new larger technology is suggested to align your locks afterwards damage What is GHD MK4 curly hair adamant is success Able-bodied looking at the chump critiques which could admeasurements the acceptance of it What could be the affidavit for this kind of reputation In accordance to chump acknowledgment showed that humans achieved acclaim on your DVD MK4 ghd ghd straighteners be acutely advantageous to customers who"re accomplished together with the actual approach to attain an precise model Too the votes of barter for above superior articles or blog posts that motion GHD Hair Straighteners affliction head of hair additional safely afore and afterwards software the straightener All that is precise advantageous for those who carry out your head of hair extra commonly or you are able to say frequently
ผู้แสดงความคิดเห็น 1 (pkhdat-at-sohu-dot-com)วันที่ตอบ 2010-10-29 23:13:53 IP : 125.121.201.235


ความคิดเห็นที่ 7 (3221228)
Your Guide For Shopping for GHD Curly hair ghd straighteners The trend of hair follicles straightening has grow to be very popular nowadays and majority of females love to straighten their locks Inside the past it was frequent to straighten the hair follicles only on special events but currently women prefer to straighten their curly hair each day to look elegant and attractive It can be observed that hair follicles are damaged mainly because of exposure for the heat of your straightener so it can be needed to go by way of all safety measures that will minimize the harmful impacts of curly hair straighteners You will find various sorts of hair straighteners which have diverse features so the selection of your most suitable curly hair straightener is essential in accordance to the type of hair follicles so that you can stay away from the damaging effects ghd curly hair straightener could be the greatest straightener that offers quite a few advantageous capabilities You"ll find distinct models of ghd locks straighteners that happen to be suitable for certain sorts of head of hair GHD IV styler may be the most ideal tool that can be used for all forms of locks GHD IV salon styler is helpful for thick hair It has wider plates that make it effortless to straighten the curly hair in brief duration of time For those having brief hair follicles GHD IV mini styler may be the greatest option to buy and it can create waves or curls too For acquiring GHD hair follicles straightener it"s far better to evaluate the features and prices to select 1 which is in accordance to private demands There are lots of accessories that purchaser can obtain with the straightener so earlier than buying GHD hair follicles straightener the info about all equipment must be taken There are many ghd hair follicles straighteners that happen to be created in unique colors The coloration in the straightener has nothing to do with its features Individuals can choose any color of their choice Earlier than acquiring GHD locks straightener it"s vital to make sure that it provides the warranty of two years You will discover some pretend GHD hair follicles straighteners obtainable inside the markets so the buyer ought to be sure that the item he/she is getting is original If the GHD hair follicles straightener is bought from a reputable retailer then it"s going to not be a pretend straightener Cautious inspection earlier than buying the straightener lessens the dangers of getting a faux straightener
ผู้แสดงความคิดเห็น 1 (alxqro-at-hushmail-dot-com)วันที่ตอบ 2010-11-01 17:28:19 IP : 125.122.102.4



[1]


แสดงความคิดเห็น
ความคิดเห็น *
ผู้แสดงความคิดเห็น  *
อีเมล 
ไม่ต้องการให้แสดงอีเมล



สมาคมคนพิการทางการเคลื่อนไหวสากล 802/410 หมู่12 หมู่บ้านวังทองริเวอร์ปาร์ค ซอย10/4 ตำบลคูคต อำเภอลำลูกกา จังหวัดปทุมธานี 12130 โทร : 02-990-0331 Copyright © 2010 All Rights Reserved.